ในปี 2561 จำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มาเยือนญี่ปุ่นสูงถึง 31.19 ล้านคน ทางรัฐบาลพยายามตั้งเป้าบรรลุให้ได้ 40 ล้านคนภายในปี 2563 โดยในปี 2563 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาเพื่อร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 'โตเกียว 2020' และพาราลิมปิก ซึ่งแต่ละรายการจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคมและ 25 สิงหาคม
ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองดำเนินไปค่อนข้างล่าช้า ในช่วงฤดูร้อนที่จะถึงนี้ ชาวต่างชาติที่เดินทางออกจากประเทศญี่ปุ่นไม่ต้องต่อแถวรอคิวยาวอีกต่อไป เพราะว่าตามสนามบินหลักของญี่ปุ่นจะมีการนำเทคโนโลยีจดจำใบหน้า (Facial recognition) มาติดตั้งที่ช่องทางตรวจผู้โดยสารขาออกอัตโนมัติ
โดยระบบจะทำการสแกนใบหน้าและเปรียบเทียบภาพกับข้อมูลภาพถ่ายที่เข้ารหัสด้วยไมโครชิปในหนังสือเดินทางของนักเดินทาง ซึ่งจะใช้เวลาเพียง 15 วินาที
เริ่มด้วยสนามบินฮาเนดะในโตเกียวในวันที่ 24 กรกฎาคม จากนั้นจะนำไปใช้งานที่สนามบินนาริตะในวันที่ 27 สิงหาคม,ที่สนามบินนานาชาติคันไซในวันที่ 25 กันยายน และต่อมาที่สนามบินฟุกุโอกะในวันที่ 8 ตุลาคม และในเดือนพฤศจิกายนที่สนามบินชิโตเสะแห่งใหม่
แม้ว่าทางสนามบินในญี่ปุ่นจะได้มีการนำเทคโนโลยีจดจำใบหน้ามาใช้ในบางสนามบินแล้ว (เริ่มตั้งแต่ช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 2560) แต่ชาวต่างชาติที่มาเยือนจะได้ใช้เทคโนโลยีนี้ก็ต่อเมื่อช่วงขาออกเท่านั้น อีกทั้งนักท่องเที่ยวที่พำนักอยู่ในญี่ปุ่นนานสามเดือนเท่านั้น รวมทั้งสำหรับผู้ที่ลงทะเบียนล่วงหน้าเท่านั้น
โดยผู้สมัครจะต้องมีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดบางประการเพื่อลงทะเบียนในฐานะนักเดินทางที่ไว้ใจได้ รวมถึงการทำงานเต็มเวลาในองค์กรของรัฐหรือเอกชนเป็นเวลาอย่างน้อยหนึ่งปี หรือเคยไปญี่ปุ่นอย่างน้อยสองครั้งภายใน 12 เดือนก่อนเดินทางมาถึง
โปรแกรมนี้เปิดให้นักเดินทางจาก 67 ประเทศที่ได้รับการยกเว้นวีซ่าญี่ปุ่น ซึ่งนี่รวมถึงสหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย เกาหลีใต้และไต้หวัน
อ้างอิงเนื้อหาข่าวจาก Japantimes
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด