ธนาคารกลางของฮ่องกงและสิงคโปร์อย่าง Hong Kong Monetary Authority (HKMA) และ The Monetary Authority of Singapore (MAS) ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือเพื่อร่วมดำเนินการด้าน Fintech โดยความร่วมมือนี้จะยังรวมไปถึงเรื่อง Blockchain และการพัฒนาด้าน Fintech ด้านอื่น ๆ ในอนาคตด้วย

ความร่วมมือครั้งนี้เด่นชัดตรงนี้เป็นความร่วมมือจากประเทศที่อยู่ใกล้เคียงกัน โดยภาพเดิมที่เราคุ้นตา คือสองเมืองดังกล่าวมักจะแข่งกันเป็นเจ้าแห่งด้านการเงิน ปัจจุบันทั้งสองปรับตัวเข้าหากันมากขึ้น เปลี่ยนจากคู่แข่งกลายมาเป็นพันธมิตรกันมากขึ้น

“โดยปกติแล้วเราจะมีศูนย์กลางทางการเงิน และมีการเปรียบเทียบระหว่างสิงคโปร์และฮ่องกง แต่เมื่อโลกของ Fintech มาถึง เราต้องยอมรับว่าเราต้องมีความร่วมมือระหว่างหน่วยงานกำกับดูแลต่าง ๆ ให้มากขึ้น” Roy Teo หัวหน้าฝ่ายพัฒนาศูนย์กลางทางการเงินของ MAS กล่าวในแถลงการณ์

ยิ่งไปกว่านั้น ความร่วมมือระหว่างสองหน่วยงานด้านการเงินครั้งแรกนี้จะทำงานข้ามพรมแดนผ่านเทคโนโลยี Blockchain โดยขณะนี้โครงการดังกล่าวยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดอย่างชัดเจน แต่ก็นับว่าความร่วมมือครั้งนี้เป็นโครงการที่ใหญ่มาก

“นี่เป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่ชัดเจนในเรื่องความร่วมมือด้าน Fintech ซึ่งจะทำให้เรื่องการเงินและการแลกเปลี่ยนเงินระหว่างสิงคโปร์และฮ่องกงเกิดการเชื่อมโยงกันอย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น เราดีใจเป็นอย่างยิ่งที่โครงการล่าสุดที่เกิดขึ้น เพราะมันจะช่วยปรับปรุงเส้นทางการเงินระหว่างสองสถาบันการเงินให้ดียิ่งขึ้น” Ravi Menon กรรมการผู้จัดการ MAS ระบุ

โดยระหว่างงานเปิดตัว Fintech day ของ HKMA ในฮ่องกง ยังได้ถือเอาข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของ Hong Kong Fintech Week อีกด้วย โดยคาดการณ์ว่ามีผู้บริหารเข้าร่วมงานนับ 3,000 คน นอกจากนี้สิงคโปร์กำลังเตรียมเปิดตัวงาน Fintech festival ของตัวเองด้วย โดยคาดการณ์ว่าในงานจะมีการเปิดเผยแผนความร่วมมือในเชิงเทคนิคเฟสที่ 2 ด้วย

“ฮ่องกงและสิงคโปร์ต่างเป็นผู้นำด้านศูนย์กลางทางการเงินระดับโลกในแถบภูมิภาคนี้และเรากำลังจะเริ่มใช้ Fintech อย่างจริงจัง ซึ่งความร่วมมือระหว่างสองหน่วยงานอย่าง HKMA และ MAS กำลังสร้างความร่วมมือครั้งสำคัญสำหรับการพัฒนา Fintech ในครั้งนี้ จะทำให้กระแสเงินทุนระหว่างสองประเทศเคลื่อนไหวอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น” Norman Chan ประธานผู้บริหารธนาคารกลางของ Hong Kong กล่าว

นับตั้งแต่ Fintech มีความแข็งแกร่งขึ้นจากเทคโนโลยี Blockchain การรุกคืบครั้งนี้นับเป็นผลดีเพราะจะช่วยลดความเสียหายจากข้อผิดพลาดต่าง ๆ รวมไปถึงการหลอกลวงในการระดมทุนได้นับหลายพันล้านดอลลาร์

ที่มาจาก Coinpedia ภาพจาก Wikimedia