Central Retail ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ บมจ.โรบินสัน ปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ โดยจะทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดของ Robinson ในราคาหุ้นละ 66.50 บาทจากผู้ถือหุ้นที่เหลือทั้งหมด เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมเสนอขายหุ้น IPO และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อเสริมศักยภาพการแข่งขัน และเตรียมพร้อมรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงในอนาคต พร้อมกันนี้ยังเสนอให้มีการเพิกหุ้น Robinson ออกจากการเป็นหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ฯด้วย
บริษัท โรบินสัน จำกัด (มหาชน) หรือ Robinson ได้แจ้งหนังสือเผยแพร่ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จํากัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท ในสัดส่วนร้อยละ 53.83 ได้แจ้งหนังสือขอปรับโครงสร้างธุรกิจของบริษัทย่อยและบริษัทร่วมของ Central Retail
เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO )และการนําหุ้นของ Central Retail เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
พร้อมกันนี้ยังมีแผนที่จะระดมทุนผ่านการทํา IPO ซึ่งจะเกิดขึ้นพร้อมกับการทําคําเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดของ Robinson จากผู้ถือหุ้นรายอื่นโดยจะเสนอซื้อหุ้นของผู้ถือหุ้นของ Robinson ทุกรายในราคาหุ้นละ 66.50 บาท ซึ่งจะเป็นการแลกกับหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จํากัด
และเพื่อให้ เซ็นทรัล รีเทล เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพียงบริษัทเดียว จึงได้เสนอให้เพิกถอนหุ้นของ Robinson ออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
ประการแรก เพื่อเป็นการรวมธุรกิจค้าปลีกต่าง ๆ ของเซ็นทรัล รีเทลในประเทศไทย ประเทศเวียดนาม และประเทศอิตาลี ให้เข้ามาอยู่ภายใต้บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพียงบริษัทเดียว โดย เซ็นทรัล รีเทลจะกลายเป็นหนึ่งในผู้นําธุรกิจค้าปลีก จากการผสมผสานที่ลงตัวของแพลตฟอร์ม Omni-Channel ร้านค้า ปลีกในหลากหลายรูปแบบ และการให้เช่าพื้นที่ค้าปลีก
ประการที่สอง เพื่อให้ผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นสอดคล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน และเพื่อให้การขยายธุรกิจ ห้างสรรพสินค้าเกิดขึ้นภายใต้บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพียงบริษัทเดียว โดยบริษัทดังกล่าวจะ สามารถเลือกสรรแบรนด์ค้าปลีกที่ดีที่สุดเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาดในแต่ละพื้นที่
ประการที่สาม เพื่อสร้างบริษัทที่เป็นแกนนําในการดําเนินธุรกิจค้าปลีกของกลุ่มเซ็นทรัลที่มีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และเป็นช่องทางที่จะทําให้ธุรกิจของกลุ่มเซ็นทรัลสามารถขยายไปยังตลาดอื่น ๆ ผ่านการค้าปลีก หลากหลายรูปแบบที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
หาก เซ็นทรัล รีเทล สามารถดำเนินการตามกระบวนการดังกล่าวได้สำเร็จ จะส่งผลให้ เซ็นทรัล รีเทลมีแบรนด์ค้าปลีก (Retail Banner) และมีธุรกิจที่หลากหลายและมีโอกาสในการเติบโตมากกว่า โดย เซ็นทรัล รีเทล เป็นผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกสินค้าหลากหลายประเภทผ่านรูปแบบและช่องทางที่หลากหลาย (Multi-format and Multi-category)
ซึ่งประกอบด้วย ห้างสรรพสินค้า ร้านขายสินค้าเฉพาะทาง พลาซ่า ไฮเปอร์มาร์เก็ต ซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านจําหน่ายสินค้าดีไอวาย (DIY) ในประเทศไทย ทั้งยังมีการประกอบธุรกิจในประเทศ เวียดนามและประเทศอิตาลี นอกจากนี้ ด้วยขนาดธุรกิจของเซ็นทรัล รีเทลและการที่ เซ็นทรัล รีเทล ได้วางรากฐานการให้บริการ ผ่านแพลตฟอร์ม Omni-channel มาอย่างยาวนาน
ประกอบกับกลยุทธ์ในการดําเนินงานที่จะพัฒนาแพลตฟอร์ม Omni-channel อย่างต่อเนื่อง จะช่วยสงเสริมความสามารถในการแข่งขันของ เซ็นทรัล รีเทล และสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมค้าปลีกในอนาคต ในขณะที่การดําเนินธุรกิจของ Robinson มีความหลากหลายน้อยกว่าและ เน้นแต่ธุรกิจในประเทศไทยเป็นหลักเท่านั้น
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด