EU เล็งเพิ่ม Facial Recognition ลงใน International Database เพื่อติดตามคนร้าย | Techsauce

EU เล็งเพิ่ม Facial Recognition ลงใน International Database เพื่อติดตามคนร้าย

สหภาพยุโรปวางแผนขยายฐานข้อมูลในการจับอาชญากร ด้วยการเพิ่มเทคโนโลยีตรวจจับใบหน้า (Facial Recognition) เข้าไป ซึ่งเดิมทีฐานข้อมูลชุดนี้นั้นจะประกอบไปด้วยข้อมูล DNA, ลายนิ้วมือ และข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับอาชญากร เช่น ข้อมูลยานพาหนะ เท่านั้น


EU and Facial Recognition

อ้างอิงจากรายงานของ Wired พบว่า หลายประเทศสมาชิกในสหภาพยุโรปได้ขอให้เพิ่มข้อมูลการจดจำใบหน้าในการติดตามอาชญากร ซึ่งแผนดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันให้เกิดระบบการรักษากฎหมายและความสงบเรียบร้อยในกลุ่มประเทศสมาชิกให้ ‘ทันสมัย’ มากขึ้น ด้วยการใช้เทคโนโลยี

นอกจากนั้นยังอยู่ภายใต้ข้อตกลง Prüm II หรือระเบียบว่าด้วยการแลกเปลี่ยนข้อมูลอัตโนมัติสำหรับความร่วมมือตำรวจ ซึ่งถูกเสนอเมื่อวันที่ 8 เดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา โดยในข้อตกลงนั้น มีการเพิ่มข้อเสนอให้แลกเปลี่ยนข้อมูลอัตโนมัติระหว่างประเทศสมาชิก เกี่ยวกับข้อมูลภาพใบหน้าของผู้ต้องสงสัย ผู้ต้องสงสัยอาชญากร ข้อมูลใบขับขี่ และบันทึกของตำรวจ (เดิมทีข้อตกลง  Prüm ฉบับแรกอนุญาตให้แลกเปลี่ยนข้อมูล DNA, ลายนิ้วมือ และข้อมูลยานพาหนะเท่านั้น) ซึ่งหมายความว่ากองกำลังตำรวจใด ๆ ก็ตามในประเทศสมาชิก มีอำนาจในการเข้าถึงข้อมูลชุดนี้โดยอัตโนมัติ

ที่น่าสังเกตคือ การเพิ่มข้อมูลจากเทคโนโลยีตรวจจับใบหน้าลงไปในฐานข้อมูลนั้น อาจสร้างความกังวลเกี่ยวกับการรั่วไหลของข้อมูล และการใช้ข้อมูลในทางที่ผิด นอกจากนั้นยังมีประเด็นเรื่องการละเมิดความเป็นส่วนตัวต่อผู้ที่ไม่ยินยอมจะเปิดเผยข้อมูล

โดยปกติสหภาพยุโรปมีท่าทีในการสนับสนุนความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน และพยายามจะควบคุมบริษัทเทคโนโลยี หรือ การใช้ AI ที่อาจจะละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน แต่ทว่า ข้อตกลง Prüm II นั้นกลับให้อำนาจในการใช้เทคโนโลยีการตรวจจับใบหน้าย้อนหลังได้

"สิ่งที่คุณกำลังสร้าง คือโครงสร้างพื้นฐานการเฝ้าระวังไบโอเมตริกซ์ที่ครอบคลุมมากที่สุดที่ฉันคิดว่าเราเคยเห็นมาในโลก" Ella Jakubowska ที่ปรึกษาด้านนโยบายของ European Digital Rights (EDRi) กลุ่ม NGO ที่ทำงานด้านสิทธิดิจิทัลในยุโรปกล่าว ถึงเทคโนโลยีไบโอเมตริกซ์ที่เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างเทคโนโลยีการตรวจจับใบหน้า 

ในขณะที่สหภาพยุโรปกล่าวว่า ข้อมูลที่จะได้รับการอนุญาตให้แลกเปลี่ยนนั้น จะต้องเป็นภาพใบหน้าของผู้ต้องสงสัยหรือผู้ที่ถูกตัดสินแล้วว่าเป็นอาชญากรเท่านั้น นอกจากนั้นข้อตกลง Prüm II ในปัจจุบันยังคงอนุญาตให้ใช้เฉพาะการตรวจจับใบหน้าย้อนหลังเท่านั้น ไม่ได้อนุญาตให้ใช้เทคโนโลยีตรวจจับใบหน้าแบบ Real-time ที่ติดอยู่กับกล้องในที่สาธารณะ ด้วยเพราะถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก

อ้างอิง : techradar


ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

คัมภีร์ราคา ChatGPT อธิบายทุกแผนราคาแบบเข้าใจง่าย

คู่มืออธิบายแพ็กเกจ ChatGPT ทุกรูปแบบ ทั้ง Free, Plus, Pro, Team, Enterprise พร้อมเปรียบเทียบฟีเจอร์ ราคา และข้อจำกัด เลือกแผนที่เหมาะกับคุณได้ง่าย ๆ...

Responsive image

SoftBank เร่งระดมทุน 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ ลุยตลาด AI

SoftBank บริษัทด้านการลงทุนจากญี่ปุ่นเตรียมกู้เงินก้อนโตถึง 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 5.8 แสนล้านบาท เพื่อนำไปลงทุนในเทคโนโลยี AI โดย Masayoshi Son ซีอีโอของ SoftBank ได...

Responsive image

DeepSeek เผยกำไร AI ตัวเลขพุ่งทะลุ 545% แต่เป็นอัตรากำไรตามทฤษฎี

DeepSeek สตาร์ทอัพ AI จากจีนเผยอัตรากำไรทางทฤษฎีสูงถึง 545% แม้รายได้จริงยังต่ำกว่าที่คำนวณได้ พร้อมเปิดแนวทางเพิ่มประสิทธิภาพ AI และลดต้นทุน ตอกย้ำความแตกต่างจาก OpenAI ด้วยนโยบาย...