Bitkub แตกไลน์ธุรกิจอีกครั้ง! ครั้งนี้มาในชื่อ Bitkub AI บริการด้านโซลูชันส์ที่เจาะกลุ่มลูกค้าองค์กร ภายใต้ บริษัท บิทคับ มูนช็อต จำกัด โดยเป็นการลงทุนร่วมกันระหว่าง บริษัท บิทคับ เวนเจอร์ จำกัด และ บริษัท ไทย จีพีที จำกัด ด้วยจุดมุ่งหมายที่จะให้บริการสร้างสรรค์ตามความต้องการด้านเทคโนโลยี การสร้างแอปพลิเคชันบนบล็อกเชน (DApp : Decentralized Application) การพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI : Artificial Intelligence) และการพัฒนาแพลตฟอร์มระดับองค์กรให้แก่หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน
AI เป็นเทคโนโลยีที่มีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ และผู้ที่พัฒนาเทคโนโลยี AI หรือประยุกต์ใช้งาน AI ได้ จะมีความได้เปรียบอย่างมาก โดยเฉพาะในมุมธุรกิจ อย่างที่เราเห็น ChatGPT โดย OpenAI, Bard โดย Google แพลตฟอร์มที่เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าใช้งานได้ในระดับแมสและตอบคำถามหรือคำขอได้อย่างชาญฉลาด จนผู้ที่อยู่ในแวดวงธุรกิจและเทคโนโลยีเริ่มออกอาการหนาวๆ ร้อนๆ
การเปิดตัวบริษัท บิทคับ มูนช็อต ในจังหวะนี้จึงสอดคล้องกับเทรนด์และความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในระดับโลก และในสโคปงานของบริษัทจะเน้นการให้บริการ 3 โซลูชันหลัก ได้แก่
คุณจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด กล่าวเปิดประเด็นด้วยวิสัยทัศน์เกี่ยวกับเทรนด์และประโยชน์ของ AI จากประสบการณ์ตรง และอธิบายเหตุผลที่เดินหน้าธุรกิจด้าน AI ในงานแถลงข่าวเปิดตัว Bitkub AI ภายใต้ บริษัท บิทคับ มูนช็อต จำกัด เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2566 ณ อนันดา ซิลล่าสเปซ ชั้น 11 อาคารเอฟวายไอ เซ็นเตอร์ ว่า
“เหตุผลสำคัญที่ บิทคับ เวนเจอร์ และ ไทย จีพีที ร่วมกันเปิดตัว Bitkub AI ภายใต้ บริษัท บิทคับ มูนช็อต จำกัด เพราะเรากำลังจะเข้าสู่จุดที่ โครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT Infrastructure) จะต้องเปลี่ยนแปลงใหม่ทั้งหมด เนื่องจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมทางเทคโนโลยีครั้งที่ 4 (Fourth Industrial Technology) ทำให้ทิศทางของโลกชัดเจนมากยิ่งขึ้น รวมไปถึง การปฏิวัติดิจิทัลสีเขียว (Digital Green Revolutions) ที่จะพัฒนาบนโครงสร้างพื้นฐานของเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถ และ ปัญญาประดิษฐ์ (AI : Artificial Intelligence) ที่จะมาเป็นตัวแปรสำคัญในยุคเปลี่ยนผ่าน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนไม่ควรมองข้าม"
จากนั้นกล่าวถึง Professor Klaus Schwab ผู้ก่อตั้ง World Economic Forum (WEF) และธีมหลักของการจัดงานที่ Davos ในปี 2567 ว่า มุ่งเน้นไปที่เรื่อง AI เนื่องจาก AI เป็นเทคโนโลยีสำคัญที่จะมาเปลี่ยนแปลงโลก พร้อมทั้งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในการทำงาน ยิ่งไปกว่านั้น AI จะเข้ามามีบทบาทในการเข้าถึงชุดทักษะเชิงวิชาชีพ (Technical Skills) ในอีก 5 ปีข้างหน้า โดย 44% ของทักษะความสามารถ (Skill Sets) ทั้งหมดของมนุษย์จะไม่สามารถใช้ได้ และในอีก 10 ปีข้างหน้า มีแนวโน้มว่าประชากรทั้งโลกจะต้องกลับไปเรียนเพื่อยกระดับชุดความรู้ใหม่ (Reskill & Upskill)
ในทางกลับกัน ชุดทักษะที่จำเป็นในโลกอนาคต คือ ทักษะทางสังคม (Soft Skills) อาทิ ทักษะในการพูดในที่สาธารณะ ทักษะในการสร้างและรักษาความสัมพันธ์ ทักษะการทำงานเป็นทีม เนื่องจาก AI นั้นสามารถที่จะลอกเลียนแบบหรือทำซ้ำการทำงานเชิงเทคนิคได้ แต่ไม่สามารถที่จะลอกเลียนแบบการทำงานเชิงมนุษย์ได้
ดังนั้น การเข้ามาของ AI จะส่งผลให้สินทรัพย์ต่างๆ ที่สร้างขึ้นมาจากฐานข้อมูลทางดิจิทัลที่สำรองเอาไว้ มีความเสี่ยงที่จะถูกลดมูลค่าลง และทำให้เกิดการเปลี่ยนถ่ายทางมูลค่าไปยังสินทรัพย์ที่ AI ไม่สามารถลอกเลียนแบบได้ เช่น บิทคอยน์ (Bitcoin), สินทรัพย์ด้านพลังงาน (Energy Assets)
AI จะเข้ามามีบทบาทอย่างมีนัยสำคัญในโลกออนไลน์มากยิ่งขึ้นผ่านการผนวกความสามารถกับ Web 3.0 โดยมีแอปพลิเคชันที่ครอบคลุมทุกการบริการ (Super App) เป็นตัวกลางในการคัดกรองและแสดงข้อมูล ซึ่งลูกค้าสามารถออกแบบความต้องการได้เอง ในยุคของการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ที่มีเทคโนโลยีดิจิทัลเป็นเครื่องมือและตัวดิสรัปต์ธุรกิจ
"การเปิดตัว Bitkub AI ในวันนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับการทำ Conversational AI ที่สร้างบน ThaiGPT อีกทั้งยังเป็นการขยายและส่งเสริมเครือข่ายการพัฒนาทางเทคโนโลยีใหม่ให้แก่ประเทศ พร้อมทั้งผลักดันประเทศไทยให้กลายเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจดิจิทัลของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” คุณจิรายุสกล่าว
คุณเนาวรัตน์ ธรรมสวยดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ เวนเจอร์ จำกัด กล่าวแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับการร่วมลงทุนในครั้งนี้ว่า “บิทคับ เวนเจอร์ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมลงทุนกับ ThaiGPT ในด้านวิสัยทัศน์และเหตุผลสำคัญที่ บิทคับ เวนเจอร์ ตัดสินใจร่วมลงทุนในครั้งนี้ คือ AI เป็นสิ่งที่บิทคับ เวนเจอร์ ให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะเชื่อว่า AI จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงโลก เปลี่ยนแปลงวิธีการทำงาน และช่วยลดต้นทุนในการดำเนินธุรกิจ นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้ดียิ่งขึ้น เพิ่มความสามารถในการแข่งขันหลายๆ อย่าง จึงเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์อย่างยิ่งในโลกอนาคต และ AI ยังมีตลาดขนาดใหญ่ มีองค์กรที่ต้องการใช้บริการ AI อีกจำนวนมาก"
"ประการต่อมาคือ ผู้ก่อตั้ง ThaiGPT ทั้ง 2 ท่าน ได้แก่ นายแพทย์ ภาณุทัต เตชะเสน มีความเชี่ยวชาญทางโปรแกรมเมอร์ โดยเฉพาะด้านภาษา AI และ คุณโดม เจริญยศ มีความเชี่ยวชาญทางโปรแกรมเมอร์ โดยเฉพาะเทคโนโลยีบล็อกเชน และเรามองว่า การร่วมงานกับผู้ก่อตั้งที่มีความเชี่ยวชาญในวงการนี้มาอย่างยาวนาน เราสามารถที่จะเป็นผู้นำในด้านนี้ได้อีกด้วย โดยสิ่งที่ ThaiGPT ทำไปแล้ว คือ การพัฒนาภาษาไทยใน AI ขณะเดียวกันผลิตภัณฑ์ของ ThaiGPT ที่ให้บริการแก่ลูกค้า ไม่ได้เป็นการทำโครงสร้างพื้นฐาน (Infastructure) แต่จะเป็นการทำวิจัยและพัฒนา (Research and Development) ด้านข้อมูลเพื่อให้ลูกค้าในองค์กรต่างๆ สามารถนำไปใช้ต่อได้ นี่คือสิ่งที่เรามองว่าจะมาขับเคลื่อนธุรกิจในประเทศไทยให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน"
การลงทุนใน ThaiGPT ในครั้งนี้ เรามองถึงภาพรวมที่จะเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มบริษัทบิทคับทั้งหมด โดยโครงการนำร่องที่เรานำมาใช้จะเกี่ยวข้องกับการให้บริการลูกค้าของ บิทคับ เอ็กซ์เชนจ์ เพื่อให้ลูกค้าได้ใช้งานแพลตฟอร์มที่มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น
"และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าความร่วมมือในครั้งนี้ บริษัทจะมีส่วนสำคัญในการนำเอา AI เข้ามาช่วยผู้ประกอบการขับเคลื่อนธุรกิจ เพื่อเพิ่มความสามารถด้านการแข่งขันในระยะยาว และร่วมกันพัฒนาประเทศไทยของเราให้เป็นหนึ่งในผู้นำทางธุรกิจในด้านต่างๆ ของอาเซียน พร้อมทั้งมีศักยภาพที่จะไปแข่งขันในระดับโลกได้อีกด้วย”
ในงานแถลงข่าว คุณธนัท เบญจภัทรเศรษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท บิทคับ มูนช็อต จำกัด มานำเสนอผลิตภัณฑ์และโซลูชันส์ของบริษัท โดยเล่าตั้งแต่จุดเริ่มต้นว่า บริษัทต้องการนำ AI มาช่วยลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและการดำเนินธุรกิจ ซึ่งตามปกติมีการใช้งาน Bot อยู่แล้ว แต่มีหลายด้านที่ Bot ไม่สามารถเรียนรู้หรือปรับแต่งได้เอง จึงนำ AI มาพัฒนาโซลูชันส์และยกตัวอย่าง Demo & Use Cases มาอธิบาย ได้แก่
"ไมโครซอฟท์มี Data Protection ค่อนข้างดี และเราต้องนำทุกอย่างไปอยู่บนไมโครซอฟท์ ซึ่งทำให้ลูกค้ามั่นใจมากขึ้นว่า Chat with your data จริงๆ และเรายังอยากทำให้ ChatGPT ตอบลูกค้าได้เลย โดยไม่ผิดหลัก PDPA" คุณธนัทกล่าวถึงความใส่ใจเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลและการใช้ข้อมูลอย่างถูกต้องตามกฎหมาย จากนั้นให้ลูกค้าที่ร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์มาเล่าประสบการณ์การใช้งาน อาทิ คุณเชาวนนท์ คลังเปรมจิตต์ และ คุณอันธิกา ลิมปิอนันต์ชัย ผู้ก่อตั้ง บริษัท อัลติเมทเดสตินี่ จำกัด ที่นำเสนอ U Destiny แพลตฟอร์มเจาะกลุ่มลูกค้าสายมูเตลูหรือผู้ที่เชื่อในโหราศาสตร์ เพื่อช่วยในการวิเคราะห์และวางแผนอนาคต
นอกจากนี้ ยังมีการจัดเสวนาพิเศษในหัวข้อ “จุดเริ่มต้นบิทคับ มูนช็อต และความสำคัญของ Bitkub AI ในอนาคต” โดยได้รับเกียรติจากผู้ร่วมเสวนาที่มีบทบาทสำคัญในโลกเทคโนโลยี ดังนี้
ผู้สนใจสามารถติดตามข่าวสารและข้อมูลต่าง ๆ ของ Bitkub AI ได้ที่ https://www.bitkub.ai/en และทาง Line Official : @BitkubAI
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด