Photo: HP

ในงาน 2018 International Manufacturing Technology Show (2018 IMTS) งานแสดงเทคโนโลยีการผลิตระหว่างประเทศ ทาง HP Inc. เปิดตัว HP Metal Jet เครื่องพิมพ์ที่มีเทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ (3D Printing) สำหรับการผลิตชิ้นส่วนโลหะ แบบคุณภาพสูง-ต้นทุนต่ำ แต่ให้ประสิทธิภาพการผลิตสูงขึ้น 50 เท่าเมื่อเทียบกับการผลิต 3 มิติวีธีอื่นๆ

โดยตัว 3D Printing นี้ ทาง HP ระบุว่าใช้เทคโนโลยี Voxel-level binder jetting มีขนาดแท่นอยู่ที่ 430 x 20 x 200 มิลลิเมตร มีระบบหัวฉีดดีขึ้นที่ดีขึ้น 4 เท่าและมีระบบ Printbars ที่ดีขึ้น 2 เท่าเมื่อเทียบกับรุ่นเดิม

"การพิมพ์โลหะสามมิติ (Metal 3D Printing) จะสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่งใหญ่ให้กับภาคยานยนต์ ภาคอุตสาหกรรม และวงการการแพทย์ ที่แต่ละปีมีการผลิตชิ้นส่วนโลหะหลายแสนล้านชิ้น" ดิออน ไวสเลอร์ CEO และประธาน HP Inc.

รวมถึงเปิดตัวบริการ Metal Jet Production Service ซึ่งช่วยผลักดันให้ลูกค้าทั่วโลกสามารถสร้างงานออกแบบและผลิตชิ้นส่วน 3 มิติได้อย่างรวดเร็วในปริมาณมาก และนำ HP Metal Jet เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การผลิตระยะยาว

ซึ่ง 3D Printing รุ่นนี้มีการติดตั้งในสายการผลิตของโรงงาน GKN Powder Metallurgy ในโรงงานเพื่อผลิตชิ้นส่วนโลหะสำหรับผู้ผลิตยานยนต์ และชิ้นส่วนยานยนต์ชั้นนำ เช่น Volkswagen และ Wilo โดย GKN Powder Metallurgy เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนผลิตภัณฑ์ชั้นนำของโลกด้วยเทคโนโลยีผงโลหะ สามารถผลิตชิ้นส่วนต่างๆ มากกว่า 3 พันล้านชิ้นต่อปี และคาดว่าจะสามารถเพิ่มกำลังการพิมพ์ชิ้นส่วนโลหะได้มากถึงล้านชิ้นภายในต้นปี 2562

คันเกียร์ในรถของ Volkswagen ที่ใช้ HP Metal Jet ผลิต | Photo: HP

นอกจากนี้ HP Metal Jet ยังถูกติดตั้งในบริษัทในกลุ่ม ATW อย่าง Parmatech บริษัทผลิตชิ้นส่วนโลหะที่ราคาไม่แพงและปริมาณมากสำหรับอุตสาหกรรมการแพทย์และภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ ขยายการผลิตชิ้นส่วนโลหะให้กับลูกค้า เช่น Okay Industries, Primo Medical Group และอื่นๆ

ช่วงครึ่งปีแรกของปี 2562 ผู้ใช้เครื่องพิมพ์รุ่นดังกล่าวจะสามารถอัพโหลดไฟล์ออกแบบ 3D และติดต่อเพื่อการผลิตชิ้นส่วนอุตสาหกรรมในปริมาณมากจากบริการ Metal Jet Production Service ได้ โดยจะได้รับการผลิตชิ้นส่วนจากพันธมิตรของ HP คือ GKN Powder Metallurgy และ Parmatech อีกด้วย

โดยราคาของ HP Metal Jet อยู่ที่ 399,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับลูกค้าที่สั่งจองล่วงหน้า เริ่มส่งมอบได้ในปี 2563  และพร้อมขายอย่างเป็นทางการในปี 2564