Google เปิดตัว 'Google Pay' รวม Android Pay และ Google Wallet เข้าด้วยกัน | Techsauce

Google เปิดตัว 'Google Pay' รวม Android Pay และ Google Wallet เข้าด้วยกัน

Google ประกาศรวม Android Pay และ Google Wallet เปิดตัวในชื่อใหม่ Google Pay ชูจุดเด่นใช้งานง่าย ปลอดภัย ผูกการจ่ายเงินเข้ากับ Google Account ที่เดียว รับรองทั้งทางออนไลน์, เครื่องรับชำระหน้าร้านค้า และแอปจาก Google อย่าง Chrome และ YouTube บน Android อีกด้วย

Google Wallet and Android Pay merged into Google Pay

นอกจากนี้ยังรองรับผ่านการชำระเงินผ่านแอปอย่าง Airbnb, Dice, Fandango, HungryHouse และ Instacart ส่วนการรองรับผ่านแอปอื่น ๆ จะเพิ่มเติมตามมาในอนาคต

ส่วนแอป Tez ที่ Google เปิดตัวเป็นแอป Mobile Payment ใน India ก็อยู่ในระหว่างการรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของ Google Pay ด้วยเช่นดัน

โดยทาง Google ระบุว่าการแถลงครั้งนี้ ถือเป็นก้าวแรกของ Google Pay และเตรียมจะเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมในเร็ว ๆ นี้

ข้อมูลและภาพจาก Google Blog และ Google Pay Solutions

 

ความคิดเห็นจากกองบรรณาธิการ

การเปิดตัว Google Pay จาก Google นั้นถือการเปิดตัว Payment Platform ครั้งที่ 5 แล้ว หากย้อนดูการเปิดตัว 4 ครั้งก่อนหน้าจะมีดังนี้

  • ครั้งที่ 1 ในเดือนมิถุนายน 2006 เปิดตัว Google Checkout ระบบชำระเงินออนไลน์ที่เปิดตัวมาเพื่อแข่งกับ PayPal แต่สุดท้ายก็ปิดตัวไปเพื่อไปรวมกับ Google Wallet
  • ครั้งที่ 2 ในเดือนพฤษภาคม 2011 เปิดตัว Google Wallet ระบบจ่ายเงินผ่าน NFC ที่มีบนสมาร์ทโฟน Android รวมถึงสามารถรับ-ส่งเงินแบบ P2P (Peer to Peer) ได้อีกด้วย
  • ครั้งที่ 3 ในเดือนกันยายน 2015 นำฟีเจอร์การจ่ายเงินผ่าน NFC บน Android มาเปิดตัวในชื่อ Android Pay (แต่ปัญหาคือชื่อที่ตั้งขึ้นกลับไม่เข้ากับ Chrome OS ที่มีอยู่)
  • ครั้งที่ 4 ในเดือนกันยายน 2017 เปิดตัวแอป Mobile Payment ที่ชื่อ Tez ในอินเดีย

เห็นแค่นี้ก็งงแล้วใช่ไหมล่ะครับ

สรุปง่าย ๆ คือก่อนหน้านี้ Google มี / (1) Android Pay เป็นระบบการชำระเงินผ่าน NFC บนมือถือ Android / (2) Google Wallet เป็นแอปและเว็บไซต์สำหรับส่งและรับเงินแบบ P2P / ปัจจุบันรวมเอา "Android Pay" และ "Google Wallet" เปลี่ยนชื่อเป็น "Google Pay"

จากการคาดการณ์ เรามองว่าการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ครั้งนี้ ถือเป็นเป็นการลดความซ้ำซ้อนของแบรนด์ที่เกี่ยวข้องกับ Payment จาก Google ที่ยังทำให้ผู้ใช้หลายคนสับสนอยู่อีกด้วย (ข้อมูลที่เราเล่าไปก่อนหน้านี้ก็น่าจะเป็นข้อพิสูจน์ว่ามันซ้ำซ้อนกันจริง ๆ)

รวมไปถึง Payment อีกหลายเจ้าหลาย เช่น PayPal หรือ Apple Pay ในเวลานี้ก็มีรูปแบบการชำระเงินที่ค่อนข้างชัดเจนอยู่แล้ว ทำให้ยักษ์ใหญ่อย่าง Google ไม่อาจนิ่งนอนในเรื่องนี้

จนในที่สุดการ Rebranding ครั้งนี้จึงเกิดขึ้น

 

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

TikTok เตรียมจำกัดการใช้ฟิลเตอร์ปรับหน้าสวย ป้องกันค่านิยม Beauty Standard ในเด็กต่ำกว่า 18 ปีทั่วโลก

ฟิลเตอร์ไม่ตรงปกเด็กห้ามใช้ เมื่อ TikTok ประกาศจำกัดการใช้งานฟิลเตอร์ปรับหน้าสวยในเยาวชนที่อายุต่ำกว่า 18 ปีทั่วโลกเร็วๆนี้ หวังป้องกันค่านิยม Beauty Standard...

Responsive image

ทำไมตลาดรถยนต์ไทยถึงอาจซบเซาสุดในรอบ 15 ปีแม้ว่ารถ EV จะขายดีก็ตาม ?

ตลาดรถยนต์ไทยมองผิวเผินอาจจะดูเหมือนเติบโตจากการเข้ามาของแบรนด์ EV จีน ซึ่งทำให้เกิดการแข่งขันทั้งทางฝั่งรถ ICE รวมถึงการทำสงครามราคาเพื่อดึงดูดผู้ซื้อ แต่ในความเป็นจริงแล้วตลาดรถย...

Responsive image

AOT เปิดใช้ระบบ Biometric สแกนใบหน้า เริ่มต้น 1 ธันวาคม 2567 ผู้โดยสารระหว่างประเทศใช้งานได้

บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT เปิดตัวระบบ Biometric ที่ใช้เทคโนโลยีสแกนใบหน้า (Facial Recognition) เพื่อช่วยให้การเดินทางของผู้โดยสารสะดวกและรวดเร็วขึ้น...