RS Group เปิดกลยุทธ์โตอย่างไร? ท่ามกลางวิกฤตรอบด้าน กับโมเดล Entertainmerce | Techsauce

RS Group เปิดกลยุทธ์โตอย่างไร? ท่ามกลางวิกฤตรอบด้าน กับโมเดล Entertainmerce


จากการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจในปัจจุบัน หลายองค์ต่างต้องปรับตัวเพื่อให้ทันกับกระแสและปัจจัยกดดันต่างๆเพื่อความอยู่รอด ซึ่ง บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS Group ถือเป็นหนึ่งในไม่กี่องค์กรของไทยที่สามารถก้าวผ่านสถานการณ์ COVID-19 และพาธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคงได้ในปีที่ผ่านมา และวันนี้เราจะมาเจาะลึกถึงกลยุทธ์และแผนงานของ RS Group ในปี 2564 ว่าจะมีทิศทางต่อไปอย่างไรบ้าง ภายใต้โมเดลธุรกิจEntertainmerce ร่วมกับการเติบโตของกลุ่มธุรกิจคอมเมิร์ซซึ่งสอดรับกับเมกะเทรนด์สำคัญของโลก และการเริ่มต้นธุรกิจใหม่ๆ ที่จะช่วยผลักดันบริษัทให้มีการเติบโตแบบก้าวกระโดด สร้าง All Time High

คุณสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แม้ปี 2563 ที่ผ่านมาสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อทุกภาคส่วน และเป็นผลกระทบที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ แต่ RS Group เป็นองค์กรที่ปรับตัวเร็ว สามารถตั้งรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที มีการปรับแผนให้เหมาะสมและสอดคล้อง รวมไปถึงโมเดลธุรกิจ Entertainmerce ที่พิสูจน์ให้เห็นถึงความสำเร็จ ทำให้ผลประกอบการในปีที่ผ่านมา สามารถทำรายได้ New  High ได้อย่างต่อเนื่องในทุกไตรมาส และพื้นฐานสำคัญของบริษัทในตอนนี้คือคนในองค์กรมีความยืดหยุ่นสูงและสามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็วตามสถานการณ์ 

กลยุทธ์ดำเนินงานในปี 2564 

สำหรับเป้าหมายปี 2564 บริษัทตั้งเป้าทำรายได้มากกว่า 5,700 ล้านบาท และมีผลงานเติบโตแบบก้าวกระโดด สร้าง All Time High จากกลยุทธ์ของ 3 ธุรกิจดังนี้

1. ธุรกิจคอมเมิร์ซ

RS Mall แพลตฟอร์มที่จำหน่ายสินค้าและบริการในหลากหลายกลุ่ม เพื่อเติมความสุขให้ทุกชีวิต โดยตั้งเป้าในการเป็นพันธมิตรทางด้านสุขภาพให้กับลูกค้า ซึ่งเมกะเทรนด์ที่สำคัญในปีนี้มุ่งเน้นไปที่การดูแลและใส่ใจในเรื่องสุขภาพ และกลุ่มคนรุ่นเก่า (Silver Generation หรือ Young Old) ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง เป็นหัวใจสำคัญของ Business Model ของอาร์เอส มอลล์ สำหรับการเติบโตทางธุรกิจ อาร์เอส มอลล์ ตั้งเป้าไว้ที่ 30% จาก Inbound ที่มาจากช่อง 8 ช่องทีวีดิจิทัลพันธมิตร และช่องทีวีดาวเทียม ช่องทาง Outbound จากเทเลเซลล์ และเติบโต 2 เท่าสำหรับช่องทางออนไลน์ จากปัจจัยดังต่อไปนี้

  • การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของกลุ่มสินค้าที่ตอบโจทย์เรื่องการดูแลสุขภาพในทุกมิติ ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าหลักของอาร์เอส มอลล์ และจัดหาสินค้าเฉพาะ ผ่าน RS Mall เท่านั้น ซึ่งตอบโจทย์ลูกค้าแต่ละกลุ่มอย่างชัดเจน


  • การเป็น Virtual Store ที่ยังคงเป็นข้อได้เปรียบจากสถานการณ์โรคระบาดที่ยังไม่มีความแน่นอน ในขณะเดียวกัน รูปแบบการให้บริการผ่านเจ้าหน้าที่ที่พร้อมจะให้คำอธิบายบนทุกปัญหาสุขภาพ กลับสามารถทำให้ลูกค้ามั่นใจและปิดการขายได้มากกว่าร้านค้าออนไลน์ทั่วไป


  • การสร้างระบบ CRM ที่แข็งแรง จะสามารถสร้างการซื้อซ้ำได้กว่า 2.4 ครั้งต่อปี ทั้งจากคุณภาพของสินค้า ปริมาณของสินค้าที่หลากหลายในการตอบโจทย์ความต้องการทางด้านสุขภาพ และเมื่อเป็นเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพหรือ Wellbeing การได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ที่มีความรู้จะทำให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจในผลิตภัณฑ์มากขึ้น 


  • การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เพื่อทำให้เราเข้าใจลูกค้ามากขึ้น ทั้งในแง่ของการสร้าง Customer Data Platform ที่นำข้อมูลของลูกค้าในหลากหลายมิติมาประมวลผลให้สามารถนำเสนอสินค้าและบริการได้ตรงใจ และตรงเวลากับลูกค้ามากที่สุด และการนำระบบ Voice Analytics มาปรับปรุงคุณภาพการให้บริการ โดยการนำเครื่องมือไปใช้วิเคราะห์ไฟล์เสียงทั้งหมดเพื่อหา Unmet Demand จากบทสนทนาระหว่างเจ้าหน้าที่และลูกค้า และการขยายระบบ Predictive dialing system (PDS) สู่ลูกค้าทุกกลุ่ม ทำให้ประสิทธิภาพของเจ้าหน้าที่เพิ่มขึ้นเท่าตัว


นอกจากนี้ยังมี บริษัท ไลฟ์สตาร์ จำกัด ในฐานะผู้ผลิตนวัตกรรมด้านสุขภาพและความงามระดับโลก ในปีนี้นับเป็นปีที่ก้าวกระโดดของไลฟ์สตาร์ เนื่องจากจะมีการเสนอสินค้าที่หลากหลายมากยิ่งขึ้นเพื่อตอบโจทย์กลุ่มคนรักสุขภาพและเทรนด์การใช้ชีวิตแบบใหม่ โดยเพิ่มประเภทสินค้าใหม่ภายใต้แบรนด์ใหม่ เข้าสู่ Mass Market อย่างเต็มตัว การเปิดตัวและก้าวสู่ธุรกิจผลิตภัณฑ์ Functional Drink ผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ใช้นวัตกรรมขั้นสูง และอาหารสัตว์เลี้ยง โดยไลฟ์สตาร์จะขยายช่องทางการจำหน่ายไปสู่ช่องทางการขายที่เหมาะสมกับแต่ละประเภทสินค้า ผ่าน Mass Market หลากหลายช่องทาง วางขายผ่าน E-Commerce และยังคงจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากไลฟ์สตาร์ผ่าน RS Mall ด้วย 

2.ธุรกิจสื่อและบันเทิง

สถานีโทรทัศน์ช่อง 8

ชูกลยุทธ์ Content-Driven Marketing ผลิตคอนเทนต์ให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย จัดวางแต่ละคอนเทนต์ในช่วงเวลาและเลือกใช้วิธีที่เข้าถึงผู้ชมตามกลุ่มเป้าหมาย รวมไปถึงการจัดวางคอนเทนต์อย่างเหมาะสมให้เข้าถึงง่ายในแต่ละช่องทาง ดำเนินตามกลยุทธ์เก้าอี้ 4 ขาที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงจากปีก่อน ซึ่งทำให้ช่อง 8 แตกต่างจากช่องทีวีดิจิทัลอื่น เพราะเป็นช่องเดียวที่มีรายได้ทั้งจากการโฆษณา รายได้จาก RS Mall หรือธุรกิจคอมเมิร์ซของบริษัท รายได้จากการจัดอีเว้นท์ และรายได้จากการขายคอนเทนต์ สู่การทำรีเมคออริจินัล      คอนเทนต์ ทั้งการรับชมผ่านทาง Official account ของช่อง 8 เอง และผ่านพันธมิตรอื่นๆ ด้วย จากกลยุทธ์หลักที่เข้าถึงไลฟ์สไตล์ที่ถูกต้อง คาดว่าจะสร้างยอดการเข้าถึงผู้ชมในแต่ละช่องทางรวมกันมากกว่า 50 ล้านคน ณ สิ้นปี 2564 

COOLISM

มุ่งเน้นกลยุทธ์แม่น้ำ 3 สาย นำโดย COOLfahrenheit สถานีเพลงไทยสากลอันดับหนึ่งที่ผู้ฟังเหนียวแน่นทั้งบนออนแอร์และออนไลน์รวมกันกว่า 3.7 ล้านคน เจาะกลุ่มพรีเมียมแมสที่มีไลฟ์สไตล์ชัดเจนผ่านไลฟ์สไตล์การกิน เที่ยว ช้อปปิ้งออนไลน์ และชมอีเว้นท์ต่างๆ ขยายฐานสู่ Young Generation ผ่านการพาร์ทเนอร์กับออนไลน์แพลตฟอร์มอื่นๆ และธุรกิจ COOLive ที่ร่วมมือกับกลุ่มธุรกิจเพลง จัดคอนเสิร์ตและกิจกรรมตลอดทั้งปี เพื่อเชื่อมโยงลูกค้าทุกแพลตฟอร์ม รักษาเรตติ้งอันดับหนึ่ง นอกจากนี้ ยังต่อยอดโมเดล Entertainmerce ด้วยการพัฒนาเมนูช้อปปิ้ง COOLanything ทั้งบนแอปพลิเคชัน และเว็บไซต์เพื่อตอบโจทย์กลุ่มคนฟังให้ช้อปปิ้งและฟังเพลงไปพร้อมกับการคัดสรรสินค้าและโปรโมชั่นที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ผู้ฟัง COOLfahrenheit

RS Music

ยังคงให้ความสำคัญกับการบริหารลิขสิทธิ์คลังเพลงที่แข็งแรงและการกลับมาได้รับความสนใจอีกครั้งจนเกิดกระแส "โตมากับอาร์เอส" เน้นการเพิ่มมูลค่าจากโซเชียลมีเดียของแต่ละศิลปิน ทั้งศิลปินใหม่ 9 คนจาก 3 ค่ายเพลง รวมถึงศิลปินเดิมที่มีฐานผู้ฟังเหนียวแน่น พัฒนาขึ้นเป็น influencer จากไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง และต่อยอดสู่การเป็น business partner ตามโมเดล Music Star Commerce รวมไปถึงการจัดคอนเสิร์ตและอีเว้นท์ต่างๆ

3. ธุรกิจบริหารสินทรัพย์-สินเชื่อรายย่อย

ขณะที่ล่าสุดบริษัทได้ทำ Mergers and Acquisitions (M&A) กับบริษัท เชฎฐ์ เอเชีย ซึ่งเป็นการรุกเข้าสู่ธุรกิจ บริหารสินทรัพย์-สินเชื่อรายย่อย สร้างการเติบโตในแนวราบ จากภาวะแนวโน้มเศรษฐกิจในปัจจุบัน จำนวนหนี้ด้อยคุณภาพมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น บริษัทฯ จึงมองเห็นโอกาสในการต่อยอดโมเดลธุรกิจ Entertainmerce โดยใช้โอกาสนี้ในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มธุรกิจของอาร์เอส และร่วมมือกันเสริมศักยภาพกลุ่มบริษัทเชฎฐ์ให้เทียบเท่าบริษัทชั้นนำในตลาดหลักทรัพย์ฯ และปูทางเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้อย่างรวดเร็ว เพื่อเร่งการระดมทุนและจะช่วยสนับสนุนทำให้กลุ่มบริษัทเชฎฐ์ ก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนี้ภายใน 2 ปี ซึ่งกลุ่มบริษัทเชฎฐ์จะกลายเป็นบริษัทที่มีความโดดเด่นและแตกต่างโดยใช้กลยุทธ์ Entertainmerce ของ RS เข้าไปสนับสนุน และเชื่อว่า RS Group และ กลุ่มบริษัทเชฎฐ์ จะเติบโตไปด้วยกันอย่างแข็งแกร่ง

พร้อมกันนี้บริษัทจะนำโซลูชั่นใหม่ๆ เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความหลากหลายในธุรกิจ Commerce ของบริษัทได้ และภายในระยะ 2-3 ปีข้างหน้า (2565-2566) บริษัทก็มีแผนนำ บริษัท เชฎฐ์ เอเชีย เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งระหว่างนี้บริษัท เชฎฐ์ เอเชีย จะต้องทำการปรับโครงสร้างธุรกิจเพื่อเตรียมความพร้อมตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ก่อน 

'เรายังคงมองหาพารท์เนอร์ทางธุรกิจเพื่อเข้าซื้อหุ้นเพิ่มอีก 1 - 2 ดีลภายในปีนี้ เพื่อต่อยอดจากโมเดลธุรกิจ Entertainmerce และทำให้ Ecosystem ของอาร์เอส กรุ๊ป ขยายตัวอย่างไม่สิ้นสุด จากกลยุทธ์ทั้งหมดในปี 2564 พร้อมกับการรุกเข้าสู่ธุรกิจใหม่ๆ จึงเชื่อมั่นว่า RS Group จะมีรายได้รวม ทะลุ 5,700 ล้านบาทได้อย่างแน่นอน ' คุณสุรชัย กล่าว

คุณสุรชัย กล่าวเสริมว่า อย่างไรก็ตามธุรกิจหลัก (CORE BUSINESS) ของ RS Group ยังคงเป็นธุรกิจบันเทิงและมีเดีย ถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะมีการแข่งขันที่สูง แต่บริษัทยังมองว่ามีโอกาสที่เติบโต จากกลยุทธ์ต่างๆที่ได้กล่าวไปข้างต้น และที่สำคัญบริษัทมีจุดแข็งทางธุรกิจที่แตกต่างจากผู้เล่นรายอื่นๆ




ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

'บ้านปู' ประกาศกลยุทธ์ใหม่ Energy Symphonics เตรียมมุ่งสู่ปี 2030 เปลี่ยนผ่านพลังงานอย่างยั่งยืน พร้อมเป้าหมาย Net Zero ในปี 2050

บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านพลังงานที่หลากหลาย ประกาศกลยุทธ์ใหม่ 'Energy Symphonics' หรือ “เอเนอร์จี ซิมโฟนิกส์” เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจสู่ปี 2030 เน้นการเปลี่ยนผ่านพลังงานอ...

Responsive image

Google เผยเศรษฐกิจดิจิทัลไทย โตอันดับ 2 ใน SEA มูลค่า 1.61 ล้านล้านบาท ขับเคลื่อนด้วยอีคอมเมิร์ซและการท่องเที่ยวเป็นหลัก

เศรษฐกิจดิจิทัลไทยกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว คาดว่าในปี 2567 มูลค่ารวมของสินค้าดิจิทัลหรือ GMV จะเพิ่มขึ้นถึง 4.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.61 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2566...

Responsive image

AMD ประกาศลดพนักงาน ราว 1,000 คนทั่วโลก หวังเร่งเครื่องสู่ตลาดชิป AI

AMD ผู้ผลิตชิปรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก ประกาศแผนปรับโครงสร้างองค์กรครั้งสำคัญ โดยจะปลดพนักงานประมาณ 1,000 คน หรือคิดเป็น 4% ของพนักงานทั้งหมด 26,000 คนตามข้อมูลที่บริษัทยื่นต่อสำนักง...