บริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ NRF ผู้ผลิตอาหารชั้นนำระดับโลกที่ผลิตอย่างยั่งยืนโดยเน้นที่ในกลุ่ม Ethnic food, Plant bases,และ Functional foods ได้เข้าซื้อ บริษัท โกลเด้น ไตรแองเกิล เฮลท์ จำกัด หรือ GTH เพื่อลุยธุรกิจกัญชงครลวงจร โดยการลงทุนครั้้งนี้ NRF ตั้งเป้าเป็นผู้นำทางการตลาดกัญชงในประเทศไทย
บริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ NRF เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่3/2564 เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2564 มีมติอนุมัติโครงการการลงทุนในบริษัท โกลเด้น ไตรแองเกิล เฮลท์ จำกัด (“GTH”)
โดยบริษัท มีความประสงค์จะซื้อหุ้นสามัญของ GTH จากผู้ถือหุ้นเดิม จำนวน14,400,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้นรวมร้อยละ 100.0 ของจำนวนหุ้นจดทะเบียนทั้งหมดในมูลค่าประมาณ 128.4 ล้านบาท (หนึ่งร้อยยี่สิบแปดล้านสี่แสนบาทถ้วน) โดยจะชำระราคาโดยการออกหุ้นสามัญของบริษัท จำนวน 15,600,000 หุ้น (Share swap) ในราคาหุ้นละ 8.23 บาทโดยคำนวณจากราคาตลาดเฉลี่ยย้อนหลัง 15 วันก่อนวันที่มีมติคณะกรรมการ ทั้งนี้ การเพิ่มทุนดังกล่าวต้องได้รับมติจากผู้ถือหุ้น ไม่ต่ำกว่า 3 ใน 4 ของผู้สิทธิ์และมาออกเสียง ซึ่งจะจัดขึ้นในวันประชุมสามัญผู้ถือหุ้นปี 2564 วันที่ 22 เมษายน 2564
ขณะที่ มูลค่าการซื้อขายได้กำหนดขึ้นจากการเจรจาต่อรองระหว่างบริษัทและผู้จะขาย โดยอ้างอิงจากมูลค่าที่ประเมิณได้โดยวิธีต่างๆตามหลักสากล ได้แก่ วิธีคิดลดกระแสเงินสด (Discounted Cash Flow Approach) วิธีอัตราส่วนมูลค่าหุ้นต่อกำไรสุทธิ (P/E Ratio) และวิธีอัตราส่วนมูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น (P/BV Ratio) ซึ่งมีมูลค่าระหว่าง 65.8 ล้านบาทถึง 251.7 ล้านบาท โดยเป็นการประเมินเบื้องต้นของทางบริษัท อย่างไรก็ดี บริษัทมีความประสงค์จะจ้างที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (IFA) เพื่อให้ความเห็นต่อการลงทุนในโครงการดังกล่าวต่อไป
สำหรับ GTH ประกอบธุรกิจกัญชงครบวงจร อาทิ การนำเข้าเมล็ดกัญชงสายพันธ์ที่มีคุณภาพ พัฒนาการปลูกและสกัดกัญชง ตลอดจนการพัฒนาสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ผสมรสชาติกัญชงภายใต้แบรนด์ของ GTH เช่น Kinchakan, TOM, และช่อผกา อีกทั้งบริษัทยังร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจกับแบรนด์เครื่องสำอางชั้นนำ อาทิ Dentiste Smooth E เซียงเพียวอิ๊ว เพื่อต่อยอดและพัฒนาธุรกิจกัญชงในประเทศไทย
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการเข้าลงทุนในโครงการดังกล่าวจะช่วยให้บริษัทเป็นผู้นำทางการตลาดในอุตสาหกรรมกัญชงในประเทศไทย และจะทำให้มีความสามารถในการแข่งขันทั้งในภาคการส่งออกและอุปโภคบริโภคภายในประเทศอีกด้วย โดยหลังจากที่อุตสาหกรรมกัญชงถูกกฎหมาย บริษัทมองว่าอุตสาหกรรมดังกล่าวขะมีแนวโน้มที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งความรู้ ความเชี่ยวชาญของบริษัท GTH จะช่วย ให้บริษัทสามารถพัฒนาและนำผลิตภัณฑ์จากกัญชงมาใช้ในผลิตภัณฑ์ต่างๆของบริษัท ทั้งในEthnic, plant-based, และ functional food อีกทั้ง GTH มีผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์ของ GTH เองและพันธมิตรทางธุรกิจกับแบรนด์ชั้นน าในอุตสาหกรรมอุปโภคและบริโภคอื่นๆ ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น และจะช่วยส่งเสริมตลาดและขยายการจัดจ าหน่ายของกัญชงในประเทศไทย
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด