ส่องกลยุทธ์ LINE for Business เดินหน้าสู่โลกยุคใหม่ พัฒนาโซลูชั่นสำหรับธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับ NFT | Techsauce

ส่องกลยุทธ์ LINE for Business เดินหน้าสู่โลกยุคใหม่ พัฒนาโซลูชั่นสำหรับธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับ NFT

LINE ประเทศไทย เร่งเครื่องเดินหน้าปี 2022 มุ่งยกระดับศักยภาพผู้ประกอบการไทยให้ทัดเทียมธุรกิจระดับโลก ผลักดันการใช้งานฐานข้อมูลเพื่อวิเคราะห์ศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภค ตลอดจนการออกแบบแบรนด์สินค้า ด้วยเครื่องมือธุรกิจที่สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อตอบโจทย์ผู้ประกอบการไทยโดยเฉพาะ 

ส่องกลยุทธ์ LINE for Business เดินหน้าสู่โลกยุคใหม่ พัฒนาโซลูชั่นสำหรับธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับ NFT

พร้อมเผยแผนธุรกิจในอนาคตปี 2023 เตรียมผลักดันธุรกิจไทยให้ก้าวกระโดดนำหน้าในโลกยุคใหม่ ผ่านการพัฒนาโซลูชั่นสำหรับธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับ NFT ทั้งในด้านการจัดหา creator ให้กับแบรนด์ และเป็น ศูนย์กลางองค์ความรู้ในการใช้งาน NFT เพื่อธุรกิจ

คุณนรสิทธิ์ สิทธิเวชวิจิตร รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ LINE ประเทศไทย กล่าวว่า ปี 2564 ต่อเนื่องมาถึงปี 2565 เป็นปีที่ท้าทาย ทำให้เกิดการปรับตัวอย่างมากทั้งเรื่องของไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตและวิธีในการดำเนินธุรกิจ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดในช่วงแรกเป็นเพียงการปรับตัวเพื่อแก้ปัญหาการดำเนินชีวิตแบบเฉพาะหน้า แต่ปัจจุบัน หลายอย่างได้กลายเป็นพฤติกรรมกระแสหลักไปแล้ว อาทิ การทำงานจากบ้าน (Work From Home) การใช้บริการส่งของหรือส่งอาหาร (Delivery) 

และยังรวมไปถึงพฤติกรรมใหม่ที่น่าจับตามองในระบบเศรษฐกิจในโลกใหม่ อย่างเช่น การหารายได้ในรูปแบบสกุลเงินดิจิทัล (Play to Earn) นอกจากนั้น ยังมีการเปลี่ยนแปลงที่คาดการณ์ไม่ได้และกำลังเกิดขึ้นอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การกลับมาระบาดของโควิด 19 ราคาพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น และแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อทั่วโลก 

สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้นของธุรกิจ LINE ในฐานะแพลตฟอร์มดิจิทัลชั้นนำของไทยทั้งในภาคการดำเนินชีวิตและธุรกิจ จึงพร้อมที่จะมีส่วนร่วมในการส่งเสริมให้คนไทยรู้จักปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ด้วยเครื่องมือที่ครบวงจรและหลากหลาย ช่วยให้ผู้ประกอบการไทยก้าวผ่านสู่โลกธุรกิจยุคใหม่ที่ใช้ดิจิทัลขับเคลื่อน และเตรียมตัวได้ทันสำหรับเทคโนโลยีใหม่ที่จะเกิดขั้นในอนาคต

เปิดผลงาน LINE ขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลไทย    

ในปี 2564 ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีการเติบโตในเศรษฐกิจดิจิทัลเป็นอย่างมาก ดัชนีชี้วัดของการใช้งานบริการดิจิทัลผ่าน LINE API ที่เติบโตขึ้นถึง 47% จาก 4.6 หมื่นล้านการดำเนินการในปี 2563 สู่ 6.9 หมื่นล้านการดำเนินการในปี 2564 สะท้อนให้เห็นถึงภาคธุรกิจที่ปรับตัวเข้าสู่ดิจิทัลโดยมี LINE เป็นแพลตฟอร์มสำคัญในการขับเคลื่อน 

โดยธุรกิจกลุ่มสถาบันการเงินยังคงเป็นผู้นำในการใช้งาน LINE API ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้อย่างครบครันมากที่สุด ตามมาด้วยกลุ่มธุรกิจรีเทล ส่วนกลุ่มธุรกิจสินค้าหรู Luxury ถือเป็นธุรกิจกลุ่มใหม่ที่มีการบริโภคภายในประเทศสูงขึ้นเป็นอย่างมาก 

จากการบ่งชี้ของมูลค่าเงินลงทุนที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดบน LINE for Business ถึง 200% ในช่วงปี 2562-2564 และเมื่อพฤติกรรมผู้บริโภคในการซื้อของออนไลน์กลายเป็นพฤติกรรมกระแสหลัก กลุ่มธุรกิจสินค้า Luxury จึงสามารถจับกระแสและสร้างการเติบโตต่อเนื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

และที่น่าสนใจ คือ กลุ่มภาครัฐและบริการสาธารณะ กลายเป็นกลุ่มที่เติบโตทางด้านดิจิทัลมากที่สุดในปี 2564 ด้วยยอดการทำรายการดิจิทัลผ่าน LINE API เติบโตถึง 482 % เมื่อเทียบกับปี 2563 ตามมาด้วยกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ท่องเที่ยว และค้าปลีก ที่ล้วนมียอดการเติบโตของการใช้งานผ่าน LINE API มากกว่า 100% ทั้งหมดนี้เป็นเครื่องพิสูจน์อย่างชัดเจนว่า LINE มีส่วนช่วยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลไทย และการเข้าถึงการบริการดิจิทัลของคนไทยทั้งประเทศ ในปีที่ผ่านมา

ส่องกลยุทธ์ LINE for Business เดินหน้าสู่โลกยุคใหม่ พัฒนาโซลูชั่นสำหรับธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับ NFT

ในปี 65 มีเป้าหมายในการเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับกลุ่มธุรกิจไทย

สำหรับในปี 2565 นี้ LINE ยังคงมุ่งเป็นแพลตฟอร์มหลักสำหรับธุรกิจในการปรับตัวสู่ดิจิทัล (Digitalization) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีเป้าหมายในการเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับกลุ่มธุรกิจไทย พร้อมเดินหน้าพัฒนาแพลตฟอร์ม และสนับสนุนการเพิ่มขีดความสามารถให้กับธุรกิจทั้งเล็กและใหญ่ เพื่อให้ธุรกิจไทยมีความสามารถในการแข่งขันเทียบเท่ากับแบรนด์ในระดับสากล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาวะแวดล้อมทางธุรกิจทุกวันนี้ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว 

ซึ่งกุญแจสำคัญในการเพิ่มศักยภาพให้ผู้ประกอบการไทยปรับตัวสู่ดิจิทัลได้คือ ความรู้ ความเข้าใจในเรื่องของข้อมูลหรือดาต้า ที่จะเข้ามามีบทบาทอย่างมากในการพัฒนาธุรกิจให้เติบโต

ทั้งนี้ สิ่งที่ยังเป็นข้อจำกัดหรือความท้าทายของผู้ประกอบการไทย นอกจากในเรื่องของความรู้ ความเข้าใจในการใช้งานข้อมูลที่ได้มาแล้ว กฎกติกา นโยบายในเรื่องการเก็บข้อมูลจากผู้บริโภคขององค์กรธุรกิจทั่วโลกก็กำลังจะเปลี่ยนแปลงไป โดยทุกองค์กรจะต้องเข้มงวด เคร่งครัด และให้ความสำคัญกับการขออนุญาตยินยอมในการเปิดเผยข้อมูลของผู้บริโภคมากขึ้น การได้มาซึ่งข้อมูลจากผู้บริโภคอาจทำได้ยากขึ้นเพราะมีกฏระเบียบเพิ่มขึ้นมากมาย 

พัฒนา Business Manager โซลูชั่นบริหารจัดการข้อมูลอย่างง่าย เพื่อตอบโจทย์ธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก

LINE ตระหนักถึงความสำคัญในส่วนนี้มาโดยตลอด จึงได้พัฒนาโซลูชั่นบริหารจัดการข้อมูล (Data Solutions) ที่เหมาะสมกับกฎระเบียบที่เพิ่มมากขึ้น ง่ายต่อการใช้งาน และมีประสิทธิภาพสูง เพื่อที่จะสามารถผลักดันให้ธุรกิจไทยเข้าใจและพัฒนาในเรื่องการบริหารจัดการข้อมูลไปอีกขั้น ให้ทัดเทียบมาตรฐานระดับสากล 

โดยที่ผ่านมา LINE มีโซลูชั่นจัดการข้อมูลให้กับแบรนด์ธุรกิจขนาดใหญ่ภายใต้ชื่อ MyCustomer ซึ่งเป็นโซลูชั่นในการบริหารจัดการข้อมูลที่ทำให้แบรนด์สามารถเก็บข้อมูลโดยได้รับการอนุญาตจากลูกค้าโดยตรง (1st party data consent) ทั้งจากภายในแพลตฟอร์ม LINE หรือนำข้อมูลภายในของแบรนด์ หรือที่ได้จากช่องทางอื่นมารวมไว้ในที่เดียวกัน เพื่อเป็นประโยชน์ในการเข้าถึงและวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ และนำไปใช้งานได้ทั้งในและนอกแพลตฟอร์ม LINE 

สำหรับในปีนี้ LINE ได้พัฒนาโซลูชั่นใหม่ล่าสุดภายใต้ชื่อ Business Manager โซลูชั่นบริหารจัดการข้อมูลอย่างง่าย เพื่อตอบโจทย์ธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กที่ไม่ได้ต้องการการบริหารงานข้อมูลที่ซับซ้อน โดยจะเน้นไปที่การบริหารจัดการข้อมูลที่เกิดขึ้นโดยตรงบนแพลตฟอร์ม LINE ระหว่าง LINE Official Account และ LINE Ads Platform เพื่อให้แบรนด์สามารถนำมาวิเคราะห์ 

นำเสนอสินค้าบริการที่โดนใจลูกค้า นำไปสู่ความมีประสิทธิภาพและต้นทุนที่ต่ำลงในการปิดการขาย ผลักดันให้ทั้ง 2 โซลูชั่น เป็นตัวช่วยสำคัญทำให้กลุ่มธุรกิจในไทยทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ เข้าถึงและใช้งานดาต้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และนโยบายความเป็นส่วนตัว ที่กำลังส่งผลต่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในเชิงการตลาดต่อองค์กรธุรกิจทั่วโลก 

ส่องกลยุทธ์ LINE for Business เดินหน้าสู่โลกยุคใหม่ พัฒนาโซลูชั่นสำหรับธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับ NFT

ส่งเสริมการพัฒนาเพิ่มมูลค่าแบรนด์

ทั้งนี้ในสภาวะทางธุรกิจที่มีการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น นอกจากการดำเนินงานที่ต้นทุนต่ำและมีประสิทธิภาพกว่าเดิมแล้ว การเพิ่มมูลค่าของตัวแบรนด์ให้กับลูกค้าทั้งในรูปแบบสินค้า บริการ หรือประสบการณ์ถือเป็นเรื่องที่ธุรกิจต้องให้ความสำคัญมาก เนื่องจากในตลาดที่มีการแข่งขันสูง 

แบรนด์ต้องสร้างการจดจำและสร้างความน่าเชื่อถือควบคู่กันไป นอกจาก บัญชีรับรอง (Verified Account) ที่ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์แล้ว ในปีนี้ LINE พร้อมต่อยอดการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับภาคธุรกิจไทยด้วยโปรแกรม BLUE BADGE ในการให้ความรู้ จัดอันดับ และให้รางวัลแก่แบรนด์ที่ส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ทั้งในแง่ของสินค้า บริการ และทั้งในด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ การออกแบบร้านค้า การออกแบบการบริการ การออกแบบประสบการณ์ที่สวยงาม ใช้งานง่าย ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี 

ซึ่งไม่เพียงให้ประโยชน์กับผู้ขายในแง่ภาพลักษณ์ และความน่าเชื่อถือ ที่จะกลายเป็นมูลค่าเพิ่มให้กับแบรนด์ในยุคดิจิทัลได้เท่านั้น แต่ยังให้ประโยชน์กับผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ในการเลือกซื้อสินค้าจากร้านค้าที่ไว้ใจได้ ได้รับการคัดสรรมาแล้วว่ามีมาตราฐานเทียบเคียงระดับสากลอีกด้วย 

พัฒนาโซลูชั่นสำหรับธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับ NFT

นอกจากนั้น ในปี 2022-2023 LINE จะเตรียมความพร้อมเพื่อเดินหน้าเข้าสู่ธุรกิจโลกใหม่ ผ่านการพัฒนาโซลูชั่นสำหรับธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับ NFT ( Non-fungible Token) โดย LINE ตั้งเป้าที่จะเป็นแพลตฟอร์มที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานให้กับองค์กรธุรกิจไทยที่จะเดินหน้าสู่การทำการตลาดด้วยสินทรัพย์ดิจิทัล ทั้งในด้านการจัดหา creator ให้กับแบรนด์ และเป็น ศูนย์กลางองค์ความรู้ในการใช้งาน NFT เพื่อธุรกิจ ( NFT for Business ) ด้วยการร่วมมือกับ LINE Consumer Business ที่เพิ่งประกาศทิศทางในการดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรม NFT อย่างเต็มรูปแบบ

“นับตั้งแต่ Covid แพร่ระบาด โลกมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นทุกวัน ทุกเวลาในรูปแบบที่เราคาดการณ์ไม่ได้อีกต่อไป ในช่วงเวลาที่ยากลำบากในการเผชิญความเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงเช่นนี้บุคคล ประเทศ หรือธุรกิจที่พร้อมปรับตัวให้มีความสามารถแข่งขันได้ ย่อมมีแนวโน้มที่จะอยู่รอดได้มากกว่า LINE ในฐานะแพลตฟอร์มใหญ่ที่มุ่งพัฒนาเครื่องมือและโซลูชั่นในการทำธุรกิจสำหรับคนไทย เราขอยืนยันว่าจะเป็นแรงผลักดัน เคียงข้างธุรกิจไทยและคนไทยในการแก้ไขปัญหา เพิ่มประสิทธิภาพ ยกระดับศักยภาพการแข่งขัน เพื่อเป้าหมายที่ไม่เพียงให้เศรษฐกิจไทยอยู่รอดเท่านั้น แต่สามารถพัฒนาเป็น ศูนย์กลางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคที่สำคัญในเศรษฐกิจโลกยุคใหม่ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้” คุณนรสิทธิ์ กล่าวสรุป

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ททท. x TikTok หนุนครีเอเตอร์ ร่วมฝึกคน ททท. เล่าเรื่องเมืองไทย เพิ่มรายได้เข้าท้องถิ่น

เจาะความร่วมมือระหว่าง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และ TikTok ในด้านวิธีส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่านแพลตฟอร์ม TikTok ทั้งการดึงครีเอเตอร์ทั้งไทยและเทศ มามีส่วนร่วมมากขึ้น, การพั...

Responsive image

True IDC จับมือ Siam AI Cloud ยกระดับ AI Ecosystem ไทยสู่ระดับโลก

ทรู ไอดีซี และ สยามเอไอคลาวด์ ร่วมมือพัฒนาระบบนิเวศ AI ของไทย ครอบคลุมดาต้าเซ็นเตอร์ AI โมเดล และบริการ AI-as-a-Service มุ่งสู่การเป็นศูนย์กลาง AI ของภูมิภาคอย่างยั่งยืน...

Responsive image

OpenAI ปล่อย ChatGPT o1 ตัวเต็ม เจาะกลุ่ม STEM ใช้ได้บน ChatGPT Pro ราคาราว 6,800 บาท

OpenAI ฉลองเทศกาลคริสต์มาส 2024 ด้วยแคมเปญพิเศษ "12 Days of OpenAI" เปิดตัวโมเดล o1 และ ChatGPT Pro พร้อมอัปเดตความสามารถใหม่ รองรับการใช้งาน AI ขั้นสูงสุดในอุตสาหกรรมต่าง ๆ...