หลังจากขึ้นรับตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา Joe Biden ก็ใกล้ครบ 100 วันของการดำรงตำแหน่ง และล่าสุดก็ได้ขึ้นกล่าวต่อหน้าสภาคองเกรสถึงเส้นทางของสหรัฐอเมริกาในการเดินหน้าต่อจากนี้
ในคำประกาศ ประธานาธิบดี Joe Biden ได้กล่าวถึง การผลักดันให้สหรัฐอเมริกากลับมาแข็งแกร่ง และเป็นผู้นำของโลกอีกครั้ง อีกทั้งส่งเสริมการศึกษานอกระบบเพื่อส่งเสริมและพัฒนางานวิจัย ทั้งนี้สหรัฐอเมริกาต้องการที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งให้ประเทศตัวเอง และลดความท้าทายต่าง ๆ ที่มาจากจีน
Joe Biden ได้เผยอีกว่า กองกำลังทหารของสหรัฐฯ จะยังคงรักษากองกำลังในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก เหมือนที่ได้ทำร่วมกับ NATO ในสหภาพยุโรป เหตุผลไม่ใช่เพราะสหรัฐต้องการจะสร้างความขัดแย้ง แต่เพื่อลดความขัดแย้ง
นอกจากนี้ ไบเดน ยังได้กล่าวถึง 2 แผนงานของอเมริกาที่ทางรัฐบาลพร้อมลงทุนกว่า 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งได้แก่ American Jobs Plan และ American Families Plan โดยจะลงทุนเพิ่มในระบบสาธารณูปโภค เช่น ด้านดิจิทัล ด้านสุขภาพ และด้านการศึกษา
เหตุผลหลัก ๆ ของ 2 แผนงานนี้คือ การเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับสหรัฐอเมริกา เพื่อให้สามารถต่อสู้กับประเทศอื่น ๆ ในเรื่องของการค้าที่ไม่เป็นธรรม ทั้งการเอาเปรียบด้านแรงงาน การขโมยทรัพย์สินทางปัญญา รวมไปถึงเทคโนโลยี
ในแผนการแข่งขันกับมหาอำนาจอย่างจีนในครั้งนี้ของสหรัฐอเมริกา ก็ได้มีการร่วมมือกับพันธมิตรอื่น ๆ อย่างเช่น ญี่ปุ่น ที่ล่าสุดทาง โยชิฮิเดะ ซูงะ นายกรัฐมนตรีของญีปุ่น ก็ได้เข้าพบกับ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน โดยได้พูดคุยตกลงร่วมมือกันระหว่าง 2 ชาติ เพื่อเข้าแข่งขันกับจีน เพื่อเปิดน่านน้ำในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก และเพื่อช่วยสร้างความสงบ และความมั่นคงให้กับช่องแคบไต้หวัน รวมทั้งฮ่องกง ซินเจียงอุยกูร์ และทิเบต ที่เป็นเขตปกครองตนเอง โดยทางจีนเองก็ได้ออกมาเตือนทั้ง 2 ผู้นำให้หลีกเลี่ยงจากการปฏิบัตินี้
อย่างไรก็ตาม ในสมัยของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ก็ได้ดำเนินการบางนโยบายของอดีประธานาธิบดีทรัมป์เอาไว้ อย่างเช่น นโยบายแยกเทคโนโลยีออกจากจีน (Technology decoupling) โดยได้เพิ่มความเข้มงวดกับบริษัทจากจีน และผลักดันการลงทุนในบริษัทเทคฯ ของอเมริกาเอง
และอีกประเด็นที่ Joe Biden พูดถึงคือ อเมริกากำลังประสบความสำเร็จในเรื่องของการแจกจ่ายวัคซีนให้กับประชาชนในประเทศ และพร้อมจะส่งต่อวัคซีนให้กับประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก ในขณะที่จีนก็กำลังพยายามเจรจากับประเทศต่าง ๆ เพื่อกระจายวัคซีนเช่นกัน
อ้างอิง: Nikkei Asia
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด