บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ GPI เผยผลงานไตรมาส 1/2564 ทำกำไรสุทธิ 98 ล้านบาท จากการทยอยรับรู้รายได้บางส่วนในการจัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 42 ที่ผ่านมา หลังกลับมามาจัดงานตามช่วงเวลาปกติ และรักษาผลกำไรจากการจัดงานในระดับเดียวกับปีก่อนจากการควบคุมค่าใช้จ่ายที่ดีขึ้น คาดผลการดำเนินงานทั้งปีเติบโตดี จากการเข้าร่วมลงทุนในธุรกิจโรงงานไฟฟ้าเชื้อเพลิงแปรรูปจากขยะที่คาดว่าจะ COD ในเร็วๆ นี้
ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ GPI ผู้นำสร้างสรรค์การจัดกิจกรรมให้บริการข่าวสาร ข้อมูล สาระ เพื่อสร้างประสบการณ์ และความบันเทิงที่น่าประทับใจตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้ยานยนต์ เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2564 สามารถกลับมาทำผลการดำเนินงานในระดับที่ดีอีกครั้ง โดยมีกำไรสุทธิ 98 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลการดำเนินงานขาดทุน และมีรายได้จากการขายและบริการ 324.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,098.86% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการและบริการ 27.03 ล้านบาท
ผลการดำเนินงานไตรมาสแรกที่ผ่านมาที่กลับมามีกำไรอีกครั้ง เนื่องจากบริษัทฯ กลับมาจัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 42 ตามช่วงเวลาปกติ เมื่อวันที่ 24 มีนาคม – 4 เมษายนที่ผ่านมา โดยมีการรับรู้รายได้ในช่วง 8 วันแรกของการจัดงานดังกล่าวเข้ามาในช่วงไตรมาส 1/2564 ส่วนที่เหลืออีก 4 วันจะรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 2/2564 โดยการจัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ที่ผ่านมา บริษัทฯ สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง 3% ส่งผลให้มีกำไรจากการจัดงานอยู่ในระดับที่ดี
ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานปี 2564 มั่นใจว่าจะเติบโตได้ดีจากปีที่ผ่านมา เนื่องจากได้เข้าลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงแปรรูปจากขยะในจังหวัดนครสวรรค์ ผ่านการถือหุ้น 25.45% ในบริษัท ทรูเอ็นเนอร์จี จำกัด ที่เป็นผู้ดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงแปรรูปจากขยะดังกล่าว คาดว่าจะเริ่มผลิตไฟฟ้าเพื่อจำหน่ายเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ในอีก 1-2 เดือนข้างหน้า ซึ่งจะส่งผลดีต่อการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุน
1) G หรือ Growth from the core หรือการเติบโตจากธุรกิจหลักและต่อยอดความเชี่ยวชาญไปยังธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เช่น การซื้อรถสะสมหรือรถแข่งนำมาปรับแต่งให้อยู่ในสภาพดีและจำหน่ายแก่นักลงทุน หรือต่อยอดความเชี่ยวชาญสู่การจัดงานเอ็กซิบิชั่นอื่นๆ
2) A หรือ Agile and Lean เน้นการปรับตัวอย่างรวดเร็วในทุกสถานการณ์และลดความสูญเสียในกระบวนการต่างๆ
3) I หรือ Investment and Diversification ขยายการลงทุนและแตกไลน์ธุรกิจอื่นๆ ที่มีศักยภาพ เช่น ธุรกิจโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงแปรรูปจากขยะ และ
4) N หรือ New Media Landscape (O2O) โดยการผสมผสานธุรกิจสื่อออนไลน์และออฟไลน์อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อขยายธุรกิจสร้างการเติบโตที่ดีในอนาคต
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด