ExxonMobil ได้ประกาศแผนการเข้าสู่ธุรกิจผลิตแบตเตอรี่ลิเทียม โดยจะผลิตแบตเตอรี่ที่ลดผลกระทบต่อสิงแวดล้อมบนพื้นที่ทางธรณีวิทยาที่เรียกว่า Smackover Formation ในรัฐอาร์คันซอ สหรัฐอเมริกา เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายที่จะเป็น "ผู้นำในการผลิตแบตเตอรี่ลิเทียม"
ความต้องการลิเทียมเพิ่มขึ้นในช่วงสองสามปีที่ผ่านมาซึ่งทำหน้าที่เป็นส่วนประกอบสำคัญในแบตเตอรี่แบบชาร์จไฟได้ที่ใช้กับยานพาหนะไฟฟ้า โทรศัพท์ แล็ปท็อป และเทคโนโลยีอื่น ๆ โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาที่ความต้องการไม่เพียงพอกับการผลิตในประเทศ
ExxonMobil จึงเตรียมก้าวเข้าสู่ธุรกิจผลิตลิเทียม มุ่งหวังจะเป็นผู้ผลิตลิเทียมเกรดแบตเตอรี่ชั้นนำ ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และลดการพึ่งพาการนำเข้าลิเทียมจากประเทศอื่น ๆ
ปัจจุบันผู้นำตลาดแบตเตอรี่ลิเทียมคือ Contemporary Amperex Technology หรือ CATL จากประเทศจีน ซึ่งนำหน้ารายอื่น ๆ อย่าง LG Energy Solution และ BYD ถึงแม้ในสหรัฐอเมริกาจะมี Tesla ที่อยู่ในธุรกิจแบตเตอรี่ลิเทียมด้วยก็ตาม แต่ความต้องการในประเทศก็ยังคงไม่เพียงพอ จึงมีการนำเข้าจากจีน อาเจนตินาและชิลีประเทศอื่น ๆ
การประกาศว่าจะเข้าสู่ตลาดผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมของ ExxonMobil ผู้นำอุตสาหกรรมของธุรกิจพลังงานและปิโตรเคมี ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนจากการครองตลาดน้ำมันสู่อุตสาหกรรมพลังงานไฟฟ้าที่น่าจับตามอง เนื่องจากรถยนต์ EV ในปัจจุบันเริ่มได้รับความนิยมสูงและคาดว่าจะไปต่อได้ในอนาคต และการใช้รถยนต์ EV ก็สอดคล้องกับนโยบาย Net Zero Carbon Emission ที่จะลดการปล่อยคาร์บอนให้เป็นศูนย์ภายในปี 2050
ExxonMobil ได้ซื้อที่ดินที่อุดมด้วยลิเทียมจำนวน 120,000 เอเคอร์ ที่เรียกว่า Smackover Formation ในรัฐอาร์คันซอ สหรัฐอเมริกา โดยเจาะลึกลงไปใต้พื้นผิว 10,000 ฟุตโดยใช้เครื่องจักรก๊าซและน้ำมัน จากนั้นจะใช้การสกัดลิเทียมโดยตรง (DLE) เพื่อแยกลิเทียมออกจากน้ำเค็มที่ผสมอยู่ เมื่อเสร็จแล้วจะฉีดน้ำเค็มกลับคืนสู่พื้นดิน ExxonMobil กล่าวว่ากระบวนการ DLE ปล่อยคาร์บอนน้อยกว่าการขุดเจาะหินแข็งและใช้พื้นที่น้อยกว่ามาก
“ลิเทียมมีความสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงการใช้พลังงานในปัจจุบัน และ ExxonMobil จะก้าวมามีบทบาทสำคัญในการปูทางไปสู่การใช้พลังงานไฟฟ้า” Dan Ammann ประธาน ExxonMobil Low Carbon Solutions กล่าว “โครงการสำคัญนี้ใช้ความเชี่ยวชาญของ ExxonMobil ที่มีมายาวนานหลายทศวรรษเพื่อปลดล็อกแหล่งลิเทียมในทวีปอเมริกาเหนือจำนวนมาก โดยมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่าการทำเหมืองแบบดั้งเดิม”
ExxonMobil ยังกล่าวอีกว่าจะสามารถผลิตลิเทียมเพียงพอที่จะจัดหาให้รถยนต์ EV มากกว่า 1 ล้านคันต่อปีภายในปี 2030
ความพยายามในการผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมของ ExxonMobil ถือเป็นความมุ่งมั่นของบริษัทในการสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานไปสู่การใช้พลังงานไฟฟ้าซึ่งคาดว่าจะมีประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม ลดการพึ่งพาการนำเข้าลิเทียมจากประเทศอื่น ๆ
โครงการนี้ถือเป็นการพัฒนาที่สำคัญสำหรับผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่ต้องการผลิตแบตเตอรี่ในสหรัฐอเมริกา และเป็นที่น่าจับตามองต่อไปว่า ExxonMobil จะกลายมาเป็นผู้นำด้านการผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมได้จริงหรือไม่ในอนาคต
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด