เปิดกลยุทธ์ 3 ปีของตลาดทุนไทย กับบริบทใหม่ในยุค Disruption | Techsauce

เปิดกลยุทธ์ 3 ปีของตลาดทุนไทย กับบริบทใหม่ในยุค Disruption

Disruption ในทุกวันนี้ต้องบอกว่าคงไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องของ Digital เพียงอย่างเดียวแล้ว แต่รวมถึงเรื่องอื่นๆ รอบด้านที่จะมามีผลทำให้การดำเนินธุรกิจแบบเดิมต้องมีการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นในบริบทของตลาดทุน หรือ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเองก็เช่นเดียวกันที่จะต้องมีการวางกลยุทธ์ในการดำเนินงานให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของโลกในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นด้านของการระดมทุน การลงทุน และ Ecosystem ในการเชื่อมโยงระดับภูมิภาค 

ดร.ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันโลกมีพลวัตการเปลี่ยนแปลงที่ต้องเตรียมพร้อมรับมืออย่างต่อเนื่อง ทั้งสถานการณ์ต่างประเทศ ในประเทศ และการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอย่างก้าวกระโดด 

ในปี 2563 เป็นปีที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ดำเนินงานมาครบ 45 ปี จึงมุ่งเน้นการเติบโตแบบ Inclusive Well-being สร้างการเติบโตไปพร้อมกันทั้งตลาดทุน สังคม และประเทศชาติ อย่างมีสมดุล มีคุณภาพและยั่งยืนในระยะยาวเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของคนไทย เพื่อให้ทุกภาคส่วนสามารถก้าวข้ามผ่านช่วงของการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี และความผันผวนในเวทีโลกที่ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและสังคม

พัฒนาการที่สำคัญและความสำเร็จของตลาดทุนไทยในปี 2562

Market Productivity

• สภาพคล่องครองอันดับหนึ่งติดต่อกันตั้งแต่ปี 2555 ในภูมิภาคอาเซียน มูลค่าซื้อขายต่อวัน 53,192 ล้านบาท (ณ วันที่ 28 พ.ค. 62 มีการซื้อขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2 แสนล้านบาทต่อวัน) ขณะที่ TFEX มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันกว่า 4.3 แสนสัญญา เป็นอันดับ 26 ของโลก

• มีมูลค่า IPO 3.8 แสนล้านบาท สูงสุดอาเซียน โดย AWC เป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีมูลค่าระดมทุนใหญ่ที่สุดเป็นประวัติการณ์ของไทย และเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีการระดมทุนใหญ่ที่สุดในโลกในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา

• 40 บจ. ไทยได้รับคัดเลือกเข้าคำนวณในดัชนี MSCI Standard Index เพิ่มขึ้นสูงสุดในภูมิภาคอาเซียน โดยเพิ่มขึ้น 4 บจ. จากปีก่อนหน้า โดยมีน้ำหนักการลงทุนเพิ่มเป็น 3.43% จาก 2.65% มากที่สุดเป็นประวัติการณ์

• ยกระดับการให้บริการและปรับกฎเกณฑ์ ร่วมกับ ก.ล.ต. One-stop service, การลดขั้นตอนการออก DW และการปรับปรุงกฎเกณฑ์ต่าง ๆ

Global Synergy

• เชื่อมโยงสินค้าและบริการซื้อขายกองทุนกับต่างประเทศ เช่น การออก DW Hang Seng และ ความร่วมมือระหว่าง FundConnext ร่วมกับ Clearstream

• ร่วมมือกับตลาดหลักทรัพย์อื่นและองค์กรในต่างประเทศ เช่น การจัดทำเว็บไซต์ ASEAN Exchanges website ใหม่, การแลกเปลี่ยนความร่วมมือกับตลาดหลักทรัพย์ใน Shenzhen และ Stuttgart รวมถึงความร่วมมืออย่างต่อเนื่องกับภาคตลาดทุนใน CLMV และ IFC (International Finance Corporation)

• สร้าง global recognition ผ่านกิจกรรม “Embassy @ SET” มีทูตกว่า 30 ประเทศเข้าร่วม และเป็นเจ้าภาพจัดงาน AFSF (Asia Fund Standardization Forum) และ AOSEF (Asian and Oceanian Stock Exchanges Federation)

Social Sustainability

• 20 บริษัทจดทะเบียนไทยได้รับคัดเลือกเข้าคำนวณในดัชนี Dow Jones Sustainability Indices (DJSI) สูงสุดในภูมิภาคอาเซียน โดยมี 7 บริษัท ได้คะแนนสูงสุดเป็นที่ 1 ของโลก

