การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้เปลี่ยนรูปแบบการทำงานไปอย่างสิ้นเชิงจากในอดีต ปัจจุบันหลายบริษัทยังคงให้พนักงานทำงานที่บ้านได้ หรือสลับเข้ามาออฟฟิศบ้างเป็นครั้งคราว และธุรกิจที่จะได้รับผลกระทบจากเทรนด์การทำงานรูปแบบใหม่นี้คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่อาจต้องสูญเสียมูลค่า 800,000 ล้านดอลลาร์
รายงานจาก McKinsey Global Institute ระบุว่า ปัจจุบันมีพนักงานไปทำงานที่ออฟฟิศน้อยลง 30% เมื่อเทียบกับก่อนโควิดระบาด และมีเพียง 37% เท่านั้นที่เข้าออฟฟิศทุกวัน โดยคาดว่าในปี 2030 ความต้องการในอาคารสำนักงานจะลดลงมากถึง 20% เมื่อเทียบกับปี 2019 แต่อาจเลวร้ายกว่านั้นในบางเมืองที่ความต้องการอาจลดลงถึง 38%
จากความต้องการที่ลดลง McKinsey คาดว่าจะส่งผลให้ราคาของอาคารหรือพื้นที่สำนักงานลดลง โดยในระดับความรุนแรงปานกลาง (Moderate Scenario) อาจลดลง 26% จนถึงปี 2030 และเคสที่แย่กว่านี้อาจลดลงถึง 42%
การเปลี่ยนแปลงนี้อาจทำให้มูลค่าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่เมืองใหญ่ 9 แห่งทั่วโลก ตั้งแต่ ปักกิ่ง ฮูสตัน ลอนดอน นิวยอร์ก ปารีส มิวนิก ซานฟรานซิสโก เซี่ยงไฮ้ และโตเกียว ต้องสูญเสียมูลค่ารวม 800,000 ล้านดอลลาร์
ผลพวงจากการทำงานที่ไม่ต้องการออฟฟิศอีกต่อไป ทำให้พื้นที่สำนักงานหลายแห่งต้องปิดตัว บริษัทต้องเอาเฟอร์นิเจอร์ ทั้งเก้าอี้ โต๊ะ ไปเก็บไว้ในโกดัง หรือประมูลทอดตลาดเพื่อรักษากระแสเงินสดไว้ ที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เฟอร์นิเจอร์สำนักงานจำนวนมากกำลังจะถูกทิ้ง แม้แต่เก้าอี้แบรนด์ดังอย่าง Herman Miller ที่มีราคาตั้งแต่หลายหมื่นจนไปถึงเหยียบแสน ยังถูกทิ้งให้อยู่ในโกดังเก็บของ บริจาคให้โรงเรียน หรือขายทอดตลาด
ในงานวิจัยของ McKinsey ระบุว่า เมืองต่างๆ สามารถแก้ไขสถานการณ์อสังหาฯนี้ ได้ด้วยการพัฒนาอาคารแบบมิกซ์ยูส ที่มีทั้งสำนักงานและพื้นที่ค้าปลีก และสร้างอาคารที่สามารถตอบโจทย์ได้หลากหลายความต้องการใช้งาน
อ้างอิง: markets.businessinsider, edition.cnn
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด