เจาะรากความสำเร็จ Samsung แชโบลตระกูลสำคัญ จากพ่อค้าปลาแห้ง สู่ผู้คุมเศรษฐกิจเกาหลีใต้ | Techsauce

เจาะรากความสำเร็จ Samsung แชโบลตระกูลสำคัญ จากพ่อค้าปลาแห้ง สู่ผู้คุมเศรษฐกิจเกาหลีใต้

เคยได้ยินเรื่องราวของ Samsung จากพ่อค้าปลาแห้ง ที่ไต่เต้าจนกลายมาเป็นผู้คุมเศรษฐกิจของประเทศ กันไหม ?

นี่ไม่ใช่นิยายแต่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นเมื่อปี 1938 ของชายชาวเกาหลีที่ชื่อว่า Lee Byung-chul (ลี บยอง ชอล) เจ้าของร้านขายของชำที่มาพร้อมพรสวรรค์ด้านการทำธุรกิจ ไม่ว่าจะหยิบจับอะไรก็ประสบความสำเร็จไปเสียหมด

ในบทความนี้ Techsauce จะพาไปเจาะว่าทำไมร้านของชำในเมืองเล็ก ๆ ถึงสามารถเติบโตจนกลายมาเป็นผู้คุมเศรษฐกิจของประเทศได้ แท้จริงแล้วมันมาจากความของเก่งของ Lee Byung-chul อย่างเดียวหรือเปล่า?

ผลพลอยได้ของ ‘พ่อค้าปลาแห้ง’ ใต้จักรวรรดิญี่ปุ่น

1938 คือปีที่ Lee Byung-chul ก่อตั้งร้านขายของชำแห่งแรกที่เมืองแทกูในชื่อ Samsung ที่แปลว่า ดาว 3 ดวง ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 เพียงแค่ปีเดียวเท่านั้น และยังเป็นช่วงที่เกาหลีอยู่ภายใต้อาณานิคมของจักรวรรดิญี่ปุ่นอีกด้วย (ตั้งแต่ 1910-1945) 

ในภาวะสงครามแบบนี้ คนส่วนใหญ่มักมองว่าเป็นช่วงที่ไม่เหมาะสมในการทำธุรกิจ แต่สำหรับ Lee Byung-chul เขากลับมองเห็นโอกาสทางธุรกิจ เพราะภายใต้จักรวรรดิญี่ปุ่นเกาหลีได้รับการวาง 3 รากฐานสำคัญในการทำธุรกิจ ได้แก่ กฎหมายก่อตั้งบริษัท, สกุลเงินที่มีมาตรฐาน, และประมวลกฎหมายการค้าแบบเยอรมันสมัยใหม่

จากการศึกษาพบว่า การเป็นเมืองขึ้นของญี่ปุ่นทำให้ระบบการทำธุรกิจของเกาหลีดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ ตลอดช่วงยุคอาณานิคมของญี่ปุ่นมีจำนวนบริษัทใหม่ในเกาหลีเพิ่มขึ้นถึง 11 เท่า แม้ว่าธุรกิจส่วนใหญ่ที่ได้ประโยชน์จะเป็นบริษัทญี่ปุ่นก็ตาม แต่ผลพลอยได้ของเกาหลีก็คือ รากฐานด้านระบบการค้าและการเงินที่ดีนั่นเอง

ด้วยความมีวิสัยทัศน์ของ Lee Byung-chul ที่มองเห็นโอกาสในการทำธุรกิจ เพราะในตอนนั้นเมืองแทกูยังไม่ขยายตัวเป็นเมืองใหญ่ ทำให้พอมีช่องว่างสำหรับธุรกิจขายของชำอยู่พอสมควร เขาจึงได้เริ่มมาจับธุรกิจร้านชำที่มีสินค้าหลักอย่างปลาแห้ง ผักผลไม้แห้ง และบะหมี่ที่ทำเอง ซึ่งเป็นหนึ่งในสินค้าที่คนส่วนใหญ่ในเกาหลีต้องการ ณ ช่วงนั้น

วิสัยทัศน์อันก้าวไกลของ Lee Byung-chul ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่ทำให้คนเกาหลีได้รู้จักกับธุรกิจที่ชื่อว่า Samsung แม้ในตอนนั้นจะเป็นเพียงแค่ร้านขายของชำประจำเมืองก็ตาม และต่อมาธุรกิจร้านชำ Samsung ก็กลายเป็นที่รู้จักในวงกว้างและได้ค้าขายส่งออกสินค้าให้กับเมืองรอบๆ 

เมื่อจบสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพญี่ปุ่นถอนกำลังออกจากเกาหลี หลังจากนั้นราว 2 ปี ร้านชำ Samsung ก็ขยายสาขาเข้าสู่กรุงโซลได้สำเร็จ  นับเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าธุรกิจประสบความสำเร็จอย่างมาก

Samsung โบกมือลาธุรกิจของชำ

ใครจะคิดว่าธุรกิจที่กำลังไปได้สวยจะต้องมาหยุดชะงักเพราะ ‘สงครามเกาหลี’ ในปี 1950 จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ Samsung ต้องโบกมือลาธุรกิจร้านชำอันรุ่งเรือง และสาขาใหม่ที่ขยายไปยังกรุงโซลก็ต้องปิดลงในปีนี้เช่นเดียวกัน 

สงครามกินเวลานานถึง 3 ปี ทำให้ในตอนนั้นเกาหลีใต้บอบช้ำมาก สูญเสียทั้งบ้านเมือง ประชากร ทหาร และเศรษฐกิจ เมื่อสงครามเกาหลีสิ้นสุดลง สิ่งแรกที่รัฐบาลเกาหลีใต้มุ่งมั่นทำมากที่สุดก็คือ ‘การฟื้นฟูประเทศ’ เพราะในเวลานั้นเกาหลีใต้เป็นหนึ่งในประเทศที่ยากจนที่สุดในเอเชีย

โดยการฟื้นฟูประเทศในครั้งนี้ได้รับความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ ที่เข้ามาพัฒนาคน การศึกษา โครงสร้างพื้นฐาน (ประปา ถนน ทางรถไฟ ฯลฯ) ไปจนถึงให้เงินกู้ที่ช่วยสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ เกษตรกรรม, และสิ่งทอ เป็นต้น

Lee Byung-chul ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ประกอบการเดิมจึงหันมาทำธุรกิจที่อยู่ในอุตสาหกรรมหลักด้วยเช่นกัน เริ่มจากโรงกลั่นน้ำตาลในปูซาน ขยายไปสู่อุตสาหกรรมสิ่งทอและสร้างโรงงานขนสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้ขณะนั้น 

การจับธุรกิจที่หลากหลายช่วยกระจายความเสี่ยง และทำให้ Lee Byung-chul กลายเป็นนักธุรกิจที่ร่ำรวยมาก จนบริษัท Samsung โตแบบก้าวกระโดดและสามารถขยายไปสู่ธุรกิจประกันภัย หลักทรัพย์ และการค้าปลีกได้ (เพราะเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของคนโดยตรง ไม่ว่าใครๆ ก็ต้องการ ซึ่งเมื่อทำธุรกิจประเภทนี้ก็จะมีแต่รวยเอา รวยเอา)

การไต่เต้ามุ่งสู่ ‘ผู้คุมเศรษฐกิจเกาหลีใต้’

ในปี 1960 นโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภาคอุตสาหกรรมของเกาหลีใต้เปลี่ยนแปลงไป รัฐบาลเริ่มมุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการให้หลากหลาย เพราะในช่วงนี้รัฐบาลเกาหลีต้องการจะปั้นกลุ่มผู้ประกอบการหลักที่จะเข้ามาทำธุรกิจเพื่อเดินหน้าเศรษฐกิจเกาหลีใต้ให้โตอย่างรวดเร็ว 

หรือพูดง่าย ๆ ก็คือการให้คนเพียงแค่กลุ่มหนึ่งเป็นแม่ทัพในการทำธุรกิจ เพื่อที่จะดึงเศรษฐกิจของประเทศให้โตอย่างก้าวกระโดด ไม่ใช่การกระจายโอกาสให้ทุกๆ คน เนื่องจากเป้าหมายสำคัญคือการฟื้นฟูประเทศอย่างรวดเร็วเท่าที่จะทำได้  

ซึ่งในช่วงเวลาเดียวกัน Lee Byung-chul ก็ถือเป็นเป็นนักธุรกิจที่มั่งคั่งและมีกิจการหลากหลาย ซึ่งจุดนี้อาจอนุมานได้ว่า Samsung นั้นมีศักยภาพมากพอที่จะช่วยดันเศรษฐกิจเกาหลีใต้ให้โตไวอย่างที่รัฐหวัง 

รัฐบาลเกาหลีใต้จึงได้อัดฉีดงบที่ได้จากสหรัฐ รวมถึงออกนโยบายกีดกันธุรกิจอื่นๆ เพื่อดันให้ Samsung มาเป็นแม่ทัพสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และนี้คือยุคที่กลุ่มธุรกิจแชโบลถือกำเนิดขึ้น รวมถึง Samsung ก็เป็นผู้ประกอบการรุ่นแรกของแชโบลด้วยเช่นกัน 

ตั้งแต่ 1960-1980 จึงเป็นปีแห่งการเติบโตอย่างก้าวกระโดดที่พลิกธุรกิจจากผู้ประกอบการธรรมดา สู่ธุรกิจที่ผูกขาดทั้งเศรษฐกิจเกาหลีใต้

‘อิเล็กทรอนิกส์’ อุตสาหกรรมใหม่เกาหลีใต้ในร่ม Samsung

เมื่อได้ทุนอัดฉีดจากรัฐ Samsung ก็เริ่มมองหาน่านน้ำใหม่ๆ เพราะตอนนี้ธุรกิจค้าปลีกก็มีแล้ว ธุรกิจหลักทรัพย์ก็มีแล้ว หรือแม้แต่ประกันภัยก็มีแล้ว และยังเหลืออุตสาหกรรมไหนที่สามารถดึงเศรษฐกิจเกาหลีใต้และอาจกลายเป็นปัจจัยพื้นฐานของคนในอนาคตอีก?

คำตอบก็คืออุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ดังนั้น ในปี 1960-1980 จึงเป็นช่วงที่ Samsung เริ่มต้นในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ โดยมุ่งเน้นใน 4 แผนกสำคัญ ได้แก่ 

  • Samsung Electronics Devices: แผนกนี้เน้นไปที่การผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงโทรทัศน์ วิทยุ และอุปกรณ์ในครัวเรือนอื่นๆ
  • Samsung Electro-Mechanics: ผลิตส่วนประกอบระบบเครื่องกลไฟฟ้า เช่น ตัวเก็บประจุ ตัวต้านทาน และขั้วต่อไฟฟ้า เป็นต้น
  • Samsung Corning: พัฒนาผลิตภัณฑ์แก้วคุณภาพสูงสำหรับใช้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น หน้าจอแสดงผลและเลนส์
  • Samsung Semiconductor & Telecommunications: ผลิตเซมิคอนดักเตอร์และอุปกรณ์โทรคมนาคม 

มีพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจมากมายที่เข้ามาร่วมมือกับ Samsung และหนึ่งในนั้นก็คือ Sanyo บริษัทอิเล็กทรอนิกส์สัญชาติญี่ปุ่น เข้ามาจับมือ Samsung ร่วมกันพัฒนาเครื่องใช้ไฟฟ้า ปูทางไปสู่การผลิตทีวี ไมโครเวฟ และผลิตภัณฑ์อื่นๆ 

ในปี 1970 Samsung Electronics ผลิตทีวีขาวดำเครื่องแรกสำเร็จ และได้เริ่มส่งออกไปยังปานามาในปี 1971 ซึ่งขนาดตลาดสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ต้องขยายไลน์การผลิต และในปี 1978 บริษัทสามารถผลิตทีวีขาวดำได้ถึง 4 ล้านเครื่อง เป็นการผลิตโทรทัศน์ที่มากที่สุดในโลกในช่วงนั้นเลย 

จนในปี 1980 บริษัทสามารถขยายสาขาไปยังไปยังเยอรมนี โปรตุเกส และนิวยอร์กได้ แต่จุดเปลี่ยนสำคัญไม่ใช่การขยายสาขา เพราะหลังจากดำเนินกิจการในสหรัฐฯได้ 3 ปี Samsung Electronics ในสหรัฐฯ สามารถพัฒนาชิป Dynamic Random-Access Memory (DRAM) ตัวแรกของบริษัทได้สำเร็จ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่คอมพิวเตอร์ สมาร์ตโฟน และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ประเภทอื่นๆ ต้องมี

ในปี 1984 บริษัทจึงมียอดขายทะลุ 1 ล้านล้านวอน ซึ่งเทียบเท่า 3.4 ล้านล้านวอน ในปัจจุบัน (ประมาณ 9.1 หมื่นล้านบาท) และทำให้ Samsung กลายเป็นผู้นำตลาดในชิปหน่วยความจำในช่วงต้นปี 1990 ซึ่งปี 1993 ก็กลายเป็นผู้ผลิต DRAM ชั้นนำของโลก 

และยังคงครองตำแหน่งในฐานะผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ชั้นนำของโลกจนถึงทุกวันนี้ เพราะแม้แต่ Apple คู่แข่งของ Samsung ก็ยังใช้ชิปชิปหน่วยความจำของ Samsung เช่นเดียวกัน เรียกได้ว่าเป็นบริษัทแรกๆ ของเกาหลีใต้ที่เริ่มมาพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีเลย

ความสำเร็จมาจากความเก่งของ Lee Byung-chul อย่างเดียว?

หากย้อนกลับที่คำถามตั้งต้นว่า ทำไมร้านของชำในเมืองเล็ก ๆ ถึงสามารถเติบโตจนกลายมาเป็นผู้คุมเศรษฐกิจของประเทศได้ แท้จริงแล้วมันมาจากความเก่งของ Lee Byung-chul อย่างเดียวหรือเปล่า?

ก็อาจพูดได้ว่าที่ Samsung ก้าวมาเป็นผู้คุมเศรษฐกิจเกาหลีได้ส่วนหนึ่งก็มาจากวิสัยทัศน์และความยืดหยุ่นเอาตัวรอดของ Lee Byung-chul ที่มองเห็นโอกาสทางธุรกิจและรู้ว่าเมื่อไหร่ธุรกิจไหนควรจบลง และธุรกิจไหนควรไปต่อ 

แต่ความยิ่งใหญ่ของ Samsung และกลุ่มแชโบลทั้งหลายในเกาหลีใต้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าไม่มีแรงสนับสนุนจากรัฐบาล จุดนี้ถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่ทำให้ Samsung ผงาดง้ำค้ำประเทศได้ขนาดนี้ และหากถามว่าประเทศเกาหลีได้ประโยชน์อะไรจากการสนับสนุนกลุ่มแชโบล 

สิ่งที่เห็นชัดมากที่สุดคือเกาหลีหลุดจากประเทศที่อยากจนที่สุด และก้าวขึ้นมาเป็นเสือตัวที่ 4 ของเอเชียที่เศรษฐกิจของประเทศใหญ่ติดอันดับ Top 10 ของโลกได้ แต่ทั้งหมดนี้ก็ต้องแลกมาด้วยการผูกขาดทางเศรษฐกิจของกลุ่มแชโบล จากเรื่องราวของ Samsung ทุกคนคิดว่าในประเทศไทยมีกลุ่มธุรกิจไหนที่คุมเศรษฐกิจของเราแบบนี้อยู่หรือเปล่า ?

อ้างอิง: hse.ru, blogs.lse.ac.uk, ciaotest.cc.columbia.edu, washingtonpost, lifewire, archive.nytimes, businessinsider

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ย้อนรอยเส้นทางความสำเร็จของ TSMC จากบริษัทเล็กๆ ในไต้หวัน สู่ยักษ์ใหญ่แห่งวงการเซมิคอนดักเตอร์

ย้อนกลับไปในปี 1987 บนเกาะไต้หวันที่ไม่เป็นที่รู้จักในวงการเทคโนโลยีในขณะนั้น ใครจะคาดคิดว่าการก่อตั้งบริษัทเล็ก ๆ อย่าง Taiwan Semiconductor Manufacturing Company หรือ TSMC จะกลาย...

Responsive image

21 ปี Subway ในประเทศไทย ขายแซนด์วิชชิ้นละร้อยอย่างไรให้อยู่รอด

ทำไม Subway ถึงสามารถขายแซนด์วิชชิ้นละเกินร้อยบาทในไทยได้ ทั้งที่ประเทศไทยก็มีแซนวิชไส้แน่นราคา 20 ขายกันทั่วไป ?...

Responsive image

การต่อสู้ของ Canva สตาร์ทอัพที่กล้าท้าชน Adobe

เจาะเส้นทางการต่อสู้ของ Canva สตาร์ทอัพสายดีไซน์ที่กล้าท้าชน Adobe ตั้งแต่จุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ในห้องนั่งเล่นจนสู่เวทีโลก พร้อมแผนบุกตลาดด้วย AI และการเข้าซื้อกิจการ หวังคว้าส่วนแบ่งจ...