
ดูเหมือนว่า Amazon กำลังส่งซิกบางอย่างให้กับพนักงาน หลัง Audy Jassy ซีอีโอของบริษัทออกมาพูดถึง AI และบอกว่ามันช่วยทำงานให้บริษัทได้เร็วขึ้น ประหยัดงบ และ ‘ใช้คนน้อย’
ในข้อความที่เขาส่งให้พนักงาน Jassy พูดถึง Generative AI ว่าเป็นเทคโนโลยีที่ ‘เปลี่ยนโลกได้’ และเผยว่ากำลังใช้งานเทคโนโลยีนี้ "แทบจะทุกส่วนในองค์กร" พร้อมเสริมว่าตอนนี้มีโปรเจกต์เกี่ยวกับ AI กว่า 1,000 โปรเจกต์ และย้ำว่านั่นเป็นเพียงเศษเสี้ยวเล็ก ๆ ที่กำลังซุ่มพัฒนาอยู่ สิ่งนี้กำลังแสดงให้เห็นว่าองค์กร กำลังทุ่มสุดตัวให้กับ AI ซึ่งสอดคล้องกับที่เคยประกาศว่าจะลงทุนกับ AI สูงถึง 1 แสนล้านดอลลาร์ในปีนี้
ดูเหมือนว่า Amazon จะไม่ได้มุ่งมั่นกับพวกเขาในระยะยาวเท่าไหร่นัก Jassy บอกกับพนักงาน 1.5 ล้านคนว่า Generative AI จะ "เปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานของเรา" และกล่าวว่าในท้ายที่สุด บริษัทจะ "ต้องการคนน้อยลงสำหรับงานบางประเภทและต้องการคนมากขึ้นสำหรับงานประเภทอื่นๆ"
พูดง่าย ๆ ก็คืองานบางประเภทอาจจะใช้คนน้อยลง หรืองานนั้นอาจจะหายไป และคนที่ทำงานในตำแหน่งนั้น ๆ อาจต้องเปลี่ยนไปทำอย่างอื่นแทน ถ้าไม่อยากถูกแทนที่
"มันยากที่จะบอกอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นแต่ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เราคาดว่าจะมีพนักงานน้อยลง เพราะองค์กรจะทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นจาก AI" Jassy เขียน
นอกจากนี้ CEO ยังได้เสนอแนะแนวทางให้พนักงานซึ่งบางคนคงกำลังสงสัยว่าตัวเองจะรอดจากการเลิกจ้างรอบถัดไปได้ (หรืออาจจะเป็นไปได้ไหมมากกว่าว่า เป็นการช่วยฝึกฝน AI ที่จะมาแทนที่พวกเขาในอนาคต)
Jassy ยังแนะพนักงานให้รีบปรับตัว โดยบอกว่า “ให้ลองเรียนรู้เรื่อง AI เข้าเวิร์กช็อป หัดใช้เครื่องมือ AI เข้าร่วมประชุมทีม แล้วช่วยกันคิดว่าทำยังไงถึงจะทำงานได้ไวขึ้น คุ้มขึ้น”
ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา Amazon ปลดพนักงานไปแล้วกว่า 27,000 คน ในหลายแผนก เช่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ บริการลูกค้า และหนังสือ และยังมีแนวโน้มว่าจะมีการปลดเพิ่มอีก
หลายคนยังคงตั้งคำถามและสังเกตว่า การพูดถึง AI ของ Jassy อาจเป็นการพูดเพื่อให้ดูดี หรือเป็นแค่ข้ออ้าง เพื่อเตรียมเลิกจ้างอีกระลอกกำลังจะมาถึงในไม่ช้าหรือเปล่า และก็มีความเป็นไปได้ที่การโหมกระแส AI ในครั้งนี้จะเป็นเพียงความพยายามในการวางตำแหน่งตัวเองให้เป็นผู้นำในอุตสาหกรรม โดยมีเป้าหมายที่แท้จริงคือการตัดลดเงินเดือนเพื่อหนุนราคาหุ้น ซึ่ง Amazon ก็ไม่ใช่บริษัทแรกที่พยายามทุ่มสุดตัวกับ AI โดยแลกกับแรงงานมนุษย์
บทเรียนสำคัญเกิดขึ้นเมื่อต้นปีนี้ เมื่อ Klarna เคยให้ AI มาใช้ดูแลลูกค้าแทนคนจริง ๆ แต่สุดท้ายก็ต้องกลับลำ เพราะลูกค้าไม่โอเคกับการึคุยกับ AI ซึ่งสุดท้ายผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่ดีเท่าที่ควร สุดท้ายก็ต้องเอาพนักงานหรือคนจริง ๆ กลับมาให้บริการเหมือนเดิมอยู่ดี
ที่มา: Gizmodo
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด