Disney ลดนำเสนอประเด็นทางสังคม หลังหนังขาดทุนต่อเนื่องตลอดปี 2023

“ความสนุกต้องมาก่อนการส่งสาร นี่คือเป้าหมายหลักของเรา”

Bob Iger CEO Disney ประกาศ จะไม่ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนประเด็นสังคมมากกว่าการเล่าเรื่องให้สนุกอีกต่อไป หลังถูกวิจารณ์อย่างหนักและมีแนวโน้มขาดทุนต่อเนื่องตลอดปี 2023

Disney เผชิญกับแรงกดดันในการปรับธุรกิจและเพิ่มราคาหุ้น จากปัญหายอดเข้าชมภาพยนตร์อย่างต่อเนื่อง จนถึงล่าสุดกับเรื่อง ‘The Marvels’ และแอนิเมชันเรื่อง ‘Wish’ ที่มีผลตอบรับน่าผิดหวังเมื่อเร็ว ๆ นี้ ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของบริษัทอย่างมาก

นอกจากนี้ Disney ยังต้องรับมือกับเสียงวิจารณ์มากมายทั้งจากผู้ชมทั่วไปบนโลกโซเชียลมีเดีย ไปจนถึงนักการเมืองพรรครีพับลิกัน อย่าง Ron DeSantis ผู้ว่ารัฐฟลอริดา และสมาชิกวุฒิสภาของสหรัฐฯ Ted Cruz จากเท็กซัส กล่าวว่าภาพยนตร์ของ Disney มีการใส่ประเด็นทางสังคมมากเกินไปในการเล่าเรื่อง 

Bob Iger ซีอีโอของ Disney ยอมรับว่า การเล่าเรื่องของ Disney นั้นอยู่ในช่วงวิกฤต เนื่องจากบริษัทได้เพิ่มจำนวนภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นเพื่อลงฉายทั้งใน Disney+ และการเข้าฉายในโรงภาพยนตร์

ดังนั้นการสร้างภาพยนตร์ของ Disney ต้องได้รับการเปลี่ยนแปลง โดยเริ่มจากการจัดลำดับความสำคัญของการเล่าเรื่อง ให้เน้นการเล่าเรื่องที่สนุกสนานก่อนที่จะส่งสารให้ผู้ชม Iger เผยว่าได้มองข้ามวัตถุประสงค์หลักนั่นก็คือความสนุกสนานที่สามารถสอดแทรกเนื้อหาที่สร้างผลกระทบต่อสังคมได้อย่างแนบเนียน 

“เราสร้างความสนุกสนาน พร้อมเสนอข้อคิดและสร้างแรงกระเพื่อมต่อสังคมในรูปแบบต่าง ๆ มากมาย ตัวอย่างเช่น 'Black Panther' และถึงแม้จะชอบการเล่าเรื่องพร้อมนำเสนอข้อคิดดี ๆ ที่สร้างผลกระทบในสังคมเป็นวงกว้างได้ก็ตาม แต่นี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ การเล่าเรื่องให้สนุกต่างหากที่สำคัญ” Iger กล่าว 

นอกจากนี้ Disney ประกาศจะลดจำนวนภาพยนตร์ลงแต่เน้นสร้างให้มีคุณภาพมากขึ้นแทน ซึ่งการสร้างภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จเชื่อว่า จะเป็นการเรียกคืนความมั่นใจให้กับทั้งนักลงทุน รวมถึงสร้างขวัญกำลังใจให้กับตัวพนักงานเอง

Disney มีประวัติอันยาวนานในการผสานการเล่าเรื่องเข้ากับศีลธรรมที่จะนำเสนอได้อย่างสนุกสนานและสามารถครองใจผู้ชมทั่วโลก ในปี 2024 นี้ Disney จะสามารถสร้างภาพยนตร์ที่มีคุณภาพตามเป้าหมายดั้งเดิมได้หรือไม่ และจะสามารถเรียกคืนความเชื่อมั่นจากทางนักลงทุนและผู้ชมทั่วไป ได้ตามที่ต้องการหรือไม่ ต้องคอยดูกันต่อไป

อ้างอิง: cnbc