
ปัญหาคลาสสิกของพลังงานแสงอาทิตย์คือ ‘กลางคืนผลิตไฟไม่ได้’ แต่วันนี้ Overview Energy สตาร์ทอัพสาย Deep Tech จากสหรัฐฯ กำลังจะทำลายข้อจำกัดนั้น ด้วยการย้ายแหล่งกำเนิดพลังงานไปไว้ในอวกาศ และยิงกลับลงมายังโลกด้วยเลเซอร์
การแข่งขันเพื่อชิงความเป็นเจ้าแห่งพลังงานจากอวกาศ (Space-Based Solar Power - SBSP) กำลังร้อนแรงขึ้นอีกครั้ง ล่าสุด Overview Energy ประกาศความสำเร็จในการระดมทุน 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อผลักดันเทคโนโลยีการส่งพลังงานจากดาวเทียมในวงโคจรค้างฟ้า (Geosynchronous Orbit) ลงมายังแผงโซลาร์เซลล์บนพื้นโลกโดยตรง
แนวคิดหลักคือการแก้ปัญหาใหญ่ของอุตสาหกรรมโซลาร์ นั่นคือช่วงเวลา Idle Time หรือช่วงที่แผงโซลาร์เซลล์หยุดทำงานในเวลากลางคืน ซึ่งคิดเป็น 65-75% ของเวลาทั้งหมด
โซลูชันที่พวกเขาเสนอคือการส่งดาวเทียมขึ้นไปที่ความสูง 36,000 กิโลเมตรเหนือพื้นโลก ซึ่งเป็นจุดที่รับแสงอาทิตย์ได้ตลอดเวลา จากนั้นใช้ ‘เลเซอร์ย่านใกล้อินฟราเรด’ (Near-infrared lasers) ยิงพลังงานลงมายังแผงโซลาร์ฟาร์มที่มีอยู่เดิมบนโลก วิธีนี้จะทำให้โครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่แล้วสามารถผลิตไฟฟ้าได้ต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง เพิ่มเสถียรภาพให้กับ Grid ไฟฟ้า และลดความผันผวนของราคาพลังงาน
เพื่อให้มั่นใจว่านี่ไม่ใช่แค่ภาพฝันในนิยาย Sci-Fi เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2025 ที่ผ่านมา Overview Energy ได้ทำการทดสอบครั้งสำคัญด้วยการใช้เครื่องบิน Cessna Caravan บินที่ความสูง 3 ไมล์ (ประมาณ 5 กิโลเมตร) แล้วยิงเลเซอร์ส่งพลังงานลงมายังแผงโซลาร์เซลล์มาตรฐานบนพื้นดิน
ผลลัพธ์คือ ‘ผ่านฉลุย’ ทางบริษัทเคลมว่านี่คือการสาธิตการส่งพลังงานไร้สายกำลังสูงจากแพลตฟอร์มเคลื่อนที่ได้สำเร็จเป็นครั้งแรกของโลก โดยใช้อุปกรณ์ Optics Chain และเลเซอร์ชุดเดียวกับที่จะติดตั้งบนดาวเทียมจริง ซึ่งเป็นการ Validate เทคโนโลยีที่สำคัญก่อนจะขยับสเกลไปสู่อวกาศ
Overview Energy ไม่ใช่ผู้เล่นรายเดียวในสนามนี้ คู่แข่งอย่าง Aetherflux, Space Solar จากอังกฤษ และ Emrod จากนิวซีแลนด์ ต่างก็กำลังเร่งพัฒนาเทคโนโลยีของตนเอง โดยเฉพาะค่าย Emrod ที่เลือกใช้คลื่นไมโครเวฟในการส่งพลังงาน
อย่างไรก็ตาม จุดตายของระบบไมโครเวฟคือ ไม่สามารถใช้ร่วมกับแผงโซลาร์เดิมได้ ต้องสร้างสถานีรับสัญญาณภาคพื้นดิน (Rectenna) ใหม่ทั้งหมด และยังมีประเด็นเรื่องความปลอดภัยต่อสิ่งมีชีวิตและอากาศยานที่บินผ่าน เนื่องจากคลื่นไมโครเวฟมีพลังงานสูง
ในมุมนี้ เทคโนโลยีเลเซอร์ของ Overview Energy ดูจะได้เปรียบในเชิงเศรษฐศาสตร์มากกว่า เพราะสามารถ Plug-in เข้ากับ Ecosystem เดิมของโลกได้ทันที และมีความปลอดภัยสูงกว่า แต่อย่างไรก็ตาม ความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ (Levelized Cost of Energy - LCoE) เมื่อเทียบกับการขยายโซลาร์ฟาร์มธรรมดาคู่กับการใช้แบตเตอรี่ ยังคงเป็นโจทย์หินที่ Overview ต้องพิสูจน์ให้ได้
ก้าวต่อไปของ Overview Energy คือการส่งดาวเทียมทดสอบขึ้นสู่วงโคจรต่ำ (LEO) ในปี 2028 เพื่อทดสอบระบบในสภาวะอวกาศจริง ก่อนจะขยับไปสู่การให้บริการเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบจากวงโคจรค้างฟ้า (GEO) ในปี 2030
หากทำสำเร็จ นี่จะไม่ใช่แค่ชัยชนะของบริษัทสตาร์ทอัพรายหนึ่ง แต่จะเป็นการปฏิวัติรูปแบบพลังงานของมนุษยชาติ ที่ทำให้คำว่า ‘พลังงานสะอาด’ ไม่มีข้อจำกัดเรื่องเวลาอีกต่อไป
ที่มา: Newatlas
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด