aCommerce ฉลองครบรอบหนึ่งปีของกลยุทธ์ “aCommerce 2.0” พร้อมตั้งทีมผู้บริหารใหม่ | Techsauce

aCommerce ฉลองครบรอบหนึ่งปีของกลยุทธ์ “aCommerce 2.0” พร้อมตั้งทีมผู้บริหารใหม่

หนึ่งปีหลังจากการใช้กลยุทธ์ดังกล่าว ทางaCommerce บริษัทอีคอมเมิร์ซชั้นนำได้เปิดตัวการใช้งานกลยุทธ์ “aCommerce2.0” การรับมือกับการระบาดของ COVID-19 ที่มีผลกระทบต่อธุรกิจและประกาศการแต่งตั้งใหม่ โดยมีจุดเด่นที่น่าสนใจดังต่อไปนี้:

  • เพิ่มการทำกำไรผ่านการจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ
  • มีรายได้สูงถึง 120% เฉลี่ยต่อลูกค้าโดยนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ปี 2019 โดยยังคงมุ่งเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าหลักรวมถึง Samsung, Unilever, Nestlé, L'Oréal, Philips, Adidas และ Mars;
  • รองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นในด้านการจัดจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์โดยตรงกับลูกค้าเนื่องจากการระบาดของ COVID-19 ทำให้ผู้บริโภคต้องหันไปใช้งานแพลตฟอร์มออนไลน์ และ
  • เพิ่มผู้บริหารระดับอาวุโสที่ผู้มีความสามารถในการช่วยพัฒนา “ aCommerce 2.0” ให้เติบโตต่อไป 

อัปเดตเกี่ยวกับ“ aCommerce 2.0” และเส้นทางสู่การทำกำไร

การดำเนินการตามกลยุทธ์“ aCommerce 2.0” ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาทำให้บริษัทกลายเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำด้านอีคอมเมิร์ซรวมถึงยังช่วยพัฒนาระบบอีคอมเมิร์ซของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้ก้าวหน้าต่อไป aCommerce ได้ลงทุนอย่างมีกลยุทธ์ในด้านเทคโนโลยีอีคอมเมิร์ซและการบริการแบรนด์หลัก, พัฒนาแนวทางการปฎิบัติงานหรือ SOP, ยกระดับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซแบบครบวงจร, จ้างบุคคลภายนอก(outsource)ให้ดำเนินงานที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักของบริษัท, ลดสัญญาที่ทำกำไรลง จึงทำให้บริษัทได้บรรลุเป้าหมายของกลยุทธ์“ aCommerce 2.0” ทั้งหมดรวมถึงได้รับผลกำไรก่อนกำหนด

องค์ประกอบสำคัญของกลยุทธ์ที่ทำให้บริษัทเชื่อมั่นว่า:

  • จัดลำดับความสำคัญและปรับปรุงการให้บริการอีคอมเมิร์ซแบบครบวงจรสำหรับลูกค้าเพื่อสร้างและกระชับความสัมพันธ์ระยะยาว
  • มุ่งเน้นไปที่ตลาดหลักของ aCommerce ที่มีอยู่แล้ว
  • มุ่งเน้นที่จะเปลี่ยนจากการให้บริการแบบจุดเดียวให้กับลูกค้าที่ทำธุรกิจค้าขายและบริการอื่นๆเป็นการให้บริการแบบครบวงจร อีกทั้งสร้างความแตกต่างจากบริษัทอื่นๆที่ให้บริการนั้นๆอยู่ก่อนแล้วในตลาด และ
  • เพิ่มขีดความสามารถในการทำกำไรในปี 2020 โดยการพัฒนาอีคอมเมิร์ซแบบครบวงจรและสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในด้านการปฏิบัติงาน

“กลยุทธ์ ‘aCommerce 2.0’ ของเราทำให้เราสามารถปรับปรุงการให้บริการแก่ลูกค้ากว่า 160 รายที่มีค่าของเรา ยิ่งไปกว่านั้นยังช่วยให้เราทำกำไรและเติบโตขึ้นกว่า 120% สำหรับรายรับคิดต่อลูกค้าตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2019 อีกด้วยเรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะส่งมอบการเติบโตของรายได้ที่เพิ่มขึ้นกว่า 40% ต่อปีจากลูกค้าระยะยาวที่มีอยู่ของเรา เราสามารถทำได้เพราะเราเพิ่มปริมาณและราคาเฉลี่ยต่อการสั่งซื้อ ซึ่งเฉลี่ยแล้วเติบโตขึ้น 15% ต่อปีซึ่งในปัจจุบัน เราตั้งราคาอยู่ประมาณ US$38 ซึ่งหากเรามองดูภาพรวมจากการใช้งบประมาณอย่างถูกต้อง ทำให้กระแสเงินของบริษัทค่อนข้างที่จะมีกระแสเงินสดเชิงบวก และตอนนี้เรากำลังมองหาผู้ถือหุ้นระยะยาวในอนาคตอันใกล้นี้” กล่าวโดย Piers Bennett, Co-Founder และ Group CFO

ผลกระทบของ COVID-19

การระบาดของ COVID19 ในต้นปี 2020 เผยถึงความท้าทายที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในโลกของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงการดำเนินงานขององค์กรและพฤติกรรมผู้บริโภค การระบาดของ COVID19 กำลังเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคให้หันมาใช้แพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น รวมถึงสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลที่รวดเร็วยิ่งขึ้น แบรนด์ต่างๆหันมาใช้Omni-channel มากยิ่งขึ้น   

ถึงเวลาแล้วที่บริการทั้งแบบดิจิทัลและอีคอมเมิร์ซกำลังจะเป็นที่ต้องการมากยิ่งขึ้น ในฐานะที่เป็นผู้ให้บริการด้านอีคอมเมิร์ซ์ ทาง aCommerce ซึ่งมีความสามารถในด้านเทคโนโลยีแบบบูรณาการและการให้ข้อมูลแบบครบวงจรแก่ลูกค้าทั้งนี้ จึงนำกลยุทธ์ "aCommerce 2.0"มาใช้ เพื่อช่วยเหลือลูกค้า 

“เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและมีนัยสำคัญต่อธุรกิจของเราซึ่งเป็นผลมาจาก COVID-19 เช่นสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นและการดูแลสุขภาพ เราจะเห็นว่าอัตราการเติบโตปีต่อปีนั้นเป็นตัวเลขสามหลัก อย่างไรก็ตาม สินค้าหรูหราและสินค้าอิเล็คทรอนิคส์มีอัตราการเติบโตที่ 40% ต่อปี เนื่องจากแบรนด์ต่างๆให้ความสำคัญกับการจัดจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์อย่างทันท่วงที เมื่อต้องเผชิญกับการลดลงของการขายผ่านช่องทางออฟไลน์แบบดั้งเดิม นอกจากนี้เรายังเห็นส่วนแบ่งยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากการขายแบบ Direct-to-Customer เช่น แพลตฟอร์มโซเชี่ยล, B2B และร้านค้าออนไลน์ของบริษัทหรือ“ brand.com” ซึ่งเราดำเนินงานอยู่ในปัจจุบันมากถึง 50% ของยอดขายจากประมาณ 20% ถึง 30% ในปีที่แล้ว จากการตัดสินใจเมื่อปีที่แล้วของเราส่งผลรายได้ของเราเพิ่มขึ้น ซึ่งนำไปสู่การทำกำไรก่อนที่กำหนดไว้ได้อย่างรวดเร็ว” กล่าวโดย Paul Srivorakul, Co-founder และ Group CEO 

การประกาศการแต่งตั้งตำแหน่งใหม่

บริษัทยังได้ประกาศเพิ่มเติมในด้านการแต่งตั้งบุคคลเหล่านี้เพื่อพัฒนาจุดยืนของ aCommerce  เพื่อการเติบโตต่อไป: 

  • Mr. Luca Altomare เข้ามารับตำแหน่ง Group Chief Operating Officer (“COO”) ในบทบาทนี้ Luca จะรับผิดชอบในการจัดการ aCommerce และผลักดันการดำเนินงานให้ดียิ่งขึ้น เขาจะมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนและช่วยให้บริษัทเติบโตอย่างยั่งยืนทั้งในแง่ของเศรษฐกิจและกำไรในระยะยาว ก่อนหน้านี้เขาเคยดำรงตำแหน่ง SVP ฝ่ายการจัดจำหน่ายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ Li & Fung Group และเคยทำงานกับบริษัทที่ปรึกษาที่เป็นพันธมิตรของเรา
  • Mr. Peter Kopitz เป็นCo-Founderและอดีต Group Chief Operating Officer (COO) ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น Group Chief Commercial Officer (“CCO”) สำหรับตำแหน่งใหม่ของ Peter นั้น เขาจะรับผิดชอบด้านการขยายเครือข่ายและกระชับความสัมพันธ์ทั่วทั้งภูมิภาครวมถึงพันธมิตรหลัก   
  • Ms. Phensiri Sathianvongnusar ได้รับการแต่งตั้งเป็น Chief Business Officer (“CBO”) โดย Phensiri ถือเป็นบุคคลากรสำคัญในการช่วยพัฒนาธุรกิจในประเทศไทยของ aCommerce และขับเคลื่อนการดำเนินการเชิงปฎิบัติและเชิงพาณิชย์ทั่วทั้งภูมิภาค รวมถึงเธอจะยังคงรับตำแหน่ง CEO ของประเทศไทย เพียงแต่ได้รับความรับผิดชอบใหม่และทำงานร่วมกับ Luca เพื่อการผลักดันที่ดีที่สุดให้กับบริษัทต่อไป
  • Mr. Graeme Kingshott เข้ามารับตำแหน่ง Group Finance Director รวมถึง Graeme เคยเป็น CFO และ Finance Director ให้กับหลากหลายบริษัทมาแล้วทั่วโลก โดยเขาจะขึ้นตรงกับ Co-Founder and CFO คือ Mr. Piers Bennett บทบาทใหม่ของ Graeme คือดูแลและจัดการเงินทุนหมุนเวียนของ aCommerce ทั่วโลกให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด รวมถึงทำให้มั่นใจว่าเป็นไปตามมาตรฐานและทำการรายงานผลต่อไป

“เรารู้สึกเป็นเกียรติในการต้อนรับผู้บริหารอาวุโสที่มีประสบการณ์สูงอย่าง Luca และผมหวังว่าจะได้ทำงานร่วมกับเขาเพื่อบรรลุเป้าหมายของเราในการเป็นบริษัทชั้นนำที่มีอัตราการเติบโตสูงที่สุดและมีกระแสเงินสดที่ดีที่สุด สำหรับการแต่งตั้งตำแหน่งใหม่ให้กับ Peter, Phensiri และ Graeme บ่งบอกถึงความสามารถของเราในการคัดเลือก, รักษาและพัฒนาเหล่าผู้นำที่แข็งแกร่ง เราได้รวบรวมผู้บริหารชั้นนำเพื่อดำเนินการตามกลยุทธ์ 'aCommerce 2.0' อย่างต่อเนื่องเพื่อยกระดับเราให้ไปสู่ระดับต่อไป รวมถึงสร้างมูลค่าที่ยั่งยืนสำหรับคู่ค้า,ลูกค้าและพนักงานของเรา” สรุปโดย Mr. Srivorakul.

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

YouTube Shorts ยกระดับวิดีโอสั้น เพิ่มความยาววิดีโอสูงสุดเป็น 3 นาที พร้อมฟีเจอร์ใหม่ เริ่ม 15 ตุลาคมนี้

YouTube Shorts กำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของการสร้างคอนเทนต์วิดีโอสั้น โดยเตรียมเพิ่มความยาวสูงสุดของวิดีโอจาก 60 วินาที เป็น 3 นาที นับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่จะเปิดโอกาสให้...

Responsive image

โดรนบุก! Silicon Valley เปิดตัวขนส่งสุดล้ำ ส่งตรงถึงบ้านด้วยระบบอัตโนมัติ

Matternet ผู้นำด้านเทคโนโลยีโดรน สร้างปรากฏการณ์ใหม่ ด้วยการเปิดตัวบริการส่งของด้วยโดรนในซิลิคอนวัลเลย์ใครจะเชื่อว่าภาพยนตร์ไซไฟที่เราเคยดูจะกลายเป็นจริง เมื่อโดรนเริ่มส่งของถึงบ้า...

Responsive image

เปิดหลักสูตร “วิศวกรรมเซมิคอนดักเตอร์” นำร่อง จุฬาฯ - มจพ. - สจล. เริ่มเรียนปีการศึกษา 2568

เปิดหลักสูตร “วิศวกรรมเซมิคอนดักเตอร์” ครั้งแรกของประเทศไทย โดยจะเริ่มเรียนในปีการศึกษา 2568 นี้ มีสถาบันนำร่องถึง 3 แห่ง ได้แก่ จุฬาฯ, มจพ. และ สจล....