ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้กล่าวในงานแสดงสินค้าระหว่างประเทศเมื่อวันพฤหัสที่ 2 ก.ย. ว่ากำลังพิจารณาเปิดตลาดซื้อขายแลกเปลี่ยนหลักทรัพย์แห่งใหม่ในกรุงปักกิ่ง โดยจะเป็นแพลตฟอร์มหลักเพื่อสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่มีแนวคิดด้านการพัฒนานวัตกรรมใหม่
การประกาศครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามจีนในการพัฒนาตลาดทุนภายในประเทศระยะยาว โดยเริ่มหันมาให้ความสำคัญอย่างชัดเจนขึ้นในไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ซึ่งสวนทางกับสถานการณ์ของหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ ขณะนี้จีนก็ยกระดับการสอบสวนอย่างละเอียด และเพิ่มกฎระเบียบที่รัดกุมมากขึ้น ทำให้นักลงทุนสงสัยถึงอนาคตของบริษัทจีนที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ
Rory Green หัวหน้าฝ่ายวิจัยประเทศจีนจาก TS Lombard ได้วิเคราะห์ว่า “นี่เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของรัฐบาลในการดำเนินการสร้างตลาดแห่งใหม่เพื่อรองรับกับเป้าหมายการพัฒนาประเทศระยะเวลา 5 ปี ต่อจากนี้” ซึ่งการประกาศครั้งนี้ก็ได้เกิดขึ้นพร้อมกับที่รัฐบาลจีนได้ดำเนินการปฏิรูปกฎระเบียบ และปราบปรามธุรกิจที่เกี่ยวพันกับการผูกขาดทางธุรกิจ ซึ่งเริ่มขยายไปสู่อุตสาหกรรมต่าง ๆ อาทิ การศึกษา เกม บริการเรียกรถโดยสาร และจัดส่งอาหารเดลิเวอรี่
Rory มองว่าสีกำลังส่งสัญญาณว่าตลาดหลักทรัพย์แห่งใหม่จะเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงประเทศไปสู่ “ความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน” (Common Prosperity) เป้าหมายของประเทศที่เน้นไปการกระจายความมั่งคั่งให้ทั่วถึง ต่อต้านชนชั้นธุรกิจที่มีอำนาจ ช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กได้ลืมตาอ้าปากมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ การแทรกแซงของรัฐบาลจีนต่อตลาดครั้งนี้จึงอาจเป็นสัญญาณบวกต่อนักลงทุน
อ้างอิง Financial Times
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด