กลุ่มปตท. พลิกขาดทุน 1.55 พันล้านบาท ในไตรมาสที่ 1/2563 ออกมาตรการระยะสั้น ‘ลด-ละ-เลื่อน’ บริหารสภาพคล่อง | Techsauce

กลุ่มปตท. พลิกขาดทุน 1.55 พันล้านบาท ในไตรมาสที่ 1/2563 ออกมาตรการระยะสั้น ‘ลด-ละ-เลื่อน’ บริหารสภาพคล่อง

บริษัท ปตท. จํากัด (มหาชน) ได้แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1/2563 มีผลขาดทุนสุทธิใน ไตรมาส1/2563 จํานวน 1,554 ล้านบาท โดยมีกําไรสุทธิลดลง จํานวนประมาณ 19,000 ล้านบาท หรือลดลงมากกว่าร้อยละ 100.0 จากกําไรสุทธิในไตรมาส 4/2562 ที่จํานวน 17,446 ล้านบาท

โดยใน ไตรมาส1/2563 เกิดขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจากเงินกู้สกุลต่างประเทศ เนื่องจากค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเหรียญสหรัฐฯ และค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้เพิ่มขึ้น โดยหลักจาก ผลกระทบของค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าของธุรกิจสํารวจและผลิตปิโตรเลียม แม้ว่าจะมีกําไรจากตราสารอนุพันธ์เพิ่มขึ้น

ขณะที่เมื่อเทียบผลการดําเนินงานไตรมาส 1 ปี 2563 กับไตรมาส 1 ปี 2562 ปตท. และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายลดลง 67,307 ล้านบาท หรือร้อยละ 12.2 รายได้จากการขายที่ลดลงมาจากเกือบทุกกลุ่มธุรกิจ เนื่องจากราคาขายเฉลี่ย และปริมาณขายเฉลี่ยลดลง 

ยกเว้นกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีและวิศวกรรม มีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้นเนื่องจาก การเข้าซื้อ บมจ. โกลว์ พลังงาน (GLOW) ของ บมจ. โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) ในช่วงปลายไตรมาส1/2562 และรายได้จากการขายธุรกิจสํารวจและผลิตปิโตรเลียมเพิ่มขึ้นจากปริมาณขายเฉลี่ยโดยรวมที่เพิ่มขึ้น จากการเข้าซื้อธุรกิจ โครงการมาเลเซีย และกลุ่มพาร์เท็กซ์ (Partex) ในช่วงครึ่งหลังของปี 2562 และโครงการ บงกชมีปริมาณการขายเพิ่มขึ้นจากจํานวนวันในการปิดซ่อมบํารุงลดลง แม้ว่าราคาขายเฉลี่ยลดลง

ทั้งนี้ปตท. และบริษัทย่อยในไตรมาส1/2563 มีขาดทุนสุทธิ โดยมีกําไรสุทธิลดลงจํานวนประมาณ 30,866 ล้าน บาท หรือลดลงมากกว่าร้อยละ 100.0 จากในไตรมาส1/2562 ที่มีกําไรสุทธิจํานวน 29,312 ล้านบาท ตาม EBITDA ที่ลดลงและค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจําหน่ายที่เพิ่มขึ้นของธุรกิจสํารวจและผลิตปิโตรเลียม และธุรกิจเทคโนโลยี และวิศวกรรมจากการเข้าซื้อกิจการดังกล่าวข้างต้น

สำหรับ EBITDA ที่ลดลงมีสาเหตุหลักจากกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นที่ มีขาดทุนจากสต็อกน้ํามันในไตรมาสที่  1/2563  โดย Market GRM ปรับลดลงตามส่วนต่างราคาน้ํามัน อากาศยาน น้ํามันดีเซลและน้ํามันเตาที่มีกํามะถันสูงกับน้ํามันดิบที่ลดลง อีกทั้งส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กับ วัตถุดิบของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีทั้งสายโอเลฟินส์และอะโรเมติกส์ส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง 

นอกจากนี้ กลุ่ม ธุรกิจก๊าซธรรมชาติมีผลการดําเนินงานลดลง โดยหลักจากธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ เนื่องจากราคาขายและปริมาณ ขายที่ลดลง และธุรกิจจัดหาและจัดจําหน่ายก๊าซฯ เนื่องจากราคาขายอ้างอิงราคาน้ํามันเตาที่ลดลง สําหรับกลุ่มธุรกิจน้ํามันมีผลการดําเนินงานลดลงจากขาดทุนสต็อกน้ํามันที่เพิ่มขึ้นและปริมาณขายที่ลดลงจากผลกระทบ ของ COVID-19 

สถานะการเงินของกลุ่มปตท.ณ สิ้นไตรมาส 1/2563

ปตท. และบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวม 2,499,666 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15,227 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.6 จาก ณ 31 ธันวาคม 2562 โดยหลักจากสินทรัพย์สิทธิการใช้ที่เพิ่มขึ้น 70,404 ล้านบาท เนื่องจากเริ่มใช้ มาตรฐานการรายงานทางการเงิน เรื่อง สัญญาเช่า ตั้งแต่ 1 ม.ค. 2563

ในขณะที่มีหนี้สินรวมทั้งสิ้น 1,222,702 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39,303 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.3 ซึ่งเป็นหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 46,462 ล้านบาท โดยหลักเป็นผลจากหนี้สินตามสัญญาเช่าที่เพิ่มขึ้น จากการเริ่มใช้มาตรฐานการรายงานทางการเงิน เรื่อง สัญญาเช่าดังกล่าว และมีส่วนของผู้ถือหุ้น 1,276,964 ล้านบาท ลดลง 24,076 ล้านบาทหรือลดลงร้อยละ 1.9 โดยหลักจากการจ่ายเงินปันผลและขาดทุนสุทธิของไตรมาส1/2563

มาตรการรองรับจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 และสงครามราคาน้ํามัน

เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 และสงครามราคาน้ํามัน ได้ส่งผลกระทบต่อ เศรษฐกิจโลกในทุกภาคอุตสาหกรรม รวมถึงอุตสาหกรรมพลังงานและผลการดําเนินงานของกลุ่มปตท. เช่นกัน อย่างไรก็ตาม กลุ่มปตท. ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และมีการบริหารจัดการและมาตรการ ต่างๆ 

โดยการจัดตั้ง PTT Group Vital Center เพื่อวางแผนและดําเนินการทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดย มาตรการระยะสั้น ได้แก่ การบริหารจัดการค่าใช้จ่ายผ่านนโยบาย “ลด-ละ-เลื่อน” ความร่วมมือในการทํา PTT Group Value Chain Optimization เพื่อบริหารอุปสงค์ อุปทาน ปริมาณสินค้าคงคลังให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมทั้งการบริหารสภาพคล่องและรักษาความแข็งแกร่งทางด้านการเงิน ของกลุ่มปตท.


ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เดินหน้าควบคุม Google ยื่นคำร้องขาย Chrome หวังสกัดการผูกขาดตลาด Search Engine

กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เตรียมยื่นคำร้องต่อศาลให้ Google ต้องขายเบราว์เซอร์ Chrome แยกจากบริษัท หลังศาลตัดสินว่า Google ละเมิดกฎหมายการผูกขาดตลาด Search Engine...

Responsive image

TikTok ประกาศลุยสู่เป้าหมายเป็น 'บริษัทที่น่าเชื่อถือที่สุดในโลก' ท่ามกลางวิกฤตแบนสหรัฐฯ

Shou Zi Chew ซีอีโอ TikTok ประกาศเป้าหมายสู่การเป็นบริษัทที่น่าเชื่อถือที่สุดในโลก ท่ามกลางกระแสแบนในสหรัฐฯ และความกังวลด้านความปลอดภัยข้อมูลในยุโรปและแคนาดา พร้อมลงทุนเสริมความปลอ...

Responsive image

Apple ยอมลงทุนเพิ่ม 10 เท่า สู่ 100 ดอลลาร์สหรัฐฯ หวังอินโดนีเซียปลดแบน iPhone 16

Apple เพิ่มข้อเสนอการลงทุนในอินโดนีเซีย หลังรัฐบาลแบน iPhone 16 เนื่องจากขาดการผลิตในประเทศ ขณะที่นโยบายเข้มงวดนี้อาจดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมท้องถิ่น...