Gemma 3 เปิดตัวแล้ว AI ทรงพลังที่สุดที่รันได้บน GPU ตัวเดียว จาก Google

Gemma 3 Google

Google เปิดตัว Gemma 3 โมเดล AI ใหม่ที่สามารถรันได้บน GPU เพียงตัวเดียว และถูกขนานนามว่าเป็น “โมเดล AI ที่ทรงพลังที่สุดสำหรับการใช้งานบนอุปกรณ์เดี่ยว”

Gemma 3 คืออะไร ?

Gemma 3 คือ AI รุ่นใหม่ที่รองรับทั้งข้อความ ภาพ และวิดีโอสั้น โดยหลังจากที่ Google เปิดตัวโมเดล Gemma รุ่นแรกเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งใช้เทคโนโลยีเดียวกับ Gemini AI ล่าสุด Google ได้อัปเกรดเป็น Gemma 3 โดยมุ่งเน้นไปที่การช่วยให้นักพัฒนาสร้างแอปพลิเคชัน AI ที่สามารถ… 

  1. ทำงานได้หลากหลาย ตั้งแต่สมาร์ตโฟนไปจนถึงเวิร์กสเตชัน
  2. รองรับมากกว่า 35 ภาษา 
  3. สามารถวิเคราะห์ ข้อความ ภาพ และวิดีโอสั้น ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Gemma 3 ดีกว่าโมเดล AI อื่นยังไง ?

Google อ้างว่า Gemma 3 มีประสิทธิภาพเหนือกว่าโมเดลคู่แข่ง เช่น Llama (Meta), DeepSeek และ OpenAI ในการทำงานบนเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ GPU ตัวเดียว โดยเฉพาะเมื่อใช้งานร่วมกับ Nvidia GPUs และฮาร์ดแวร์ AI เฉพาะทาง 

นอกจากนี้ ยังมีการอัปเกรดตัว vision encoder ทำให้รองรับภาพความละเอียดสูงและภาพที่ไม่ได้อยู่ในอัตราส่วนสี่เหลี่ยมจัตุรัสได้ดีขึ้น

รวมถึง Google ยังเพิ่มมาตรการด้านความปลอดภัยให้กับโมเดลใหม่ โดยเปิดตัว ShieldGemma 2 ซึ่งเป็นระบบตรวจจับภาพที่สามารถ กรองเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม เช่น ภาพลามกอนาจาร เนื้อหาที่เป็นอันตราย หรือรุนแรง ทั้งขาเข้าและขาออก เพื่อให้มั่นใจว่า AI จะไม่ถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด

จุดแข็ง Gemma 3 AI ทรงพลังที่ใช้ฮาร์ดแวร์น้อยลง

ปกติแล้ว โมเดล AI ที่ซับซ้อน เช่น GPT-4 หรือ Gemini ต้องใช้ ฮาร์ดแวร์ระดับสูง เช่น เซิร์ฟเวอร์ที่มีหลาย GPU หรือแม้แต่ ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ เพื่อให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ซึ่งหมายความว่า ต้นทุนการใช้งานสูง และการเข้าถึง AI ขั้นสูงจำกัดอยู่แค่บริษัทใหญ่ ๆ

แต่แนวโน้มของ AI ในปัจจุบัน กำลังมุ่งไปที่การพัฒนาโมเดลที่ทรงพลัง แต่ใช้ทรัพยากรน้อยลง ซึ่งทำให้ AI สามารถ รันได้บนอุปกรณ์ที่เล็กลง หรือบนเซิร์ฟเวอร์ที่มีประสิทธิภาพต่ำกว่าเดิม ตัวอย่างของโมเดลในแนวนี้คือ DeepSeek และ Gemma

Google อ้างว่า Gemma 3 สามารถทำงานได้ดี แม้จะใช้เพียง GPU ตัวเดียว นั่นหมายความว่า ผู้ใช้ทั่วไป หรือบริษัทขนาดเล็กก็สามารถเข้าถึง AI ขั้นสูงได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องลงทุนในเซิร์ฟเวอร์ราคาแพง

แม้ว่า AI ที่ใช้ฮาร์ดแวร์น้อยจะเป็นแนวโน้มที่ดี แต่ก็มี ความกังวลว่าโมเดลเหล่านี้อาจถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด Google จึงมีการ ทดสอบความเสี่ยงของ Gemma 3 โดยเฉพาะด้าน STEM (Science, Technology, Engineering, Mathematics) ซึ่งเป็นสาขาที่เกี่ยวข้องกับ การสร้างสารเคมีและวัสดุที่อาจเป็นอันตราย ผลที่ออกมาคือ Gemma 3 มีความเสี่ยงต่ำในการถูกใช้เพื่อสร้างสิ่งที่เป็นอันตราย ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีว่าระบบมีมาตรการป้องกันที่เหมาะสม

Gemma 3 เป็น Open Model จริงหรือไม่ ?

แม้ว่า Google จะเรียก Gemma 3 ว่าเป็น "Open Model" แต่ก็ยังมี ข้อจำกัดด้านลิขสิทธิ์ ที่ระบุว่า

  • ผู้ใช้ ไม่สามารถนำไปใช้งานในบางรูปแบบ
  • ไม่สามารถใช้โมเดลเพื่อสร้าง AI ใหม่ที่แข่งขันกับ Google

ซึ่งทำให้เกิดการถกเถียงว่า Gemma 3 เป็น Open-Source จริงหรือไม่ เพราะโมเดล Open-Source ควรอนุญาตให้ทุกคนใช้งานได้อิสระมากกว่านี้ แต่อย่างไรก็ตาม Google ยังคงส่งเสริมการใช้งานโมเดลนี้ผ่าน Google Cloud Credits โดยเฉพาะกลุ่มนักวิจัย เช่น การเปิดตัว Gemma 3 Academic Program ให้นักวิจัยสมัครรับ เครดิตมูลค่า $10,000 เพื่อนำไปใช้พัฒนาและวิจัย AI เป็นต้น

อ้างอิง: theverge

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

แว่นตาแห่งอนาคต ปรับโฟกัสอ่านใกล้-ไกล อัตโนมัติ ซ่อนเทคโนโลยีไว้ใต้กรอบแว่น ราคายังไม่เปิด แต่บริษัทเผยว่าแพง

IXI เปิดตัวแว่นอัจฉริยะที่ปรับโฟกัสตามดวงตาอัตโนมัติ ใส่สบาย น้ำหนักเบา ดีไซน์เหมือนแว่นปกติ แต่เทคโนโลยีล้ำสุด...

Responsive image

Suno ขึ้นแท่น 'ยูนิคอร์น' เต็มตัว หลังระดมทุนรอบล่าสุด ดันมูลค่าบริษัทแตะ 2.45 พันล้านดอลลาร์

Suno บริษัทสตาร์ทอัพด้านดนตรีที่ใช้เทคโนโลยี AI ประกาศระดมทุนรอบล่าสุดได้ 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้มูลค่าบริษัทขยับขึ้นมาอยู่ที่ 2.45 พันล้านดอลลาร์...

Responsive image

ปฏิวัติวงการวัสดุศาสตร์! นักวิจัยสร้าง ‘Structural Color’ เปลี่ยนสีได้ดั่งใจ ไม่พึ่งสารเคมี

นักวิจัย University of Florida พัฒนาวัสดุอัจฉริยะเปลี่ยนสีได้ทันทีด้วย Vanadium Dioxide ไม่ง้อสีย้อมเคมี ใช้หลักการ Structural Color ประยุกต์ใช้ได้ทั้งสิ่งทอ แฟชั่น และชุดพรางตัวทห...