ในทุกปี ห้าบริษัทใหญ่ด้านน้ำมันและก๊าซของโลกใช้เงินประมาณ 200 ล้านดอลลาร์ในการล็อบบี้หรือควบคุมชะลอ ปิดกั้นการขับเคลื่อนนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม สร้างความลำบากให้กับรัฐบาลในการผลักดันกฏหมายตามข้อตกลง Paris Agreement ซึ่งเป็นการทำข้อตกลงเพื่อแก้ไขปัญหาโลกร้อน แน่นอนว่าบริษัทต่างๆ ไม่อยากที่จะเปิดเผยข้อมูลตัวเลขในการกระทำดังกล่าว แต่รายงานจาก InfluenceMap ได้ทำการประเมินข้อมูลเหล่านี้
BP มีค่าใช้จ่ายต่อปีสูงสุดในการล็อบบี้อยู่ที่ 53 ล้านดอลลาร์ ตามด้วย Shell ที่ 49 ล้านดอลลาร์ ExxonMobil ที่ 41 ล้านดอลลาร์ Chevron และ Total คนละ 29 ล้านดอลลาร์ ในทุกปี ซึ่งเงินเหล่านี้ถูกนำไปโน้มน้าวนักการเมืองและบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการออกนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ดั่งในโฆษณาของ BP ที่มีการเผยแพร่ทาง Social media และช่องทางการโฆษณาว่า ปัญหาโลกร้านนั้นคือความท้าทายที่เคียงคู่กับปัญหาพลังงาน
ผลวิจัยยังค้นพบว่าห้าบริษัทนี้ยังมีการสนับสนุนการล๊อบบี้การใช้เงินปีละ 195 ล้านดอลลาร์ สำหรับกิจกรรมเพื่อการสร้างแบรนด์โดยมุ่งเน้นไปที่การแนะนำว่าพวกเขาสนับสนุนการดำเนินการกับการสภาวะสิ่งแวดล้อม โดยกลยุทธ์หลักๆ ก็คือการสร้างให้คนเห็นเรื่องการใช้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ที่ต่ำลง สร้างตำแหน่งบริษัทตนเสมือนผู้รู้ด้านสภาวะโลกร้อนและคอยให้ความรู้กับผู้คนโดยละเลยการแก้ไขปัญหา รายงานกล่าวว่าการรณรงค์ดังกล่าวทำให้ประชาชนเข้าใจผิด เนื่องจากบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ยังคงขยายกิจกรรมการสกัดน้ำมันและก๊าซ โดยมีเพียง 3 เปอร์เซ็นต์ของการใช้จ่ายที่มุ่งไปยังโครงการใช้คาร์บอนไดออกไซต์ต่ำ ถึงอย่างไรก็ตาม ทั้ง Shell และ Chevron ปฏิเสธข้อค้นพบของรายงาน และยังตอกย้ำความมุ่งมั่นที่จะลดก๊าซเรือนกระจกและแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมต่อไป
ที่มา: Forbes.com
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด