
ใน iOS 26 นี้ Apple ได้อัปเกรดการจัดการพลังงานครั้งใหญ่ด้วยฟีเจอร์ใหม่ที่ชื่อว่า Adaptive Power ซึ่งเป็นคู่หูอัจฉริยะที่จะทำงานร่วมกับ Low Power Mode (โหมดประหยัดพลังงาน) ที่เราคุ้นเคยกันดี
Adaptive Power ทำงานอย่างไร?
เป้าหมายหลักของ Adaptive Power คือการยืดอายุแบตเตอรี่ให้ยาวนานที่สุด โดยที่ผู้ใช้แทบไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลง หลักการทำงานของมันคือ:
- ทำงานเบื้องหลังอัตโนมัติ: ระบบจะคอยจัดการพลังงานให้เอง โดยที่เราไม่ต้องเข้าไปตั้งค่าอะไรเลย
- ปรับเปลี่ยนเมื่อจำเป็น: เมื่อตรวจพบว่ามีการใช้แบตเตอรี่สูงกว่าปกติ ฟีเจอร์นี้จะเริ่มทำงาน โดยจะปรับประสิทธิภาพของเครื่องลง เพียงเล็กน้อย เท่านั้น เช่น
- ลดความสว่างของหน้าจอลงเล็กน้อย
- ยอมให้แอปหรือกิจกรรมบางอย่างในเบื้องหลังใช้เวลาประมวลผลนานขึ้นนิดหน่อย
ทำงานคู่กับ Low Power Mode อย่างฉลาดขึ้น
Adaptive Power ไม่ได้มาแทนที่ Low Power Mode แต่มาช่วยให้มันทำงานได้ฉลาดขึ้น โดยสามารถเปิด Low Power Mode ให้โดยอัตโนมัติเมื่อแบตเตอรี่เหลือ 20% แต่ความพิเศษอยู่ตรงที่ระบบจะ ตัดสินใจตามสถานการณ์ ณ ขณะนั้น เช่น:
- ถ้ากำลังเล่นเกม: ระบบอาจจะไม่เปิด Low Power Mode ให้ เพื่อรักษาประสิทธิภาพและเฟรมเรตให้ดีที่สุด
- ถ้ากำลังท่องเว็บไซต์ทั่วไป: ระบบอาจจะเปิด Low Power Mode ให้ทันทีเพื่อประหยัดพลังงาน
เมื่อ Low Power Mode ถูกเปิดใช้งาน (ไม่ว่าจะเปิดเองหรือโดยอัตโนมัติ) ก็จะยังคงจำกัดฟีเจอร์บางอย่างเหมือนเดิม เช่น 5G, การรีเฟรชแอปเบื้องหลัง และการดาวน์โหลดอัตโนมัติ
เบื้องหลังคือ AI และความยืดหยุ่นที่มากขึ้น
- เลือกเปิดได้ (Opt-in): ผู้ใช้เป็นคนตัดสินใจเองว่าจะเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้หรือไม่ โดยสามารถเข้าไปเปิดให้ ทำงานตลอดเวลา ได้ที่หน้าการตั้งค่าแบตเตอรี่ (Battery Settings) ที่ถูกออกแบบใหม่ใน iOS 26
- ขับเคลื่อนด้วย AI: มีรายงานว่าฟีเจอร์นี้ใช้ AI หรือ Apple Intelligence เพื่อเรียนรู้พฤติกรรมการใช้งานของเรา และอาจต้องอาศัยพลังการประมวลผลจากชิป A18/A18 Pro ในการวิเคราะห์และปรับลดการใช้พลังงานของแอปต่างๆ ให้เหมาะสมที่สุด
- รองรับ ProMotion: Adaptive Power สามารถทำงานได้โดยที่ ไม่ปิดหน้าจอ ProMotion (120Hz) ซึ่งต่างจาก Low Power Mode แบบเดิมที่มักจะจำกัดอัตรารีเฟรชไว้ที่ 60Hz ทำให้ผู้ใช้ยังคงได้รับประสบการณ์ที่ลื่นไหลแม้ในโหมดประหยัดพลังงาน
Apple ก็ระบุว่า iPhone ทุกรุ่นที่อัปเดตเป็น iOS 26 ได้ จะสามารถใช้งานได้ อย่างไรก็ตาม จากการทดสอบของผู้ใช้ในเวอร์ชันเบต้าบนเว็บไซต์ Reddit พบว่า:
- มีให้ใช้บน: iPhone 15 Pro และ iPhone 16 series
- ยังไม่มีให้ใช้บน: iPhone 14 Pro, iPhone 15 รุ่นธรรมดา และ M2 iPad Pro
จึงมีการคาดการณ์ว่าการรองรับอาจเชื่อมโยงกับฮาร์ดแวร์ที่จำเป็นสำหรับ Apple Intelligence โดยในตอนนี้ได้เปิดให้ทดสอบแล้วสำหรับนักพัฒนา (Developer Beta) และจะเปิดให้ผู้ใช้ทั่วไปทดสอบ (Public Beta) ในเร็วๆ นี้