Emergency Alert ระบบเตือนภัย ที่สหรัฐฯ ต้องทดสอบทุก 3 ปี | Techsauce

Emergency Alert ระบบเตือนภัย ที่สหรัฐฯ ต้องทดสอบทุก 3 ปี

อุ่นใจที่มีระบบเตือนภัยคอยแจ้งเหตุด่วนเหตุร้าย แต่น่าเสียดายที่ไม่ใช่ในประเทศไทย เพราะวันนี้ (4 ต.ค. 66) รัฐบาลกลางสหรัฐฯ ทำการทดสอบระบบเตือนภัยผ่านมือถือทั่วประเทศ เพื่อตรวจสอบว่าระบบยังทำงานได้ดีอยู่

สหรัฐฯ ทดสอบ Emergency Alert 

ช่วง 14:20 น. ของวันนี้โทรศัพท์ของชาวอเมริกันทั่วประเทศจะได้รับข้อความเตือนภัย เพราะสำนักจัดการภาวะฉุกเฉินกลาง (FEMA) และคณะกรรมการกลางกำกับดูแลกิจการสื่อสาร (FCC) ต้องการทดสอบระบบ  Emergency Alert ว่ายังสามารถแจ้งเตือนภัยได้จริง หากเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น

โดยระบบ Emergency Alert ที่จะถูกทดสอบนี้มีขึ้นเพื่อแจ้งเตือนให้ประชาชนเตรียมพร้อมกับภัยต่าง ๆ เช่น ไฟป่า พายุเฮอริเคน น้ำท่วม และพายุทอร์นาโด ซึ่งอาจสร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินได้

ซึ่งปกติแล้วตามกฎหมายได้ระบุไว้ตั้งแต่ปี 2015 ให้ FEMA ต้องทดสอบระบบ Emergency Alert อย่างน้อย 1 ครั้ง ในทุก ๆ 3 ปีเพื่อให้แน่ใจว่ายังคงทำงานได้อย่างถูกต้อง

แล้วคำว่า Emergency Alert กับข้อความเตือนภัย (SMS Alert) มันแตกต่างกันยังไง ทำไมสหรัฐฯ ใช้คำว่า Emergency Alert ทั้ง ๆ ที่ส่งข้อความผ่านทาง SMS ?

Emergency Alert และ SMS เตือนภัย ต่างกันอย่างไร

เชื่อว่าหลาย ๆ คนอาจยังสับสนระหว่าง Emergency Alert และ SMS เตือนภัย ว่าทั้ง 2 สิ่งนี้เหมือนหรือต่างกันอย่างไร ? ในความจริงแล้วทั้ง 2 อย่างมีจุดประสงค์ในการใช้งานที่เหมือนกัน คือ การแจ้งเตือนให้ผู้คนได้รับรู้ว่ามีเหตุการณ์ฉุกเฉินหรือร้ายแรงเกิดขึ้น จะได้เตรียมตัวรับมือได้ทัน

โดยระบบการแจ้งเตือนเหล่านี้ไม่ได้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพียงแค่ว่าเป็นระบบที่ถูกพัฒนาขึ้นไปเพื่อให้เข้ากับเทคโนโลยีในแต่ละสมัยเท่านั้นเอง ซึ่งสามารถอธิบายได้ง่าย ๆ ดังนี้

Emergency Alert System (EAS):  เป็นระบบเตือนภัยขนาดใหญ่ที่รัฐบาลใช้เพื่อส่งข้อความเตือนประชาชนเมื่อมีเหตุฉุกเฉิน เช่น สภาพอากาศเลวร้าย หรือคนหาย โดยระบบนี้ยังสามารถส่งไปแค่ในพื้นที่ที่เกิดเหตุร้ายได้ และมักถูกใช้เมื่อมีเหตุฉุกเฉินระดับชาติ เช่น ภัยพิบัติ หรือวิกฤติใหญ่ โดยผู้นำประเทศก็จะใช้ระบบนี้เพื่อพูดคุยกับสาธารณชน 

ระบบ EAS พัฒนามาจากการกระจายเสียงเตือนภัยแบบเก่าซึ่งอาจจะไม่สามารถกระจายข่าวได้ทันที ดังนั้นในปี 1990 จึงได้เปลี่ยนมาใช้ EAS เป็นมาตรฐานระบบการแจ้งเตือนภัย ซึ่งจะแจ้งเตือนผ่านวิทยุและโทรทัศน์ โดยผู้ที่ให้บริการ EAS ได้แก่ สถานีวิทยุและโทรทัศน์ ผู้ให้บริการเคเบิล บริษัทวิทยุและโทรทัศน์ผ่านทางดาวเทียม เป็นต้น

SMS Alert System: แต่ในปัจจุบันมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะสมาร์ตโฟนและโซเชียลมีเดีย ที่ช่วยให้เราสามารถสื่อสารกับสาธารณชนได้ในรูปแบบต่าง ๆ ทำให้รูปแบบของระบบแจ้งเตือนก็พัฒนาตามไปด้วย

จากการกระจายผ่านข้อความบนวิทยุและโทรทัศน์ตามหลัก EAS จึงพัฒนามาเป็นข้อความที่รัฐบาลส่งทาง SMS เนื่องจากสมาร์ตโฟนเป็นอุปกรณ์ที่ประชาชนเกือบทุกคนมีในสมัยนี้ และเข้าถึงพวกเขาได้รวดเร็วมากที่สุด

หากมองกลับมาที่ประเทศไทยจากหลายเหตุการณ์ร้ายที่เกิดขึ้น ประเทศของเรายังไม่มีระบบแจ้งเตือนความปลอดภัยที่เป็นรูปธรรมจากรัฐบาล การรับรู้ข่าวสารของคนไทยจึงต้องติดตามจากการอัปเดตผ่านทางโซเชียลมีเดีย เช่น Twitter หรือ Facebook

ซึ่งการรับข้อมูลข่าวสารจากช่องทางเหล่านี้แม้จะรวดเร็วก็จริง แต่ก็มีสิทธิ์ที่จะได้รับข่าวปลอมหรือข้อมูลที่ปลุกปั่น ดังนั้น หากรัฐบาลของไทยมีระบบเตือนภัยเป็นของตัวเอง ก็อาจยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของประเทศไทยขึ้นไปอีกขั้น ผ่านการใช้ประโยชน์จาก เทคโนโลยีที่มีอยู่แล้ว ในยุคปัจจุบัน

อ้างอิง: zdnet, fcc.gov, nap.nationalacademies

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

'บ้านปู' ประกาศกลยุทธ์ใหม่ Energy Symphonics เตรียมมุ่งสู่ปี 2030 เปลี่ยนผ่านพลังงานอย่างยั่งยืน พร้อมเป้าหมาย Net Zero ในปี 2050

บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านพลังงานที่หลากหลาย ประกาศกลยุทธ์ใหม่ 'Energy Symphonics' หรือ “เอเนอร์จี ซิมโฟนิกส์” เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจสู่ปี 2030 เน้นการเปลี่ยนผ่านพลังงานอ...

Responsive image

Google เผยเศรษฐกิจดิจิทัลไทย โตอันดับ 2 ใน SEA มูลค่า 1.61 ล้านล้านบาท ขับเคลื่อนด้วยอีคอมเมิร์ซและการท่องเที่ยวเป็นหลัก

เศรษฐกิจดิจิทัลไทยกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว คาดว่าในปี 2567 มูลค่ารวมของสินค้าดิจิทัลหรือ GMV จะเพิ่มขึ้นถึง 4.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.61 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2566...

Responsive image

AMD ประกาศลดพนักงาน ราว 1,000 คนทั่วโลก หวังเร่งเครื่องสู่ตลาดชิป AI

AMD ผู้ผลิตชิปรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก ประกาศแผนปรับโครงสร้างองค์กรครั้งสำคัญ โดยจะปลดพนักงานประมาณ 1,000 คน หรือคิดเป็น 4% ของพนักงานทั้งหมด 26,000 คนตามข้อมูลที่บริษัทยื่นต่อสำนักง...