• ส่งเสริมบริษัทจดทะเบียนลดภาวะโลกร้อน ด้วยโครงการ Care the Whale “ขยะล่องหน” โครงการต่อเนื่องจากลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกผ่านโครงการ Care the Bear

• ร่วมขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อสังคม (Social Enterprises) ผ่านโครงการ SET Social Impact Day: สร้างจุดเชื่อมต่อการทำงานเพื่อความยั่งยืนกับภาคธุรกิจ

• ร่วมแก้ไขปัญหาทางสังคมร่วมกับองค์กรระหว่างประเทศ เช่น IOSCO และ WFE สร้างความรู้ทางการเงินผ่านโครงการ “Ring the Bell for Financial Literacy”

บริบทใหม่ของตลาดทุน 

การระดมทุน :  การเข้าถึงแหล่งทุนละพัฒนาศักยภาพ startups & SMEs โดยแบบเดิมจะเน้นการระดมทุนของบริษัทขนาดใหญ่ ระดมทุนเป็นเงินบาท และมักจะเป็น Traditional Assets แต่ในอนาคตจะเปิดโอกาสให้ Startups และ SMEs สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น รวมถึงสามารถระดมทุนเป็นเงินสกุลต่างชาติได้ และจะเพิ่มในส่วน Digital Assets ให้มากขึ้น

การลงทุน : การพัฒนาสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ทั้งในแง่ของผู้ลงทุน สถาบันในประเทศ และต่างประเทศ โดยสำหรับผู้ลงทุนรายบุคคล จะเปลี่ยนแปลงจากช่องทางการลงทุนเชิงกายภาพ มาเป็น Online Based มากขึ้น ส่วนในแง่ของ Product จากเดิมที่อยู่ในรูปแบบของ Return และ Tax มามุ่งเน้นไปที่ Retirement และ Cross-border ส่วนในแง่ของวัตถุประสงค์ของการเข้าถึงจากเดิมที่มุ่งเน้นการออมและลงทุน ในอนาคตจะมุ่งเน้นการบริหารจัดการความมั่งคั่งตามไลฟ์สไตล์มากขึ้น (Life-style based wealth mgt.) ขณะที่สถาบันในประเทศ ที่เดิมทีในการมองหาโอกาสของการลงทุนมักจะเน้นการลงทุนที่มุ่งเน้นผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิงและมองขนาดของดัชนีเป็นหลัก (Passive & Size- based investment) ปรับมาเป็นการมุ่งเน้นไปที่ดัชนีความยั่งยืนเป็นหลัก (Thematic& sustainability indices) และสำหรับต่างประเทศ จากเดิมที่จะสามารถเข้าถึงด้วยการเน้นการลงทุนเชิงยุทธศาสตร์ (strategic investment) ในอนาคตก็จะมีการเพิ่มในส่วนของกิจกรรมจากโปรปฃแกรมการซื้อขายมากขึ้น (More activities from program trading)

Ecosystem : เชื่อมโยงภูมิภาค CLMV & ASEAN โดยก่อนหน้านี้เป็นการดำเนินงานที่ครอบคลุมในส่วนของสินทรัพย์ Securities เพียงอย่างเดียว ไม่ว่าจะเป็น สินทรัพย์ดั้งเดิม ได้แก่ ตราสารทุน ตราสารอนุพันธ์ การลงทุนในค่าเงิน สินค้าโภคภัณฑ์ สินทรัพย์ทางเลือก ได้แก่ อสังหาริมทรัพย์ Private Equity Hedge Funds และโครงสร้างพื้นฐาน แต่ในระยะต่อไปจะดำเนินงานให้ครอบคลุมในส่วนที่เป็น Non-Securities เพิ่มขึ้นด้วย โดยจะเป็นการ Discover สินทรัพย์ประเภทใหม่ เพื่อโอกาสการลงทุน คือ Non-Asset Backed ได้แก่ Crypto Currencies และ Utility Tokens ขณะที่ส่วนที่เป็น Securities จะมีการปรับมาเป็นการ Explore แพลตฟอร์มรูปแบบใหม่ คือ Asset Backed ได้แก่ Stable Coins และ Securities Tokens 

ความเปลีี่ยนแปลงที่ตลาดหลักทรัพย์ฯต้องรับมือ

  • นโยบายภาครัฐและกฎเกณฑ์ใหม่ ๆ  : ทั้งในส่วนของนโยบายรัฐที่มีต่อ SMEs & Startups , Financial Literacy , Digital Infrastructure และบทบาทของกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (CMDF) และนโยบายที่จะต้องทำอย่างต่อเนื่องที่เกี่ยวข้องกับผู้เล่นรายใหม่ และแพลตฟอร์มซื้อขายหลักทรัพย์รูปแบบใหม่ 

  • การเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมตลาดทุนโลก : กฎเกณฑ์สากล (MiFID : Markets in Financial Instruments Directive ,GDPR :General Data Protection Regulation) การฃะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ขณะที่สิ่งที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง ได้แก่ กฎเกณฑ์ แนวปฏิบัติ Cybersecurity VUCA และความยั่งยืน 

  • Disruption : การนำเทคโนโลยีมาพัฒนากระบวนการทำงาน และโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพ

  • สภาพแวดล้อมของผู้ที่เกี่ยวข้องในตลาดทุน  : ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์เพื่อการลงทุน (FX,hedging & passive products) , Algo trading / High Frequency Trading ขณะที่สิ่งที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง  ได้แก่ การแข่งขันที่รุนแรง ต้นทุนการดำเนินงานและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สูง และสังคมผู้สูงอายุ

Strategic Direction 2020-2022 

 Creating Partnership Platform to Drive Inclusive Growth

1) เติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ (Grow with Efficiency) ปรับรูปแบบการทำงานและขยายธุรกิจด้วยการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อสร้างการเติบโตไปพร้อมกันได้อย่างมีคุณภาพ ขณะเดียวกันยังคงมุ่งเน้นลดความซ้ำซ้อนของกระบวนการและกฎเกณฑ์ต่างๆ และการให้บริการในรูปแบบ One-Stop Service แก่บริษัทจดทะเบียน รวมทั้งการนำข้อมูล (data) มาวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้าเพื่อพัฒนาสินค้าและบริการให้ตรงตามความต้องการ รวมถึงสร้างฐานข้อมูลที่ให้อุตสาหกรรมได้นำไปใช้ต่อยอดและประโยชน์ร่วมกัน

2) เติบโตด้วยการสร้างโอกาสใหม่ (Grow with New Opportunities) ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยจะมุ่งเน้นความเชื่อมโยงกับตลาดทุนในกลุ่ม CLMV ได้แก่ กัมพูชา ลาว เมียนม่า และเวียดนาม รวมทั้ง การขยายโอกาสการระดมทุนของธุรกิจขนาดกลางและเล็ก (SMEs) รวมถึงสตาร์ทอัพ (Startups)

3) เติบโตไปด้วยกันกับผู้ร่วมตลาดและสังคมอย่างยั่งยืน (Grow with Stakeholders & Sustainable Society) ปรับปรุงกฎเกณฑ์ส่งเสริมการดำเนินธุรกิจให้ง่ายและสะดวกมากขึ้น (Ease of Doing Business) และการคุ้มครองผู้ลงทุน พร้อมสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อให้ผู้ร่วมตลาดได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน ลดต้นทุนการทำธุรกิจให้แก่อุตสาหกรรม การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและแพลตฟอร์มกลางของตลาดทุน และการเสริมความปลอดภัยทางไซเบอร์ การสร้างช่องทางใหมในการลงทุนให้สะดวกมากขึ้น รวมถึงการส่งเสริมให้บริษัทจดทะเบียนดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน และสร้างผลลัพธ์ทางสังคม (Social Impact) เพื่อสร้างการเติบโตอย่างสมดุลและมีคุณภาพ พร้อมปรับแนวทางการพัฒนาความรู้การออมและการลงทุนภาคประชาชน และพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการในทุกมิติ

 


ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

จีนตรวจสอบนโยบาย Apple ต่อต้านการผูกขาดบน App Store เหตุเก็บค่าธรรมเนียมนักพัฒนาสูงถึง 30%

รัฐบาลจีนกำลังเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบบริษัทเทคโนโลยีต่างชาติ โดยล่าสุด Apple เตรียมถูกตรวจสอบจากเรื่องค่าธรรมเนียมที่สูงเกินไปและการจำกัดการแข่งขันใน App Store...

Responsive image

กล้องโทรทรรศน์ตรวจพบ Monster Radio Jet ที่เปล่งออกมาจาก Quasar ในยุคแรกของจักรวาล

นักดาราศาสตร์พบ Monster Radio Jet จาก Quasar ที่เกิดขึ้นตั้งแต่จักรวาลยุคแรก สัญญาณพลังงานที่เดินทางมานานกว่า 13,000 ล้านปี อาจเป็นกุญแจไขความลับ จุดกำเนิดของจักรวาล และวิวัฒนาการข...

Responsive image

Amazon ประกาศเพิ่มงบ 3.4 ล้านล้านบาท เร่งลงทุน AI หวังคว้า "โอกาสทอง"

Amazon ประกาศ เพิ่มงบลงทุนเป็น 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3.4 ล้านล้านบาท) ในปี 2025 ซึ่งสูงกว่าปีที่แล้วที่ใช้ไป 8.3 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยเน้นหนักไปที่ AI และโครงสร้างพื้นฐานด้า...