จากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ทุกภาคส่วนล้วนมีการปรับตัว พร้อมกับเปิดรับเทคโนโลยีดิจิทัลให้เข้ามามีบทบาทกับการดำเนินงาน และชีวิตประจำวันมากขึ้น
เห็นได้จากการคาดการณ์ว่า มูลค่าตลาด Global Digital Transformation ทั่วโลก เติบโตโดยเฉลี่ย 21% ระหว่างปี 2565 ถึงปี 2570 นอกจากนี้ข้อมูลของ Gartner ยังระบุถึงการใช้จ่ายด้าน IT ในประเทศไทย โดยมีการคาดการณ์จะเติบโตโดยเฉลี่ย 14% ระหว่างปี 2563 ถึง 2569
ส่งผลให้ภาคธุรกิจต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวเพื่อก้าวสู่การเติบโตและสร้าง momentum ให้กับธุรกิจ เพราะเทคโนโลยีเปรียบเสมือน Enabler ที่จะช่วยสร้างคุณค่าใหม่ เช่น การนำเทคโนโลยีมาช่วยวิเคราะห์ข้อมูลและพัฒนาผลิตภัณฑ์ หรือ ช่วยในการตัดสินใจวางแผนทางธุรกิจ เชื่อมโยงพนักงาน ให้ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงช่วยหา New S-Curve
แต่ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าการนำเทคโนโลยีมาเพิ่มขีดความสามารถให้กับธุรกิจในโลกยุคดิจิทัลนั้นกลับไม่ได้ Success ตามที่ตั้งเป้าไว้ นั่นก็เพราะบางครั้งหลายองค์กรอาจจะยังไม่รู้ว่า เทคโนโลยีใดที่เหมาะกับองค์กรของตน
รวมทั้งคนในองค์กรอาจจะยังไม่เข้าใจว่าเทคโนโลยีเหล่านั้นจะมาช่วยในการทำงานของพวกเขาให้ดีขึ้นได้อย่างไร นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไม ? จะต้องมี Tech Enabler ที่จะเข้ามาช่วยขับเคลื่อนองค์กร
ซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ‘บริษัท จีเอเบิล จํากัด (มหาชน) หรือ G-Able’ ผู้นําด้าน "Tech Enabler" ที่ไม่ใช่แค่ System Integrator ทั่วไป แต่จะเป็น Business and Technology Enabler ที่เข้าไปช่วยให้ลูกค้าคิดนอกกรอบ และสร้างแผนการเติบโตต่อยอดทางธุรกิจได้อย่างไม่มีขีดจำกัด ซึ่งถือเป็น Big Player ในวงการไอทีของไทยมานานกว่า 33 ปี ผ่านการขับเคลื่อนด้วยแนวคิด Possible Simple ที่ช่วยยกระดับธุรกิจสู่ยุคดิจิทัลในทุกมิติกับการให้บริการโซลูชั่นระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและดิจิทัลอย่างครบวงจร
และเพื่อให้เห็นภาพของธุรกิจ G-Able ทั้งหมด สามารถแบ่ง Core Business ออกเป็น 3 ด้านดังนี้
ให้คำปรึกษา ออกแบบ ติดตั้ง และจัดจำหน่าย ตลอดจนการบริการบำรุงรักษาและบริการอื่นที่เกี่ยวเนื่อง โดยสามารถแบ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์ เป็น 5 กลุ่มโซลูชั่น ได้แก่ โซลูชั่นด้านระบบคลาวด์และดาต้าเซ็นเตอร์ โซลูชั่นด้านระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์ โซลูชั่นด้านระบบจัดการข้อมูลและการวิเคราะห์ โซลูชั่นด้านธุรกิจดิจิทัล และโซลูชั่นด้านการบริหารจัดการระบบสารสนเทศ
ประกอบธุรกิจตัวแทนจำหน่ายระบบเทคโนโลยีสารสนเทศผ่านบริษัท เฟิร์ส ลอจิก จำกัด (First logic) ซึ่งเป็นตัวแทนหลักในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชั้นนำต่างๆ จาก Oracle และ Veritas ซึ่งเป็นผู้พัฒนาเทคโนโลยีสำหรับการใช้งานในระดับองค์กรซึ่งเป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับจากผู้ใช้งานทั่วโลกมาแล้วอย่างยาวนาน
ซึ่งเกิดจากการนำเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นภายในองค์กรมาต่อยอดเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม และพัฒนาเป็นธุรกิจใหม่จนเกิดเป็นกลุ่มธุรกิจบริการซอฟต์แวร์แพลตฟอร์ม (Software Platform) โดยปัจจุบัน G-Able เป็นผู้พัฒนาซอฟต์แวร์แพลตฟอร์มของตัวเองและ Spin Off ออกมาเป็นบริษัทในเครือเพื่อให้บริการในด้านต่าง ๆ เช่น
- แพลตฟอร์มด้าน Marketing Technology โดย บริษัท อินไซท์เอรา จำกัด (InsightEra)
- แพลตฟอร์มจัดการข้อมูล Big Data โดย บริษัท เบลนเดต้า จำกัด (Blendata)
- แพลตฟอร์มบริหารจัดการพื้นที่เช่า โดย บริษัท เอ็มเวิร์จ จำกัด (Mverge)
ในส่วนของกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจจะมุ่งเน้นการให้บริการโซลูชั่นที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญระดับสูง พร้อมกับขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มอุตสาหกรรมอื่น และพัฒนาซอฟต์แวร์แพลตฟอร์ม ซึ่งเป็นเทคโนโลยีของกลุ่มบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายศักยภาพการให้บริการและต่อยอดความเชี่ยวชาญไปยังธุรกิจที่เกี่ยวข้อง
“ทุกวันนี้ G-Able ได้เริ่มไป Partner กับลูกค้า เพื่อวางแผนสำหรับ New S-Curve แล้ว เช่น Partner กับ PTT Digital ในการค้นหา Trend ใหม่ๆ โดยใช้ Big Data เพื่อสร้างโอกาสในอนาคตร่วมกัน หรือจะเป็นการจับมือกับบริษัท Grey NJ ผู้นำทางด้าน Digital Media เพื่อร่วมกันสร้าง Tech-Media consultancy business และก้าวสู่เป้าหมาย ที่ G-Able ตั้ง ไว้ซึ่งนั่นก็คือ "การเป็นบริษัทเทคโนโลยีดิจิทัลอันดับ 1 ในประเทศไทย"
ดังนั้นหากจะอธิบายให้เห็นภาพง่าย ๆ ‘G-Able’ คือผู้ให้บริการทางด้านเทคโนโลยีและดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นแบบครบวงจร โดยมีลูกค้าในหลาย ๆ อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ อาทิ ธุรกิจการเงิน, ธุรกิจโทรคมนาคม, ธุรกิจประกันภัย, ธุรกิจอุตสาหกรรมการผลิตและพลังงาน รวมถึงสถาบันการศึกษาต่างๆ รวมทั้งมีรายได้จากการให้บริการที่เกิดขึ้นต่อเนื่องทำให้ Recurring Income อยู่ในระดับสูง
ทั้งนี้การที่ภาพรวมอุตสาหกรรมดิจิทัลไทย ทั้งอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์และอุตสาหกรรมบริการด้านดิจิทัลมีอัตราการขยายตัว และยังคงเห็นการเติบโตต่อเนื่องทุกปี ส่งผลดีต่อธุรกิจ G-Able
ขณะที่ Backlog เติบโตในระดับสูง อยู่ถึงกว่า 4,100 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2565
หากดูทางด้าน Financial Performance บริษัทฯ มีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง เพื่อรองรับการเติบโตในระยะยาว นับตั้งแต่ปี 2563-2565 โดยมี Revenue เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 5 พันล้านบาท ไม่เว้นแม้ในช่วงการระบาดของโควิด ที่หลายๆ ธุรกิจได้รับผลกระทบ
ถัดมาในส่วนของ Margin จะเห็นได้ว่า Core business Margin เติบโตอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดตั้งแต่ปี 2563 ซึ่งปีที่ผ่านมาอยู่ที่ประมาณ 1 พันล้านบาท คิดเป็น Gross profit margin ที่ 21.2% ในขณะที่ Net Profit ก็เติบโตขึ้นทุกปี รวมถึงมีรายได้ใหม่จาก New Software Platform ที่บริษัทฯ พัฒนาขึ้นและเป็นเจ้าของ
ขณะที่ Balance Sheet จะเห็นได้ว่ามี Asset Size ขนาด 4 พันล้านบาท Return on Equity หรือ ROE อยู่ในระดับที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีที่ผ่านมา สูงถึง 18.8% ซึ่งถือว่าเป็นผลตอบแทนที่ดีสำหรับนักลงทุน และยังมี IBD/E ที่ 0.6 เท่า ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับต่ำ แสดงให้เห็นว่ามี พื้นที่ในการขยายศักยภาพอีกมาก
ตามแผนที่วางไว้จีเอเบิล ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวน (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 175 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 1 บาท/หุ้น คิดเป็น 25% ของจํานวนหุ้นทั้งหมดหลังการเสนอขาย
ส่วนแผนการเข้าจดทะเบียน จะเข้าจดทะเบียนในตลาด : SET หมวดธุรกิจ (sector) เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยมี บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จํากัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
ขณะที่ความสามารถการทํากําไร อัตรากําไรขั้นต้น 21.2% นโยบายการจ่ายปันผลไม่น้อยกว่า 50%
1.รองรับการเติบโตของกลุ่มบริษัทฯ และการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องที่มีศักยภาพ เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ และกระจายความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดได้
2.ชำระคืนเงินกู้ยืมสถาบันการเงินของกลุ่มบริษัทฯ
3.รองรับเป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อใช้ในการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ
ส่วนแผนการขยายตัวของ G-Able สรุปสั้นๆ ได้ว่า Phase ที่ 1 การเป็น Doer โดยขยายตัวในสิ่งที่บริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญอยู่แล้ว โดยมุ่งเน้นทั้งส่วนของยอดขายและ Margin ในเวลาเดียวกัน ส่วน Phase ที่ 2 ขยับไปเป็น Thinker และ Trendsetter เพื่อช่วยเพิ่มมูลค่าและ Margin ให้กับบริษัทฯ แล้วจึงต่อยอดสู่การขยายไปใน Phase ที่ 3 คือ การเข้าไปช่วยเป็น Game Changer ให้กับลูกค้าและร่วมลงทุนในธุรกิจใหม่
ดังนั้นสรุปโดยรวมแล้ว G-Able นับเป็นบริษัทเทคโนโลยีของไทยอีกรายหนึ่งที่มีความน่าสนใจ เพราะ ถือเป็นธุรกิจที่เติบโตได้ดีในทุก ๆ สถานการณ์ทั้งในปัจจุบันและอนาคต
“เพราะอนาคตของการลงทุนใดๆ ก็ตามในธุรกิจอุตสาหกรรมดิจิทัล ส่วนหนึ่งมาจากความฝันของนักคิด อีกส่วนหนึ่งมาจากผลลัพธ์ของคนที่ทำได้จริง ซึ่ง G-Able คือคนที่ทำได้ทั้ง 2 ส่วน และเราคือ Tech Enabler ที่เชื่อว่าพลังของ Technology อยู่ที่การนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เพื่อธุรกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืน และเพื่อสังคมที่ดีกว่าที่เคยเป็นมา” ดร.ชัยยุทธ ชุณหะชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีเอเบิล จำกัด (มหาชน) กล่าวทิ้งท้าย
บทความนี้เป็น Advertorial
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด