Insilico Medicine บริษัท Startup ด้าน Biotech จากฮ่องกงใช้ AI ในการวิจัยและคิดค้นยาที่มีชื่อว่า INS018_055 ซึ่งเป็นยาที่ใช้ในการรักษาโรคที่เรียกว่า โรคพังผืดในปอดที่ไม่ทราบสาเหตุ (idiopathic pulmonary fibrosis - IPF) และจะเริ่มนำมาใช้ทดลองรักษาผู้ป่วยครั้งแรกในสัปดาห์นี้

สถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐ (NIH) เผยว่า โรคพังผืดในปอดที่ไม่ทราบสาเหตุ (IPF) เป็นโรคเรื้อรังที่ทำให้เกิดแผลเป็นในปอด หากไม่ได้รับการรักษาอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ภายใน 2-5 ปี ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาพบผู้ป่วยเป็นโรคนี้มากขึ้น ดังนั้น มันจึงเป็นก้าวสำคัญของการใช้ AI ในการผลิตยา
Alex Zhavoronkov CEO ของบริษัท Insilico Medicine กล่าวว่า ถึงแม้ว่าในปัจจุบันมียาที่ AI ช่วยวิจัยและทดลองอยู่มากมาย แต่ยา INS018_055 ของบริษัทเป็นยาตัวแรกที่ AI เป็นทั้งผู้ค้นพบวิธีการทำงานของโรคและกระบวนการในร่างกาย
รวมถึงยังออกแบบและวิเคราะห์การทำงานของตัวยาให้สอดคล้องกับสาเหตุการเกิดโรค ซึ่งเพิ่มโอกาสในการรักษาโรคให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น นี่จึงเป็นครั้งแรกที่เราจะทดลองใช้ยาที่ AI ทำขึ้น 100% ในการรักษากับคนจริง ๆ
Zhavoronkov กล่าวว่า “เมื่อตอนที่ก่อตั้งบริษัทขึ้น เป้าหมายหลักของเรา คือ การสร้างอัลกอริทึมเพื่อช่วยเราค้นหาและออกแบบโมเลกุลใหม่ ๆ และโมเลกุลเหล่านี้อาจใช้เป็นยารักษาโรคต่าง ๆ ได้”
ในปี 2020 บริษัทวางแผนที่จะคิดค้นยาตัวใหม่ที่เป็นเหมือน "Moonshot" คือ การคิดค้นยาเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ก้าวกระโดด เพื่อปรับปรุงการรักษาให้ดีขึ้น โดยไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงมากนัก เนื่องจากการรักษาในปัจจุบันส่วนใหญ่ใช้วิธีการชะลอการลุกลามของโรค ซึ่งอาจเกิดผลข้างเคียงได้
บริษัท Insilico Medicine ตัดสินใจที่จะมุ่งเป้าไปที่การคิดค้นยาสำหรับโรคพังผืดในปอดที่ไม่ทราบสาเหตุ (IPF) เนื่องจากโรคนี้เกี่ยวข้องกับกระบวนการชราภาพของร่างกาย นอกจากนี้ยังมียาอีก 2 ชนิดที่บริษัทยังคงทำงานวิจัยร่วมกับ AI ได้แก่ ยาสำหรับโควิด-19 ที่อยู่ในขั้นแรกของการวิจัยทางคลินิก, และยารักษามะเร็งยับยั้ง USP1 ซึ่งได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยา (FDA) ให้เริ่มการวิจัยทางคลินิกได้
ในตอนนี้การศึกษาวิจัยเกี่ยวกับยา INS018_055 อยู่ในขั้นทดลองในประเทศจีนโดยใช้เวลา 12 สัปดาห์ ทางบริษัทได้จัดการทดลองเป็นการศึกษาควบคุมด้วยยาหลอกแบบสุ่ม โดยบางคนได้รับยาจริงและบางคนได้รับยาหลอก ซึ่งผู้เข้าร่วมการทดลองไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาได้รับยาอะไร
ในการศึกษาวิจัยนี้บริษัท Insilico มีแผนที่จะขยายจำนวนผู้เข้าร่วมการทดลองเป็น 60 คน ในที่ต่าง ๆ ทั้งในสหรัฐอเมริกาและจีน หากผลการทดลองเป็นไปด้วยดีก็อาจจะมีการศึกษาอีกครั้งกับผู้คนจำนวนมากขึ้น
วงการวิจัยยาทั่วโลกอาจกำลังยืนอยู่ตรงจุดเปลี่ยนสำคัญ เมื่อ ยา rentosertib ซึ่งพัฒนาโดยบริษัท Insilico Medicine กำลังเตรียมเข้าสู่การทดลองทางคลินิกระยะที่ 3 ขั้นตอนสุดท้ายก่อนจะขออนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลให้ใช้กับผู้ป่วยในวงกว้าง
การศึกษาที่เผยแพร่ในจีนเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ครอบคลุมผู้ป่วย 71 คน พบว่า rentosertib มีความปลอดภัยและทนต่อยาได้ดี ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญ โดยเป้าหมายของยานี้คือการรักษา โรคพังผืดในปอดที่ไม่ทราบสาเหตุ (IPF) ซึ่งเป็นโรคเรื้อรังที่ทำให้เกิดแผลเป็นในปอดและอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตในระยะเวลา 2–5 ปีหากไม่ได้รับการรักษา
หาก rentosertib สามารถแสดงประสิทธิภาพในการทดลองระยะที่ 3 ซึ่งมีผู้เข้าร่วมจำนวนมาก และควบคุมปัจจัยต่าง ๆ อย่างเข้มงวดได้สำเร็จ ยาตัวนี้จะกลายเป็น ยา AI ตัวแรกที่ได้รับอนุมัติอย่างเป็นทางการ
AI โดยเฉพาะ machine learning มีความสามารถโดดเด่นในการค้นหารูปแบบจากข้อมูลจำนวนมหาศาล ซึ่งช่วยระบุเป้าหมายของโรคหรือโปรตีนที่ควรพุ่งเป้าได้รวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น
งานวิจัยของ Chris Meier จาก Boston Consulting Group ที่ตีพิมพ์ในปี 2022 ระบุว่า ยาที่ค้นพบด้วย AI และเข้าสู่การทดลองระยะที่ 1 มีอัตราความสำเร็จสูงถึง 80–90% เทียบกับค่าเฉลี่ยทั่วไปที่ราว 66% แสดงให้เห็นว่า AI สามารถลดต้นทุนและเวลาในการวิจัยยาลงได้อย่างชัดเจน
และการที่ยา rentosertib จะเข้าสู่การทดลองระยะที่ 3 เป็น บททดสอบครั้งใหญ่ที่สุดของ AI ในการพิสูจน์ตัวเอง หากสำเร็จ มันจะเปลี่ยนทั้งโมเดลธุรกิจ เวลาในการพัฒนายา และต้นทุนทั้งหมดในอุตสาหกรรม
แม้ผู้เชี่ยวชาญหลายคนยังสงวนท่าที แต่ก็ไม่มีใครปฏิเสธว่า พลังการคำนวณและอัลกอริทึมกำลังกลายเป็นแกนกลางของการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ยุคใหม่ และ AI กำลังเดินเข้าใกล้จุดที่มันจะกลายเป็น “นักวิจัยร่วม” ที่มีผลงานพิสูจน์แล้วในระดับโลก
อ้างอิง: cnbc, chemistryworld
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด