Sundar Pichai CEO ของ Alphabet และ Google ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษกับสำนักข่าว CNBC ถึงประเด็นความกังวลด้านเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องของบริษัทและตลาดระดับโลก ถึงแม้ว่าสถานการณ์จะเริ่มคลี่คลายในหลายประเทศหรือในบางอุตสาหกรรมที่มีการฟื้นตัวอย่างอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตามเนื่องจากการทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวจากอัตราเงินเฟ้อที่สูงจำเป็นต้องใช้เวลานานกว่าที่คาดคิด เพราะทั่วโลกประสบปัญหาด้านความปั่นป่วนทาง Supply Chain ของทรัพยากรที่จำเป็นต่อกระบวนการผลิต และการขึ้นราคาข้าวของเครื่องใช้ ค่าครองชีพที่ยังคงพุ่งสูง
Sundar Pichai ได้กล่าวว่าเดือนเมษายนในไตรมาสที่ผ่านมานั้นดัชนีตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq ลดลงสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2008 ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคพุ่งสูงขึ้นถึง 8.3% มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ และอาจเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในรอบ 40 ปี โดยราคาหุ้นของ Alphabet บริษัทแม่ของ Google ได้ปรับตัวลดลงกว่า 22% ในปีนี้ เช่นเดียวกับบริษัทด้านเทคโนโลยีอื่นๆ เนื่องจากความกลัวต่ออัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนต่างย้ายไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีมั่นคงและความปลอดภัยกว่า อีกทั้งรายได้ของ Alphabet ในเดือนเมษายนตกลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ โดยสาเหตุหลักจากสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ส่งผลให้รายได้จากการโฆษณาของ YouTube ภายในยุโรปลดลงอย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนให้เห็นว่าจำนวนประชากรหรือตัวเลข GDP นั้นมีความสัมพันธ์กับการใช้จ่ายด้านโฆษณาและผู้ให้บริการด้านโฆษณา
“อย่างไรก็ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไม่ได้ไร้ความหวังเสียทีเดียว เมื่อมีสัญญาณว่าผู้คนเริ่มกลับมาใช้ชีวิตตามปกติอีกครั้ง แต่เราก็ยังไม่สามารถมั่นใจได้มากนัก เพราะยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ต้องคำนึงถึง”
Sundar Pichai กล่าวถึงการลงทุนด้านเทคโนโลยีของบริษัทถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะทำให้บริษัทแข็งแกร่งขึ้นและข้ามผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ อีกทั้งยังมีการจ้างงานเพิ่มเพื่อดึงคนที่มีทักษะความสามารถเข้ามาร่วมทำงานกับองค์กร โดยไม่ได้มีนโยบายลดหรือเลิกจ้างพนักงาน นอกจากนี้ Pichai ยังยืนยันถึงเป้าหมายที่จะลงทุนด้าน Secular Transformation เช่น Cloud หรือ Digital Transformation โดย Alphabet ได้ทุ่มงบกว่า 9.1 พันล้านดอลลาร์ในด้าน Research and Development หรือเพิ่มขึ้นอีก 22% เมื่อเทียบจากปีที่แล้ว แม้ว่าจะยังไม่มั่นใจในเศรษฐกิจและความผันผวนของตลาด
“ความหลากหลายของ Business Line คือ จุดแข็งของบริษัท การลงทุนในเทคโนโลยีหลายอย่างและมีการให้บริการที่หลากหลายทั่วโลก Google Search, Youtube, Android, Play, อุปกรณ์ Hardware ต่างๆ ไปจนถึงระบบ Cloud ทำให้บริษัทสามารถทำธุรกิจได้ในระยะยาวและผ่านเวลานี้ไปได้ อีกทั้ง Ecosystem ของมือถือและสมาร์ทโฟนได้สร้าง Opportunity ใหม่ๆ หลายอย่างให้กับบริษัท เราจึงต้องพัฒนาและเตรียมพร้อมสำหรับการปรับเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ Google ยังแข่งขันกับคู่แข่งอื่นๆ ในตลาดซึ่งเติบโตอย่างรวดเร็ว เช่น Tiktok โดยเราได้พัฒนา Youtube Shorts โดยในเดือนเมษายนที่ผ่านมามียอด Views รวมในแพลอตฟอร์มถึง 30 พันล้าน Views เพิ่มขึ้น 2 เท่าจากเดือนมกราคม”
ในช่วงท้ายได้มีการพูดคุยกันถึงประเด็นที่กำลังเป็นที่ถกเถียงในหมู่ผู้ใช้งานแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยเฉพาะหลังจาก Elon Musk ได้เข้าซื้อแพลตฟอร์ม Twitter Sundar Pichai ได้กล่าวถึงความสมดุลของ Free Speech และ Content Moderation ในอินเทอร์เน็ต โดยกล่าวว่า “การให้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นเป็นสิ่งพื้นฐานที่ทุกคนควรได้รับ ซึ่งทางบริษัทมีนโยบายการยับยั้งการเผยแพร่เนื้อหาที่เข้าข่ายสิ่งที่ผิดกฎหมายเท่านั้น” สำหรับแพลตฟอร์มจะมี Platform Community Guideline ในการจัดระเบียบการสร้าง Content ต่าง ๆ บน Youtube และ Google อีกทั้งยังมีการ Take Action เพื่อทำให้แพลตฟอร์มปลอดภัยสำหรับผู้ใช้งานทุกคน และทำให้ Spammer ไม่สามารถเข้ามายุ่งกับผลิตภัณฑ์ของผู้ใช้งานได้ ไม่ว่าจะเป็น Website หรือ Channel
อ้างอิง :
Alphabet CEO Sundar Pichai on inflation, investing in growth and free speech on the internet
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด