ผลสำรวจ Digital Transformation จาก Deloitte ชี้สิ่งสำคัญที่สุดขององค์กร คือ การคิด-ทำ-ปรับ | Techsauce

ผลสำรวจ Digital Transformation จาก Deloitte ชี้สิ่งสำคัญที่สุดขององค์กร คือ การคิด-ทำ-ปรับ

Deloitte  เผย Digital Transformation Survey ฉบับล่าสุด ผลสำรวจด้านความพร้อมและความคืบหน้าขององค์กรในประเทศไทยในการปรับตัวสู่ดิจิทัลพบว่า 41% ของบริษัทที่ตอบแบบสำรวจมองว่าการปรับองค์กรสู่ดิจิทัลมีผลกระทบต่อธุรกิจในระดับปานกลาง 20% ของบริษัทที่ตอบแบบสำรวจกำลังอยู่ในระยะ 'Becoming Digital' เป็นการปรับองค์กรในลักษณะของการปรับตัวเพื่อตอบสนองต่อเทรนด์ของตลาดในปี 2022 และ 43% ของบริษัทที่ตอบแบบสำรวจ ได้เปลี่ยนกลับไปสู่ระยะ 'Doing Digital'

ผลสำรวจ Digital Transformation จาก Deloitte ชี้สิ่งสำคัญที่สุดขององค์กร คือ การคิด-ทำ-ปรับ

ทั้งนี้ จากผลการสำรวจพบว่า การขาดความเชี่ยวชาญภายในและภายนอก วัฒนธรรมดิจิทัลที่อยู่ระหว่างการพัฒนา รวมถึงโครงสร้างการทำงานภายในองค์กร เป็นความท้าทายที่เผชิญอยู่ คิดเป็นจำนวน 41%, 31% และ 29% ตามลำดับ

เนื่องด้วยในปัจจุบัน ธุรกิจทั่วโลกต่างได้รับผลกระทบจาก Digital Disruption โดยเฉพาะในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยมีอัตราการนำเอาดิจิทัลมาใช้ในองค์กรที่เพิ่มสูงมากขึ้นเนื่องจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ความเข้าใจมุมมองและแนวโน้มของการปรับองค์กรไปสู่ดิจิทัลไปใช้เป็นสิ่งสำคัญ ที่จะทำให้บริษัทในประเทศไทยเข้าใจตำแหน่งของตนเองเมื่อเปรียบเทียบกับตลาด 

ทั้งนี้ ดีลอยท์ ประเทศไทย ได้ทำการสำรวจ Digital Transformation ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2563-2565) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาทัศนคติขององค์กรต่อการปรับตัวสู่ดิจิทัล ในปี 2563 และ 2564 ทางบริษัทฯ ทำการสำรวจโดยการใช้แบบสอบถาม ด้วยวิธีการวัดเชิงปริมาณ 

สำหรับปี 2565 เป็นปีที่การปรับตัวสู่ดิจิทัลของบริษัทอยู่ในขั้นตอนที่สำคัญ ดีลอยท์จึงทำการสัมภาษณ์ผู้ตอบแบบสำรวจระดับ c-suite ร่วมกับการใช้แบบสอบถามเพื่อให้เข้าถึงข้อมูลเชิงลึกเพิ่มขึ้น เพื่อแสดงให้เห็นถึงขั้นตอนการดำเนินการของการปรับองค์กรสู่ดิจิทัลมาใช้ ในช่วงระยะเวลาก่อนและระหว่างการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 

โดยการสำรวจครั้งนี้จึงมุ่งเน้นประเด็นดังต่อไปนี้

  1. การศึกษาขั้นตอนการปรับตัวสู่ดิจิทัล 

  2. การปรับองค์กรสู่ดิจิทัลให้ประสบผลสำเร็จ 

  3. การทำความเข้าใจภาพรวมของอุตสาหกรรม

43% ของบริษัทได้เปลี่ยนกลับไปที่ระยะ 'Doing Digital'

และจากการวิเคราะห์ผลสำรวจในปี 2565 พบว่า 41% ของบริษัทมองว่าการปรับองค์กรสู่ดิจิทัลส่งผลกระทบต่อธุรกิจในระดับปานกลาง การปรับองค์กรสู่ดิจิทัลที่นำมาปรับใช้ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ค่อนข้างเป็นกลไกในการเอาตัวรอดเพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์ที่กำลังเผชิญและเป็นเครื่องมือในการสร้างความแตกต่างในอนาคต

การนำแนวทางการปรับองค์กรสู่ดิจิทัลมาใช้อย่างรวดเร็วในระยะแรกๆ ของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ 20% ของบริษัทที่เข้าสู่ระยะ 'Becoming Digital' เป็นการปรับองค์กรในลักษณะของการปรับตัวเพื่อตอบสนองต่อเทรนด์ของตลาด ส่วนในปี 2565 43% ของบริษัทได้เปลี่ยนกลับไปที่ระยะ 'Doing Digital' เนื่องจากพวกเขาตระหนักว่าไม่ใช่ทุกเทคโนโลยีที่สามารถนำมาใช้ได้กับสถานการณ์ดังกล่าว และเลือกสรรเทคโนโลยีมากขึ้นในการปรับใช้ดิจิทัลสำหรับลูกค้า สินทรัพย์ภายในองค์กร และขั้นตอนหลังบ้าน

การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์และการยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เป็นสองประเด็นที่บริษัทส่วนใหญ่เห็นว่ามีความสำคัญและให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกๆ เนื่องจาก 30% ของบริษัทมีแผนดิจิทัลที่ครบถ้วน การลงทุนและนวัตกรรมพร้อมดำเนินการ และผนวกเอาแนวคิดการยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางเข้าไปใน DNA ขององค์กร ในขณะเดียวกัน พบว่า 43% ของบริษัทมีแผนดิจิทัลที่ครบถ้วน การลงทุนและนวัตกรรมพร้อมดำเนินการ และผนวกเอาการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์เข้าไปใน DNA ขององค์กร

ส่วนทางด้านเทคโนโลยี กลุ่มเทคโนโลยีพื้นฐาน ได้แก่ คลาวด์ เทคโนโลยีเว็บแบบดั้งเดิม และแอปพลิเคชั่นในโทรศัพท์มือถือ ได้รับความนิยมมากที่สุดในบริษัททุกขนาดตั้งแต่ช่วงเวลาก่อนเกิดการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่วนการวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งจัดอยู่ในประเภทเทคโนโลยีขั้นสูง ได้รับความนิยมในช่วงปลายปี โดยพบว่าขนาดของบริษัทกับการลงทุนในเทคโนโลยีมีความสัมพันธ์กัน โดยบริษัทที่มีขนาดใหญ่จะมีการลงทุนในเทคโนโลยีในหลากหลายด้านมากกว่า

“การปรับองค์กรสู่ดิจิทัลเป็นกุญแจสำคัญในการปกป้ององค์กรของคุณ แต่วิธีการใดวิธีการหนึ่งไม่สามารถเหมาะกับทุกองค์กรในการเตรียมองค์กรให้พร้อมสำหรับอนาคต ผู้บริหารควรเลือกแนวทางที่เหมาะสมกับบริษัทของตนที่สุด” มร.วิเนย์ โฮรา ผู้อำนวยการบริหาร ดีลอยท์ คอนซัลติ้ง กล่าว

นอกจากนี้ ตั้งแต่ปี 2563 ทรัพยากรบุคคลและกรอบความคิดด้านดิจิทัลต้องเผชิญกับความท้าทาย จากการขาดความเชี่ยวชาญภายในและภายนอก วัฒนธรรมดิจิทัลที่อยู่ระหว่างการพัฒนา  รวมถึงโครงสร้างการทำงานภายในองค์กร เป็นจำนวน 41%, 31% และ 29% ตามลำดับ นอกจากนี้ ยังพบว่าคนส่วนใหญ่ยังคงมองว่า Digital Disruption เป็นเรื่องของการพัฒนาด้านไอทีและบุคลากรด้านไอทีให้ดีขึ้นมากกว่าที่จะเป็นความรับผิดชอบขององค์กรโดยรวม

ด้าน ดร. นเรนทร์ ชุติจิรวงศ์ ผู้อำนวยการบริหาร Clients & Industries ดีลอยท์ ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า “หลายองค์กรเข้าใจผิดเกี่ยวกับการปรับตัวสู่ดิจิทัล  ว่าเป็นแค่เรื่องของการทำสิ่งต่างๆให้เป็นดิจิทัลและเปิดตัวโครงการดิจิทัลใหม่ๆ แต่การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แสดงให้เห็นว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงภาพลวงตาของการเป็นองค์กรดิจิทัล  การมีกรอบความคิดทางดิจิทัลที่ถูกต้องต่างหากที่เป็นสิ่งสำคัญของความสำเร็จในการปรับองค์กรไปสู่ดิจิทัล”

ทั้งนี้ทุกคนได้เห็นแล้วว่า การเปลี่ยนองค์กรไปสู่ดิจิทัลที่มีอัตราสูงขึ้น ประกอบกับภาคธุรกิจทั้งหมดได้รับผลกระทบมหาศาลและคาดไม่ถึงจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19  ภาคธุรกิจจึงควรระมัดระวังมากขึ้นเกี่ยวกับการขับเคลื่อนของการปรับองค์กรสู่ดิจิทัลและสภาพแวดล้อมทางดิจิทัลในตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสถานการณ์โลกที่ไม่อาจคาดการณ์ได้ในขณะนี้และช่วงเวลาเปลี่ยนผ่าน

และเมื่อเราอยู่ในโลกออนไลน์ โควิดมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค ข้อจำกัดคือ ซัพพลายเชนดิสรัปชั่น จึงเป็นเหตุผลให้องค์กรในไทยต้องปรับตัว และในมุมมองคิดว่า การทำงานจะเป็นแบบไฮบริดมากขึ้น ดังนั้นสิ่งสำคัญคือ องค์กรต้องปรับตัวหาเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาซัพพอร์ต เพื่อให้พร้อมรับต่อ Digital Transformation ซึ่งอาจจะเริ่มตั้งแต่ Exploring Digital และเน้นการทำงานในระบบโครงสร้าง เพื่อก้าวสู่ Being Digital รวมทั้งสิ่งสำคัญของการขับเคลื่อนองค์กรในยุคนี้ต่อไปคือ การคิด-ทำ-ปรับ 

Navigating the journey 

1.Transforming the business 

2.Transforming the enterprise 

3.Transforming the backbone 

ขณะเดียวกันที่ผ่านมาจากการสำรวจพบว่าผู้บริหารองค์กรของไทยให้ความสำคัญในส่วนของ
Ciber Security เรื่องความปลอดภัยของข้อมูลมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้บริหารหลายคนคำนึงถึง รวมทั้ง Customer engagement  ที่เห็นได้ชัดจากการสำรวจในครั้งนี้ รวมทั้ง ผู้บริหารได้มีการเริ่มนำ Advance Technology อย่าง AI และ Data Analytics มาใช้ และที่น่าสนใจคือความท้าทาย Implement Digital Transformation คือ คน องค์กร และวัฒนธรรมนั่นเอง

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

โตโยต้า เปิดแผนการลงทุน พร้อมทุ่มงบ 4.7 แสนล้านบาทพัฒนารถ EV และ AI

โตโยต้า ประกาศแผนการลงทุนมูเพื่อส่งเสริมการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีไฮโดรเจน...

Responsive image

LINE MAN Wongnai เตรียม IPO ไทย-สหรัฐฯ ปี 2025 มุ่งสู่การเป็นมากกว่าแอปฯ สั่งอาหาร

LINE MAN Wongai แพลตฟอร์มบริการสั่งอาหารเดลิเวอรี่ยอดนิยมของไทย กำลังพิจารณาการเสนอขายหุ้นต่อสาธารณะครั้งแรก (IPO) ในตลาดหลักทรัพย์ไทยหรือสหรัฐฯ ภายในปี 2025 ตามข้อมูลจากคุณยอด ชิน...

Responsive image

Techsauce Global Summit 2024 พร้อมเดิมหน้าจัดงานใน 3 ประเทศ “ไทย-อินโด-เวียดนาม”

Techsauce Global Summit 2024 พร้อมเดิมหน้าจัดงานใน 3 ประเทศ “ไทย-อินโด-เวียดนาม” สู่เป้าหมายการขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็น Tech Gateway ของภูมิภาค...