โรบินฮู้ด เปิดตัว ‘Robinhood Coin’ เปลี่ยนลูกค้าเป็นแฟนพันธุ์แท้ ร่วมโหวต-กำหนดทิศทางแอปฯ

โรบินฮู้ด เปิดตัว ‘Robinhood Coin’ เปลี่ยนลูกค้าเป็นแฟนพันธุ์แท้ ร่วมโหวต-กำหนดทิศทางแอปฯ

หลังจากสร้างชื่อในฐานะแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี ‘เพื่อคนตัวเล็ก’ Robinhood แพลตฟอร์มสัญชาติไทย ได้เปิดตัว ‘Robinhood Coin’ ระบบสมาชิกแบบใหม่ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานมีส่วนร่วมในการพัฒนาแพลตฟอร์ม และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการกำหนดทิศทางของแอปพลิเคชันในอนาคต

ทำไมต้องเป็น Coin?

คุณมรกต ยิบอินซอย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า เป้าหมายของ Robinhood คือการก้าวข้ามจากแอปสั่งอาหารไปสู่แพลตฟอร์มที่เปิดให้ผู้ใช้ทุกคนมีส่วนร่วมได้จริง จึงเลือกใช้ “Coin” แทนระบบสะสมแต้มแบบเดิม เพื่อให้สมาชิกสามารถใช้สิทธิ์โหวต แสดงความคิดเห็น และร่วมตัดสินใจในทิศทางของแพลตฟอร์มได้โดยตรง

“ไม่อยากให้ Robinhood เป็นแค่แอปพลิเคชันสั่งอาหาร แต่เราอยากให้มันคือการสร้าง Community ของแพลตฟอร์มร่วมกัน ที่ผู้ใช้ทุกคนมีสิทธิ์มีส่วนในการกำหนดทิศทาง และร่วมสร้าง Community นี้ไปด้วยกัน” คุณมรกตกล่าว

หัวใจของ Robinhood Coin คือ การสร้างความมีส่วนร่วม โดยเปิดโอกาสให้สมาชิกที่เป็น "แฟนพันธุ์แท้" สามารถใช้เสียงของตนเองผ่านระบบโหวต เพื่อแสดงความคิดเห็นและร่วมตัดสินใจในทิศทางของแอปพลิเคชัน ไม่ว่าจะเป็นการเสนอให้มีฟีเจอร์ใหม่ๆ, การจัดกิจกรรมเพื่อสังคม, หรือการขยายบริการไปสู่ Ecosystem อื่นๆ เช่น การท่องเที่ยวและไลฟ์สไตล์ในอนาคต สิ่งนี้จะทำให้ผู้ใช้รู้สึกเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มซึ่งเป็นคุณค่าที่ Robinhood ต้องการสร้างขึ้น

กลไกการทำงาน จาก Purple Point สู่ Robinhood Coin

คุณวริศ บูลกุล กรรมการผู้จัดการฝ่ายสินทรัพย์ดิจิทัล บริษัท บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า Robinhood กำลังจะนำระบบใหม่ที่เรียกว่า "Robinhood Coin" มาใช้กับแพลตฟอร์ม โดยมีเป้าหมายที่แตกต่างจากการสะสมแต้มทั่วไปอย่างชัดเจน แนวคิดหลักคือการเปลี่ยนสถานะลูกค้าที่เพียงแค่สั่งอาหาร ให้กลายเป็น "สมาชิกชุมชน" ที่มีสิทธิ์มีเสียงและมีส่วนร่วมในการพัฒนาแพลตฟอร์ม

วิธีการได้มาซึ่ง Coin นี้จะผูกกับการใช้งานแอปโดยตรง เมื่อผู้ใช้สั่งอาหารหรือบริการ ทุก 100 บาท จะได้รับ 10 "Purple Point" ซึ่งเป็นแต้มสะสมพื้นฐาน หลังจากนั้น เมื่อสะสม Point ได้ถึงเกณฑ์ที่กำหนด ก็สามารถนำไปแลกเป็น Robinhood Coin ได้

ประโยชน์หลักของ Robinhood Coin ไม่ใช่การใช้เป็นส่วนลด แต่คือการใช้เป็น "สิทธิ์" ในการมีส่วนร่วมกับแอป เช่น ใช้ในการโหวตเลือกกิจกรรมที่อยากให้จัด หรือใช้เป็นบัตรผ่านเพื่อเข้าร่วมอีเวนท์พิเศษต่างๆ ที่จัดให้เฉพาะสมาชิก ซึ่งเป็นการยกระดับความสัมพันธ์ให้มากกว่าการเป็นลูกค้าทั่วไป

ความแตกต่างของ Robinhood Coin เมื่อเทียบกับแต้มสะสมแบบเดิม คือการนำเทคโนโลยี Blockchain มาใช้ (จากผู้ให้บริการระดับสากลชื่อ ApeChain) ซึ่งทำให้ Coin นี้มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และไม่หมดอายุได้ง่ายเหมือนระบบ CRM แบบเก่า

นอกจากนี้ Robinhood ยังได้นำแนวคิด ‘Halving’ จาก Bitcoin มาปรับใช้ในระบบ Coin เพื่อสร้างแรงจูงใจให้กับผู้ใช้ยุคแรก โดยจะมีเหรียญทั้งหมด 21 ล้านเหรียญเท่านั้น และเมื่อมีการแลกเหรียญไปแล้วครึ่งหนึ่ง ระบบจะปรับให้การแลกยากขึ้นสองเท่าทันที หมายความว่า ยิ่งเข้ามาเร็ว ยิ่งได้เปรียบ เพราะสามารถแลก Coin ได้ในอัตราที่ดีกว่า และมีสิทธิ์เข้าร่วมเป็นสมาชิกกลุ่มแรกของคอมมูนิตี้ Robinhood

แม้ว่าระบบนี้จะขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีที่ซับซ้อน แต่ทีมพัฒนาได้ออกแบบให้ผู้ใช้งานทั่วไปไม่รู้สึกถึงความยุ่งยาก ผู้ใช้ยังคงใช้งานแอป Robinhood ได้เหมือนเดิม โดยไม่ต้องเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ หรือเปิดกระเป๋าเงินดิจิทัลใดๆ ทุกอย่างจะถูกจัดการให้โดยอัตโนมัติ 

“ผู้ใช้งานทุกคนที่เปิดแอปมาจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีเทคโนโลยี Blockchain อยู่ที่ไหน มันจะเป็นเหมือนกับการสะสมแต้มทั่วไป ผู้ใช้สามารถใช้บัญชี Robinhood เดิมได้ปกติ โดยที่ระบบเบื้องหลังทั้งหมดจะถูกจัดการอัตโนมัติ” คุณวริศ  กล่าว

อัปเดต Robinhood ในปี 2025

คุณมรกตได้อัปเดตภาพรวมของ Robinhood ในปี 2025 ว่า ฐานผู้ใช้งานหลักในปัจจุบันค่อนข้างชัดเจน คือเป็นกลุ่มคนวัย 30-50 ปี ที่มีกำลังซื้อสูง และไม่ได้ให้ความสำคัญกับการล่าส่วนลดเป็นหลัก เรื่องนี้สะท้อนจากตัวเลขยอดสั่งซื้อเฉลี่ยต่อครั้ง (Basket Size) ซึ่งอยู่ที่ 250-300 บาท

ในแง่ของขนาดแพลตฟอร์ม ปัจจุบันมีผู้ใช้งานจริงในช่วง 3 เดือน อยู่ที่ 400,000 คน มีร้านค้าในระบบ 200,000 ร้าน และมีไรเดอร์ที่วิ่งงานประจำ 3,500 คน (จากจำนวนไรเดอร์ในระบบทั้งหมด 30,000 คน) โดยยังคงให้บริการในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล

ส่วนสถานะของกิจการ คุณมรกตระบุว่ากำลังปรับตัวดีขึ้น โดยอัตราการขาดทุนลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทั้งหมดนี้ยังคงอยู่ภายใต้นโยบายจำกัดค่า GP สูงสุดที่ไม่เกิน 28%

ก้าวต่อไปของ Robinhood

แม้ปัจจุบัน Robinhood จะยังคงอยู่ในช่วงของการลงทุนและยังไม่ทำกำไร แต่แนวโน้มการขาดทุนได้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และตั้งเป้าที่จะสามารถทำกำไรได้ภายในปีหน้า การเปิดตัว Robinhood Coin และการสร้าง Community ที่แข็งแกร่งนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ที่จะช่วยเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z ที่ให้ความสำคัญกับ Brand Message และคุณค่าของแบรนด์ ซึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่มฐานลูกค้าได้ 20-30%

ในอนาคต Robinhood มีแผนที่จะต่อยอดสู่การเป็น "Super App" แต่จะทำอย่างค่อยเป็นค่อยไปและฟังเสียงจาก Community เป็นหลัก โดยอาจขยายความร่วมมือไปยังพาร์ทเนอร์ในกลุ่มธุรกิจอื่น เช่น การท่องเที่ยว หรือไลฟ์สไตล์ รวมถึงการให้สินเชื่อแก่ร้านค้าและไรเดอร์ที่มีประวัติดี ซึ่งทั้งหมดนี้จะถูกขับเคลื่อนโดยเสียงของ Community เป็นสำคัญ

“เราไม่ได้ตั้งเป้าที่จะเป็นที่หนึ่งด้าน Market Share แต่เราตั้งเป้าที่จะดูแลครอบครัว Robinhood ของเรา ให้มีคุณค่าที่ตรงกับฐานลูกค้า และเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน” คุณวริศ ทิ้งท้าย

โครงการ Robinhood Coin ถือเป็นมิติใหม่ของวงการแพลตฟอร์มในไทย ที่เปลี่ยนจากการแข่งขันด้านราคา มาสู่การสร้างคุณค่าและความผูกพันกับผู้ใช้งาน ซึ่งต้องรอติดตามผลตอบรับในช่วงต้นปีหน้า ว่าจะสามารถสร้างปรากฏการณ์และขับเคลื่อน Ecosystem ของคนไทยให้แข็งแกร่งได้ตามที่ตั้งใจไว้หรือไม่

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

เจาะดีล Netflix เข้าซื้อ Warner Bros ทำไมถึงยอมจ่ายมากถึง 8.27 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และทำไมหลายคนไม่เห็นด้วย

นับเป็นข่าวใหญ่ที่สะเทือนวงการบันเทิงหนัง Netflix เจ้าตลาดสตรีมมิ่งประกาศเข้าซื้อกิจการ Warner Bros. ซึ่งนับรวมถึงสตูดิโอสร้างภาพยนตร์-โทรทัศน์ และธุรกิจสตรีมมิ่ง HBO Max และ HBO ด...

Responsive image

ซีอีโอ AWS ชี้ AI Agents จะเปลี่ยนโลกยิ่งกว่าอินเทอร์เน็ต เราอาจได้เห็น AI Agent พันล้านตัวรันองค์กร

AWS ซีอีโอประกาศชัด AI Agents จะสร้างผลกระทบต่อโลกธุรกิจยิ่งกว่าอินเทอร์เน็ตและ Cloud พร้อมเปิดยุคที่ ‘AI Agent พันล้านตัว’ ทำงานอัตโนมัติอยู่หลังองค์กรทั่วโลก เร่งผลตอบแทนทางธุรกิ...

Responsive image

วิกฤตสมองไหลใน Apple ไม่จบ ! ล่าสุด Meta ดึงตัว Alan Dye หัวหน้าทีมดีไซน์ Apple ผู้คุมออกแบบ Liquid Glass ใน iOS26

เจาะลึกสมองไหลใน Apple ปี 2025 เมื่อผู้เชี่ยวชาญ AI หลายคนย้ายไป Meta, OpenAI และ Cohere ส่งผลต่ออนาคต Apple Intelligence...