ธนาคารกรุงไทย โชว์กำไรไตรมาส1 ปี 2564 อยู่ 5,578 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 61.6% จากไตรมาสก่อนหน้า | Techsauce

ธนาคารกรุงไทย โชว์กำไรไตรมาส1 ปี 2564 อยู่ 5,578 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 61.6% จากไตรมาสก่อนหน้า

ธนาคารกรุงไทยเผยกำไรไตรมาส1/2564 อยู่ที่ 15,984 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 9.2 เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2563 หลังรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย ทั้งในส่วนของรายได้ค่าธรรมเนียมและรายได้จากการดำเนินงานอื่นปรับตัวเพิ่มขึ้น  ขณะที่เทียบกับไตรมาสที่ 1/2563 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรจากการดำเนินงาน ลดลงร้อยละ 8.6 โดยเป็นผลจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่ลดลง

คุณผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจไทยเผชิญความท้าทายจากการระบาดของ COVID-19 อย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2563 จนถึงต้นปี 2564 และสถานการณ์การฟื้นตัวของภาคส่วนต่างๆยังคงไม่เท่าเทียมกัน ธนาคารและบริษัทย่อยยังคงเติบโตเงินให้สินเชื่อจากสิ้นปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ธนาคารและบริษัทย่อยใช้หลักความระมัดระวังอย่างต่อเนื่องในการพิจารณาสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected credit loss) โดยในปี 2563 ธนาคารและบริษัทย่อยได้มีการตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในระดับที่สูงกว่าที่ประเมิน เพื่อรองรับความไม่แน่นอนของสภาวะเศรษฐกิจที่สะดุดลงจากผลกระทบของสถานการณ์การระบาดของ COVID-19  และในไตรมาส 1/2564 ธนาคารและบริษัทย่อยยังคงรักษาการตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ส่งผลให้อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) อยู่ในระดับที่สูง

ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2564 เทียบกับไตรมาส 4/2563

ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรจากการดำเนินงาน ประจำไตรมาส 1/2564 เท่ากับ 15,984 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 9.2 เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2563 จากรายได้รวมจากการดำเนินงานที่ขยายตัวร้อยละ 0.4 โดยมีสาเหตุหลักจากการขยายตัวของรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย ทั้งในส่วนของรายได้ค่าธรรมเนียมและรายได้จากการดำเนินงานอื่น ในขณะที่รายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลงร้อยละ 1.7 แม้เงินให้สินเชื่อเติบโตดีที่ร้อยละ 1.1 จากสิ้นปีที่ผ่านมา ทั้งนี้เป็นผลจากอัตราผลตอบแทนสุทธิต่อสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ (NIM) ลดลงเป็นร้อยละ 2.50 จากร้อยละ 2.59 ในด้านของค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่นๆลดลงร้อยละ 9.0 จากค่าใช้จ่ายทางการตลาด ส่งผลให้ Cost to Income ratio เท่ากับร้อยละ 44.25 ลดลงจากไตรมาส 4/2563 ที่ร้อยละ 48.78

จากผลประกอบการดังกล่าว ส่งผลให้กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคาร เท่ากับ  5,578 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 61.6 จากไตรมาสที่ผ่านมา โดยธนาคารและบริษัทย่อยตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในจำนวน 8,058 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 12.9 จากไตรมาส 4/2563  เนื่องจากได้ตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected credit loss) ในระดับที่สูงในไตรมาส 4/2563 ทั้งนี้ธนาคารและบริษัทย่อยยังคงรักษาระดับ Coverage Ratio ในระดับที่สูงเท่ากับร้อยละ 153.9 ณ วันที่ 31 มีนาคม 2564 เทียบกับร้อยละ 147.3 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 โดยอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพก่อนหักค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อสินเชื่อรวม (NPLs Ratio-Gross) ร้อยละ 3.66 ลดลงเทียบกับ ณ 31 ธันวาคม 2563 ที่เท่ากับร้อยละ 3.81

ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2564 เทียบกับไตรมาส 1/2563

เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1/2563 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรจากการดำเนินงาน ลดลงร้อยละ 8.6 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นผลจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่ลดลงร้อยละ 13.0 ตามแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ปรับลดลงอย่างต่อเนื่องในปีที่ผ่านมา ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนสุทธิต่อสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ (NIM) ลดลงเป็นร้อยละ 2.50 จากร้อยละ 3.14  ในไตรมาส 1/2563 ทั้งนี้ รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยขยายตัวดีทั้งรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิ ซึ่งขยายตัวจากค่าธรรมเนียมการจัดการ และค่าธรรมเนียมการรับรอง อาวัลและค้ำประกัน และรายได้จากการดำเนินงานอื่น ประกอบกับค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานที่ลดลงร้อยละ 5.8 โดยมี Cost to Income ratio เท่ากับร้อยละ 44.25 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากร้อยละ 43.49 ในไตรมาส 1/2563

ธนาคารและบริษัทย่อยตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจำนวน 8,058 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 5.5 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากได้ตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected credit loss) ในระดับที่สูงในไตรมาส 1/2563 ส่งผลให้กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคาร ลดลงร้อยละ 13.7 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

ธนาคาร (งบเฉพาะธนาคาร) มีเงินกองทุนชั้นที่ 1 เท่ากับ 312,059 ล้านบาท (ร้อยละ 15.88 ของสินทรัพย์ถ่วงน้ำหนักตามความเสี่ยง) โดยมีเงินกองทุนทั้งสิ้นเท่ากับ 377,966 ล้านบาท (ร้อยละ 19.23 ของสินทรัพย์ถ่วงน้ำหนักตามความเสี่ยง) โดยธนาคารได้ออกตราสารหนี้ด้อยสิทธิ ที่สามารถนับเป็น เงินกองทุนชั้นที่ 1 ต่อผู้ลงทุนในต่างประเทศ จำนวน 600 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งช่วยเพิ่มอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ต่อสินทรัพย์เสี่ยง ให้แข็งแกร่งมากขึ้น อันจะช่วยเพิ่มโอกาสในการลงทุนและรองรับการเติบโตในอนาคต

นอกจากนี้ ธนาคารได้เข้าทำสัญญากับบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โดยธนาคาร ตกลงที่จะขายหุ้นของบริษัท กรุงไทยธุรกิจลีสซิ่ง จำกัด คิดเป็นร้อยละ 75.05 การซื้อขายหุ้นดังกล่าวจะอยู่ภายใต้เงื่อนไขบังคับก่อน ทั้งนี้ การเข้าทำรายการดังกล่าวจะช่วยเพิ่มศักยภาพของธนาคารและบริษัทย่อย ในการให้บริการผลิตภัณฑ์เช่าซื้อสำหรับลูกค้ารายย่อยอย่างครบวงจร










ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

3 การเปลี่ยนแปลงสำคัญในวงการ AI จากมุมมอง Andrew Ng ต่อ DeepSeek-R1

DeepSeek-R1 โมเดล AI ใหม่จากจีน กำลังได้รับความสนใจอย่างมากในแวดวงเทคโนโลยี หลังเปิดตัวในรูปแบบ Open Weight ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนนำไปพัฒนาต่อได้ พร้อมประสิทธิภาพที่เทียบเคียงกับ Ope...

Responsive image

OR แต่งตั้ง 'หม่อมหลวงปีกทอง' เป็น CEO คนใหม่ เดินหน้าปั้นไทยสู่ศูนย์กลางธุรกิจน้ำมันในภูมิภาค

บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ประกาศแต่งตั้ง หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) คนใหม่ พร้อมเปิดวิสัยทัศน์ขับเคลื่อนองค์กรผ่าน...

Responsive image

ธปท. ออก 3 มาตรการใหม่ กวาดล้างบัญชีม้า ปิดช่องโหว่ภัยมิจฉาชีพ

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เดินหน้ายกระดับมาตรการป้องกันภัยทุจริตทางการเงิน โดยเฉพาะการจัดการบัญชีม้า เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันการฉ้อโกงทางการเงิน...