เกิดแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ในระบบราชการสหรัฐฯ หลังประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แต่งตั้ง อีลอน มัสก์ ให้เป็นหัวหน้ากระทรวงเพิ่มประสิทธิภาพภาครัฐ หรือ DOGE โดยมัสก์และทีมงานได้เดินหน้าปฏิรูประบบราชการครั้งใหญ่ จนสร้างบรรยากาศแห่งความไม่แน่นอนและความกังวลไปทั่วหน่วยงานรัฐบาล

หนึ่งในเหตุการณ์ที่สร้างแรงกระเพื่อมมากที่สุดคือ ข้าราชการสหรัฐฯ กว่า 2 ล้านคน ได้รับอีเมลจาก สำนักงานบริหารงานบุคคล อีเมลที่มีชื่อว่า "A Fork in the Road" ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับอีเมลที่มัสก์เคยส่งให้พนักงาน Twitter ในปี 2022 เมื่อเข้าควบคุมบริษัท

เนื้อหาในอีเมลเสนอทางเลือกให้พนักงานว่าจะลาออกหรือทำงานต่อไปภายใต้การบริหารของเขา ข้อความนี้สร้างบรรยากาศแห่งความตึงเครียด เนื่องจากไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจนว่าการเปลี่ยนแปลงจะนำไปสู่อะไร

มัสก์ยังยืนยันถึงการส่งอีเมลนี้ผ่านโพสต์บน X โดยระบุว่า พนักงานมีอิสระในการตัดสินใจ อย่างไรก็ตาม หลายคนมองว่านี่เป็นการบีบบังคับทางอ้อม และทำให้ข้าราชการจำนวนมากรู้สึกไม่มั่นคง

ยึดห้องประชุม-นำเตียงเข้ามาติดตั้ง สไตล์บริหาร ‘Demon Mode’ ถูกนำมาใช้ในรัฐบาล

Jonathan Swan นักข่าวจาก The New York Times เผยในพอดแคสต์ The Daily ว่ามัสก์ได้นำสไตล์การบริหารแบบ "Demon Mode" มาใช้ในรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกับที่เขาใช้ใน Tesla และ SpaceX จุดเด่นของสไตล์นี้คือ การทำงานข้ามคืน นอนในที่ทำงาน ตั้งเป้าหมายสุดโต่ง และลดจำนวนพนักงานลงอย่างรวดเร็ว 

รายงานระบุว่า มัสก์และทีมงานได้เข้ายึดห้องประชุมในหน่วยงานรัฐบาล โดยติดกระดาษโน้ตเขียนว่า "DOGE" ไว้ที่ประตูและภายในเต็มไปด้วยกระเป๋าเป้สีดำ พร้อมทีมงานที่กำลังทำงานกันอย่างเร่งรีบ

นอกจากนี้ ยังมี เตียงนอนถูกนำมาติดตั้งภายในสำนักงานของหน่วยงานรัฐบาล คล้ายกับที่มัสก์เคยทำในสำนักงานใหญ่ของ Twitter เพื่อให้พนักงานทำงานได้ยาวนานขึ้น

ปิดหน่วยงาน-พักงานพนักงาน USAID

ผลกระทบจากนโยบายของมัสก์เริ่มชัดเจนขึ้น หน่วยงานแรกที่ได้รับผลกระทบคือ สำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USAID) ซึ่งพนักงานถูกพักงานทั้งหมด ซึ่งก่อนหน้านี้ USAID เคยถูกตัดงบช่วยเหลือต่างประเทศ ทำให้ต้องลดจำนวนพนักงานลงไปแล้ว

มัสก์ยังเล็งเป้าหมายไปที่กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ซึ่งบริหารงบประมาณของรัฐบาลกว่า 6 ล้านล้านดอลลาร์ รวมถึง Social Security, Medicare และเงินเดือนข้าราชการทั้งหมด

Jonathan Swan รายงานว่า ทีมงานของมัสก์ได้บุกเข้าไปในกระทรวงการคลัง และเมื่อเจ้าหน้าที่พยายามป้องกันไม่ให้พวกเขาเข้าถึงระบบการเงิน เขาถูกขู่ให้ออกจากตำแหน่งหรือลาพักงานและในที่สุดเขาเลือกเกษียณก่อนกำหนด

นอกจากนี้พนักงานที่เกี่ยวข้องกับโครงการ DEI ยังถูกพักงานโดยไม่มีคำอธิบายและคาดว่าอาจถูกเลิกจ้างในอนาคต

ข้าราชการสหรัฐฯ เริ่มกังวล 

ก่อนที่ทรัมป์จะเข้ารับตำแหน่งสมัยที่สอง ข้าราชการรัฐบาลกลางจำนวนมากก็เริ่มกังวลเกี่ยวกับแผนลดจำนวนพนักงานของเขาแล้ว

Michael Bilik รองประธานสมาพันธ์แรงงานแห่งชาติ (National Labor Relations Board Union) ให้สัมภาษณ์กับ The Guardian ว่า "ขวัญกำลังใจของพนักงานต่ำที่สุดเท่าที่เคยมีมา"

ขณะที่พนักงานของคณะกรรมการโอกาสการจ้างงานที่เท่าเทียมกัน (Equal Employment Opportunity Commission - EEOC) ก็สะท้อนความรู้สึกเดียวกัน โดยให้สัมภาษณ์กับ The Guardian ว่า "มันคือความบ้าคลั่ง"

พวกเขาเล่าว่าการสื่อสารจากมัสก์เต็มไปด้วยความกำกวม และดูเหมือนจะจงใจสร้างความหวาดกลัว เหมือนพวกเขาต้องการให้เรารู้สึกถึงภัยคุกคามและความไม่มั่นคง

ทำเนียบขาวปฏิเสธ แต่มัสก์ได้รับห้องทำงานสุดหรูในทำเนียบขาว?

แม้จะมีรายงานว่ามัสก์ได้รับห้องทำงานในอาคาร Eisenhower Executive Office ซึ่งเคยเป็นสำนักงานของรัฐมนตรีกระทรวงสงครามเก่า แต่ทำเนียบขาวปฏิเสธข่าวลือเกี่ยวกับอำนาจของมัสก์

รัฐบาลสหรัฐฯ ระบุว่า มัสก์เป็นเพียงที่ปรึกษา และไม่มีอำนาจตัดสินใจในนโยบายสำคัญ อย่างไรก็ตาม การที่เขาสามารถ สั่งปิดหน่วยงานรัฐ ปรับลดพนักงาน และเข้าถึงกระทรวงการคลัง ได้อย่างเสรี ทำให้เกิดคำถามว่า "บทบาทที่แท้จริงของมัสก์คืออะไร?"

ระบบราชการกำลังแขวนอยู่บนเส้นด้ายหรือเปล่า ?

การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ทำให้เกิดข้อถกเถียงอย่างกว้างขวางว่า การปฏิรูปของมัสก์จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ หรือเป็นเพียงการรื้อระบบที่สร้างความเสียหายให้กับข้าราชการและประชาชน?

ในขณะที่หลายฝ่ายกำลังจับตามอง DOGE และแนวทางใหม่ของรัฐบาล สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนคือ ข้าราชการสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับช่วงเวลาที่ไม่มั่นคงและเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

อ้างอิง: fortune