จบลงอย่างน่าประทับใจสำหรับ Energy Forward 2025: Empowering Greener Enterprises งานสัมมนาแห่งปีที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2568 ณ การไฟฟ้านครหลวง คลองเตย โดย MEAei (บริษัท เอ็มอีเอ สมาร์ทเอนเนอร์ยี่โซลูชั่นส์ จำกัด) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของการไฟฟ้านครหลวง ร่วมกับพันธมิตรอย่าง Techsauce

งานนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นครั้งสำคัญในการรวมตัวของผู้บริหารและผู้มีอำนาจตัดสินใจ (Decision Makers) กว่า 150 ท่าน จากหลากหลายอุตสาหกรรม เพื่อร่วมกันอัปเดตเทรนด์ จุดประกายแรงบันดาลใจ และสร้างเครือข่ายในการขับเคลื่อนองค์กรสู่การเป็น "Greener Enterprises"
งานเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ โดยได้รับเกียรติจาก คุณภัทรา สุวรรณเดช รองผู้ว่าการธุรกิจ การไฟฟ้านครหลวง และ รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ บรัษัท MEA Smart Energy Solutions จำกัด กล่าวต้อนรับและเปิดงาน โดยย้ำถึงจุดมุ่งหมายของ MEAei ในการผลักดันทุกภาคส่วนให้เห็นถึงความสำคัญของพลังงานสะอาดและการอยู่อย่างยั่งยืน คุณคุณภัทรา กล่าวว่า "เรื่องของการใส่ใจสิ่งแวดล้อมไม่ใช่แค่แนวโน้ม แต่เป็นเรื่องที่เราจำเป็นที่จะต้องร่วมมือผลักดันเพื่อประเทศเพื่อโลกของเรา" ซึ่งเป็นการปูทางเข้าสู่เนื้อหาเข้มข้นของงานในลำดับถัดไป
ภาพรวมของงานในวันนี้ได้ตอกย้ำอย่างชัดเจนว่า การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดและความยั่งยืน (Sustainability) ไม่ใช่แค่ "ทางเลือก" หรือ "กระแส" อีกต่อไป แต่เป็น "ความจำเป็นเร่งด่วน" ที่ทุกธุรกิจต้องปรับตัว
หนึ่งในหัวใจสำคัญของงานที่ถูกย้ำตลอดทั้งวันคือการปรับเปลี่ยนมุมมอง (Mindset) ที่มีต่อความยั่งยืน โดยเฉพาะกลยุทธ์ ESG (Environment, Social, Governance)

ดร.ไพรินทร์ ชูโชติถาวร นายกสภา สถาบันวิทยสิริเมธี (VISTEC) ได้ฉายภาพให้เห็นว่า ธุรกิจในอดีตอาจมุ่งเน้นเพียงกำไรสูงสุด แต่ในยุคที่สังคมพัฒนาและมีความซับซ้อนขึ้น (ตามทฤษฎี Maslow’s Hierarchy) ความต้องการของผู้บริโภคได้ยกระดับจากการอยู่รอดขั้นพื้นฐานไปสู่การตระหนักรู้และความต้องการคุณค่าที่สูงขึ้น ซึ่ง ESG คือ "How" (วิธีการ) ที่จะตอบโจทย์ "Why" (เหตุผล) ของการทำธุรกิจที่ยั่งยืน
สอดคล้องกับ ดร.วีรณัฐ โรจนประภา ผู้อำนวยการบริษัท TLMS จำกัด และ ที่ปรึกษากลยุทธ์ธุรกิจในโครงการ Jump+ ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่ชี้ให้เห็นว่า ESG คือกลยุทธ์เพื่อ "การขายดี" (Profit) ไม่ใช่แค่ "การทำดี" (CSR) โดยเปรียบเทียบว่าการใช้พลังงานสกปรกเปรียบเหมือน "อาหารเป็นพิษ" ที่ทำให้ค่า Carbon Footprint ขององค์กรสูง เหมือนค่ามะเร็งในร่างกาย ซึ่งหมายถึงธุรกิจกำลังจะตาย
และปิดท้ายด้วยมุมมองที่เฉียบคมจาก คุณภัทรา สุวรรณเดช (MEAei) ในช่วงปิดงานว่า "สิ่งที่เรามักมองว่าเป็น 'ต้นทุน' (Cost) แท้จริงแล้วมันคือ 'โอกาส' (Opportunity) ของการเติบโตในวันข้างหน้า"
เมื่อเข้าใจถึง "Why" แล้ว งานในวันนี้ก็ได้ชี้เป้าไปที่ "What" หรือเทคโนโลยีแห่งอนาคตที่จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการเปลี่ยนผ่าน

ดร.วีรณัฐ ได้ใช้ข้อมูลจากงาน World Expo ที่โอซาก้า เป็นตัวชี้วัดเทรนด์พลังงานโลกว่า โลกกำลังก้าวข้ามโซลาร์เซลล์ (Yellow Ocean) ไปสู่ "Green Hydrogen" ที่เปรียบเหมือน "Turquoise Ocean" (น่านน้ำสีเทอร์ควอยซ์) และเทรนด์ถัดไปในอีก 5-10 ปีข้างหน้า คือ พลังงานนิวเคลียร์ฟิวชัน (Fusion Nuclear Energy)

ในขณะที่ ดร.ทัดพงศ์ พงศ์ถาวรกมล กรรมการผู้จัดการ กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) ได้เปิดโลกของ AI ในเซสชั่น "AI for Sustainable Energy" โดยชี้ว่า AI กำลังพัฒนาจากยุค Generative AI (ผู้ช่วย) ไปสู่ยุค AI Agents (เพื่อนร่วมงาน) ที่ไม่ใช่แค่ "ถาม-ตอบ" แต่สามารถ "ทำงานแทน" ได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่ง KBTG ได้เริ่มนำ AI Agents มาใช้เขียนโค้ด ลดเวลาทำงานจากครึ่งวันเหลือเพียง 10 นาที ในภาคพลังงาน AI Agents จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการทำ Optimization, การบริหารจัดการกริด (Grid Management) และการซื้อขายพลังงาน (Energy Trading)
ไฮไลต์สำคัญของงานคือเวทีเสวนา "จับมือเปลี่ยนเกมสู่อนาคตพลังงานไทย" ซึ่งสะท้อนเสียงจากผู้เล่นหลักในอุตสาหกรรมว่า "ไม่มีใครสามารถทำเรื่องนี้ให้สำเร็จได้เพียงลำพัง"

คุณกลอยตา ณ ถลาง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ งานบริหารความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ชี้ให้เห็นถึงความท้าทายของภาคพลังงานที่ต้องสร้างสมดุลระหว่าง "ความคาดหวังของผู้ถือหุ้น" (กำไรระยะสั้น) กับ "การลงทุนในอนาคต" (เช่น การลงทุนในน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน หรือ SAF จากน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้ว) ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยนโยบายภาครัฐที่ชัดเจนและการเปลี่ยนผ่านที่เป็นธรรม (Just Transition)
คุณปรนนท์ ฐิตะวรรโณ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และ ประธานสถาบันดิจิทัลเพื่ออุตสาหกรรม ย้ำว่าพลังงานคือปัจจัยสำคัญของ 47 กลุ่มอุตสาหกรรม โดยเฉพาะการลงทุนมหาศาลจากต่างชาติในธุรกิจ Data Center และ Cloud Service ที่ "มีความต้องการชัดเจนว่าต้องใช้พลังงานสะอาด" ภาครัฐจึงจำเป็นต้องมีความชัดเจนด้านนโยบาย (เช่น แผน PDP) และเร่งเตรียมโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับ มิฉะนั้นไทยจะสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน
และ คุณอรนุช เลิศสุวรรณกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เทคซอส มีเดีย จำกัด ได้ขยายภาพให้กว้างขึ้นว่า ภาคส่วนที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงไม่ได้มีแค่พลังงาน แต่รวมถึงการผลิต (ปูน, เหล็ก) และที่น่าตกใจคือ ภาคเกษตรกรรม (ปล่อยมีเทนสูงถึง 22%) คุณอรนุชเรียกร้องให้มีผู้ประกอบการและ "ฮีโร่" ด้าน ClimateTech เข้ามาแก้ปัญหาเหล่านี้ให้มากขึ้น
Energy Forward 2025 ได้ปิดฉากลงพร้อมกับการสร้าง "เครือข่าย" ที่แข็งแกร่ง เพื่อผลักดันสังคมไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ MEAei ในฐานะผู้จัดงานและผู้นำด้านโซลูชันพลังงานอัจฉริยะ ขอขอบคุณวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิทุกท่าน พันธมิตร และผู้เข้าร่วมงานทุกคน ที่มาร่วมกันจุดประกายและตอกย้ำว่า การเดินทางสู่ความยั่งยืนคือภารกิจร่วมกันของพวกเราทุกคน
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด