ปี 62 ปตท. มีกำไรสุทธิ 92,951 ล้านบาท พร้อมส่งรายได้ให้รัฐรวมกว่า 70,259 ล้านบาท แม้ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว | Techsauce

ปี 62 ปตท. มีกำไรสุทธิ 92,951 ล้านบาท พร้อมส่งรายได้ให้รัฐรวมกว่า 70,259 ล้านบาท แม้ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว

บอร์ด ปตท. รับทราบผลการดำเนินงานปี 62 รายได้รวม 2.2 ล้านล้านบาท กำไรสุทธิ 92,951 ล้านบาท พร้อมส่งรายได้ให้รัฐรวมกว่า 70,259 ล้านบาท แม้ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว แบ่งเป็นจากการอนุมัติจ่ายปันผลจำนวน 2 บาทต่อหุ้น ส่งผลให้กระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ได้เงินปันผลจำนวน 29,198 ล้านบาท กองทุนวายุภักษ์จะได้รับเงินปันผล 6,947 ล้านบาทและในรูปแบบของภาษีเงินได้ 34,114 ล้านบาท ทั้งนี้เพื่อเป็นเงินงบประมาณของประเทศนำไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม ชุมชนให้แก่ประเทศ 

คุณชาญศิลป์  ตรีนุชกร  ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ปตท. เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2563 รับทราบผลการดำเนินงาน ปตท. และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายและให้บริการรวม 2.2 ล้านล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 92,951 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 4.2 ของรายได้   ปรับลดลงร้อยละ 22 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ตามสภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว

 เนื่องมาจากผลกระทบของสงครามทางการค้าโลก ทำให้ความต้องการของผู้บริโภคชะลอตัวและส่งผลให้ส่วนต่างราคาน้ำมันสำเร็จรูปและราคาน้ำมันดิบ และส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีปรับลดลง ประกอบกับปัจจัยภายในประเทศ เงินบาทที่แข็งค่าอย่างต่อเนื่องส่งผลกระทบต่อการส่งออกและอุตสาหกรรมทั้งภาคการผลิตและภาคขนส่ง ส่งผลให้ปริมาณความต้องการพลังงานและผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีไม่เติบโตตามเป้าหมาย รวมถึงปริมาณการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีและการกลั่นที่ลดลงจากการหยุดซ่อมบำรุงขนาดใหญ่ประจำงวดตามแผนของกลุ่มปิโตรเคมีและการกลั่น และค่าใช้จ่ายชดเชยพนักงานเพิ่มเติมโดยเปลี่ยน   

ขยายโอกาสเน้นลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน

ท่ามกลางความไม่แน่นอนของปัจจัยภายนอกและภายในที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการดำเนินธุรกิจให้เป็นไปตามเป้าหมายกลุ่ม ปตท. ได้แสวงหาโอกาสในขยายการลงทุนในระบบโครงสร้างพื้นฐานก๊าซธรรมชาติรองรับการเติบโตของการผลิตไฟฟ้า การขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศผ่านการร่วมลงทุนหรือการซื้อกิจการ รวมถึงการปรับพอร์ทการลงทุนโดยขยายการลงทุนไปสู่ธุรกิจต่างๆ ตลอดห่วงโซ่คุณค่าตามทิศทางกลยุทธ์การลงทุนที่สอดรับกับแนวโน้มอนาคตไปสู่พลังงานสะอาดและผลิตภัณฑ์เคมีมูลค่าสูง และช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนของราคาตลาดโลกต่อผลประกอบการของกลุ่ม ปตท. 

นอกจากนี้ในปีที่ผ่านมาได้ผลักดันมาตรการปรับปรุงผลประกอบการอย่างต่อเนื่องด้วยการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายอย่างเหมาะสมและเกิดประโยชน์สูงสุด  ส่งผลให้งบดำเนินการลดลงร้อยละ 17 เมื่อเทียบกับเป้าหมาย ลดต้นทุนการผลิตเพื่อรักษาความสามารถในการทำกำไร เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานด้วยการนำระบบดิจิทัลมาใช้ บริหารความเสี่ยงราคา และบริหารทรัพย์สินให้เกิดประโยชน์สูงสุด 

นอกจากนั้นผลประกอบการส่วนเพิ่มโดยหลักมาจากการเข้าซื้อบริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) (GLOW) ของ บริษัทโกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (GPSC) รวมถึงธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมเพิ่มขึ้นจากปริมาณขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจากการเข้าซื้อสัดส่วนการลงทุนเพิ่มในโครงการบงกช และการเข้าซื้อกิจการของบริษัท Murphy Oil Corporation และบริษัท Partex Holding B.V. ของ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (PTTEP)  

กำไรหลักมาจากการ LNG - ขุดเจาะปิโตรเลียม

ในส่วนของกำไรสุทธิของ ปตท. 92,951 ล้านบาท โดยหลักมาจากกำไรของธุรกิจก๊าซธรรมชาติคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 33 ธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมสัดส่วนร้อยละ 34 และธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นสัดส่วนร้อยละ9 ในขณะที่กำไรจากธุรกิจอื่นๆ รวมถึงธุรกิจน้ำมันและค้าปลีก ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศมีสัดส่วนรวมกันประมาณร้อยละ 24 

ทั้งนี้กำไรในส่วนของธุรกิจก๊าซธรรมชาติ และธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นปรับลดลง เนื่องจากธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ ราคาขายอ้างอิงราคาปิโตรเคมีซึ่งปรับลดลงมาก ในขณะที่ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ของกลุ่มปิโตรเคมีและการกลั่นปรับลดลงตามสถานการณ์โลกดังกล่าวข้างต้น

ปี 62 ปตท.ส่งเงินเข้ารัฐกว่า 3.6 หมื่นล้าน

จากความพยายามของกลุ่ม ปตท. จึงทำให้ผลประกอบการใกล้เคียงกับที่ประมาณการไว้ ดังนั้นคณะกรรมการ ปตท. จึงได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลจำนวน 2 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผล (Payout ratio) ร้อยละ 62.5 ของกำไรสุทธิ และอัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) ที่ร้อยละ 4.5 รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 57,126 ล้านบาทสำหรับผลประกอบการปี 2562 ซึ่ง ปตท. ได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล   0.9 บาทต่อหุ้นแล้วเมื่อเดือนตุลาคม 2562 และคงเหลือเงินปันผล 1.10 บาทต่อหุ้นที่คาดว่าจะจ่ายในเดือนเมษายน 2563 ซึ่งจะต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นของ ปตท. ในวันที่ 10 เมษายน 2563

ในปี 2562 จากผลการดำเนินงานทั้งหมดที่ได้กล่าวมาข้างต้นทำให้กลุ่ม ปตท.สามารถนำส่งรายได้ให้รัฐอย่างมีเสถียรภาพต่อเนื่อง แม้ในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว โดยในปีนี้ปตท.ส่งรายได้เข้ารัฐทั้งหมด รวมกว่า  70,259 ล้านบาท แบ่งเป็น เงินปันผลเข้ากระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ 29,198 ล้านบาท เข้ากองทุนวายุภักษ์จำนวน 6,947 ล้านบาท ภาษีเงินได้รวม 34,114 ล้านบาท (ภาษีเงินได้ปตท. 8,439 ล้านบาท และภาษีเงินได้บริษัทในเครืออีก 25,675 ล้านบาท) ทั้งนี้เพื่อเป็นเงินงบประมาณของประเทศนำไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม ชุมชนให้แก่ประเทศ รวมทั้งสามารถสร้างเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจผ่านเงินปันผลจำนวน 20,981 ล้านบาท ให้นักลงทุนสถาบันและผู้ถือหุ้นรายย่อยกว่า 1.3 แสนราย

นอกจากนี้เพื่อเป็นการสนับสนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากและประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่ ปตท. ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องในการแบ่งเบาภาระต้นทุนด้านพลังงานและค่าครองชีพของประชาชนให้มีอาชีพ    ที่ มั่นคงขึ้น  คณะกรรมการ ปตท. จึงได้อนุมัติการบริจาคเงินเข้ากองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม ในรูปแบบส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มจำนวน 50 บาท/คน/เดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ถึง 30 มิถุนายน 2563 โดยใช้งบดำเนินงาน 30 ล้านบาท ทั้งนี้เป็นความร่วมมือของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กระทรวงการคลังกระทรวงพลังงาน และ ปตท.

FYI : นับตั้งแต่ปี 2544 - 2562 กลุ่มปตท.ส่งรายได้ให้รัฐในรูปเงินปันผลและภาษีเงินได้รวมประมาณ 9.4 แสนล้านบาท


ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

มองศึก Virtual Bank ไทย เทียบชั้นผู้เล่นบนเวทีโลกได้หรือไม่

หลังจาก ธปท. เปิดให้ผู้ประกอบการที่สนใจจัดตั้ง Virtual Bank ยื่นขอเข้ามา ส่งผลให้ธุรกิจการเงินในไทยกลับมาคึกคักมากขึ้น...

Responsive image

Google Workspace อัปเกรดครั้งใหญ่ ! ดึงพลัง AI พลิกโฉมการทำงาน

Google Workspace บริการชุดแอปพลิเคชันผ่านระบบคลาวด์ ได้รับการยกเครื่องครั้งใหญ่ด้วยการผสานความสามารถของ Generative AI ในหลากหลายแอปพลิเคชันยอดนิยม เพื่อช่วยให้การทำงานเป็นเรื่องที่...

Responsive image

จาก ลี เซียงลุง สู่ ลอว์เรนซ์ หว่อง ว่าที่นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์คนที่ 4

ลี เซียนลุง ได้สิ้นสุดการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ในวันที่ 16 เมษายน 2024 ก่อนจะส่งไม้ต่อให้ ลอว์เรนซ์ หว่อง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ก้าวขึ้นสู่การเป็นนายกรั...