
ซีอีโอบางจากเปิดแผน “Accelerating Bangchak 100X” เดินหน้าปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งใหญ่ ตั้งเป้าเพิ่มกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ให้เติบโตขึ้นอีกเท่าตัวจากระดับปัจจุบันที่เกือบ 40,000 ล้านบาทภายในปี 2571 พร้อมเตรียมแผนแผนซื้อหุ้นคืนต่อเนื่อง 3 ปี ซึ่งคาดว่าจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการภายในปีนี้
คุณชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP กล่าวว่า ราคาหุ้นของบางจากในปัจจุบันยังต่ำกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็น บริษัทจึงวางแผนซื้อหุ้นคืนเพื่อสร้างผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้น ควบคู่กับการปรับโครงสร้างธุรกิจเพื่อรองรับการเติบโตในระยะยาว
สำหรับประเด็นเรื่องผู้ถือหุ้นรายใหญ่รายใหม่ คุณชัยวัฒน์ ยืนยันหนักแน่นว่า "ขอให้มั่นใจว่าบางจากเป็นบริษัทของคนไทย การซื้อขายหุ้นเป็นไปตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง วันนี้ทีมผู้บริหารทุกท่านมายืนตรงนี้เพื่อยืนยันถึงความเป็นบริษัทของคนไทย" พร้อมย้ำว่าโครงสร้างการกำกับดูแลของบริษัทมีความแข็งแรง มีตัวแทนจากทั้งกระทรวงการคลังและกองทุนวายุภักษ์อยู่ในคณะกรรมการ การดำเนินงานทุกอย่างจะเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล
บางจากฯ ได้ประกาศปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งใหญ่ โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 เป็นต้นไป แบ่งออกเป็น 5 กลุ่มธุรกิจหลัก ดังนี้
บริหารงานด้านการกลั่นน้ำมันและโรงกลั่นน้ำมันบางจากพระโขนงและโรงกลั่นน้ำมันบางจากศรีราชาแบบ One Team เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน ขยายกำลังการกลั่นรวมจาก 265,000 บาร์เรลต่อวันในปี 2566 เป็น 285,000 บาร์เรลต่อวันในปี 2567 และมากกว่า 290,000 บาร์เรลต่อวันในปี 2573 ควบคู่ไปกับการลงทุนใน SAF และ HVO (Hydrotreated Vegetable Oil) รวม 7,000 บาร์เรลต่อวันที่มีความยืดหยุ่น (SAF 5,000 บาร์เรลต่อวัน เริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ภายในต้นปีถึงกลางปีพ.ศ. 2568) ในด้านผลิตภัณฑ์ชีวภาพ ตั้งเป้าหมายในการผลิตกรดไขมันโอเลอิกอื่น 292 ตันต่อปีเริ่มผลิตในปี 2569 และเพิ่มประสิทธิภาพการเดินเครื่องโรงงานไบโอดีเซลให้กำลังการผลิตเต็มที่ 330 ตันต่อวันต่อปี แล้วสร้างพันธมิตรในระหว่างหน่วยธุรกิจให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น
ในด้านการตลาด มีศูนย์บริการปิโตรเลียมราว 2,300 แห่งในปี 2566 และมากกว่า 2,300 แห่งภายในปี 2571 พร้อมคืนทุนในส่วนแบ่งของตลาดน้ำมันจาก 29% ในปี 2566 เป็นมากกว่า 33% ในปี 2573 ควบคู่ไปกับการผลักดันธุรกิจ Non-Oil ทั้งผลิตภัณฑ์และค้าปลีก โดยตั้งเป้าให้ EBITDA ของธุรกิจนี้เติบโต 3 เท่าภายในปี 2571
กลุ่มธุรกิจหลักใหม่ (New flagship) นี้มีกลไกขับเคลื่อนการเติบโตใหม่ของบางจากฯ ที่ขยายขอบข่ายจากภารกิจบริหารความสมดุลให้โรงกลั่น สู่การบริหารหลักทรัพย์และตลาดซื้อขายล่วงหน้า โดยมุ่งพัฒนาการซื้อขายพลังงานแบบสินทรัพย์ในเชิงอ้างอิง (Asset-backed trading) ใช้ความได้เปรียบจากการมีโรงกลั่นน้ำมันและโรงงานผลิตไบโอฟิวส์ครอบคลุมในภูมิภาคและการขยายขอบเขตการบริหารความเสี่ยงด้านราคาน้ำมันและความผันผวนของส่วนต่างราคาน้ำมันสำเร็จรูปให้ครอบคลุมไปถึงภูมิภาค
ตั้งเป้าเป็นผู้ดำเนินการแหล่งปิโตรเลียมระดับประเทศชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยใช้ประสบการณ์ระดับสากลจากหน่วยงานบริษัทย่อยเพื่อผลิตปิโตรเลียมให้มีประสิทธิภาพ สร้างความเชื่อมั่นและกำหนดเงินลงทุนสร้างการเติบโตของการสำรวจ เพื่อเพิ่มความมั่นคงด้านพลังงานและรายได้ในระยะยาว
ขับเคลื่อนพลังงานหมุนเวียนสู่การใช้งานโครงสร้างพื้นฐานสาธารณูปโภค (Critical Infrastructure) ได้แก่ ดาต้าเซ็นเตอร์ รวมถึงโครงข่ายสถานีอัดประจุ และธุรกิจรีไซเคิลแบตเตอรี่ โดยตั้งเป้าเพิ่ม EBITDA เป็น 7,000 ล้านบาท ภายในปี 2571 ผ่านการบริหารพอร์ตเพื่อเพิ่มผลตอบแทนและหมุนเวียนทุน (Return & Capital Recycling)
มุ่งสร้างการเติบโตผ่านการขยายศักยภาพธุรกิจดังกล่าว ทั้งด้านการสำรวจและพัฒนาวิสาหกิจ เริ่มต้นการดำเนินธุรกิจและการตลาด ควบคู่ไปกับการลงทุนใหม่ในเวลา 30 ด้านสำหรับธุรกิจ เพื่อเตรียมพร้อมสู่อนาคต โดยเน้นการสร้างการเติบโตเชิงรุกผ่านการสนับสนุนงาน การสร้างประสบการณ์วิสาหกิจที่ทันสมัย และการพัฒนาพลังงานสะอาดรูปแบบใหม่ อาทิ Bio-LNG, Nuclear Fusion, กรีนแอมโมเนียและเชื้อเพลิงสังเคราะห์ ตลอดจนเทคโนโลยีชีวภาพและระบบแบตเตอรี่ เพื่อเสริมพลังให้กับธุรกิจหลัก ขยายโอกาสใหม่ และสร้างการเติบโตในอนาคตและยั่งยืนให้กับกลุ่มบริษัทบางจากฯ
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด