Tesla ได้เปรียบจากราคาน้ำมันแพง ยอดสั่งซื้อรถ EV เพิ่มขึ้น 100% | Techsauce

Tesla ได้เปรียบจากราคาน้ำมันแพง ยอดสั่งซื้อรถ EV เพิ่มขึ้น 100%

ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ส่งผลให้ราคาน้ำมันทั่วโลกเพิ่มขึ้น แต่ Tesla ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ายืนยันว่ามีคำสั่งซื้อรถเพิ่มขึ้นประมาณ 100%

tesla

ตามรายงานล่าสุดของบริษัท Tesla ซึ่งเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกได้ยืนยันว่ามีคำสั่งซื้อรถ EV ทั้งในรุ่น Model Y, Model 3 และ Model S ในสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้น ขณะที่ราคาน้ำมันดิบปัจจุบันมีราคาประมาณ 106 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หลังปธน. Joe Biden ประกาศห้ามการนำเข้าพลังงานจากรัสเซียรวมทั้งน้ำมันดิบด้วย ยอดสั่งจองรถที่เพิ่มขึ้นนี้สะท้อนแนวโน้มว่าผู้บริโภคกำลังหาทางเลือกที่ประหยัดสำหรับยานพาหนะ และแน่นอนว่า Tesla ยังคงเป็นผู้ผลิตรถ EV ที่ครองส่วนแบ่งในตลาดมากที่สุด แต่ขณะเดียวกัน Tesla ก็ยังต้องแก้ปัญหาที่มีมาข้ามปีให้ได้เนื่องจากยังไม่สามารถผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้เพียงพอกับความต้องการจากการสั่งจองที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากอุปสงค์รถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกยังคงเติบโต และส่งผลให้ราคาหุ้นและอุตสาหกรรมเหมืองลิเธียมยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องไปด้วย

เป็นที่น่าจับตามองว่า ปัญหาการขาดแคลนน้ำมันนี้ อาจจะส่งผลกระทบให้ราคาเชื้อเพลิงสูงขึ้นไปอีกระยะหนึ่ง นี่อาจจะเป็นปัจจัยเร่งรัดที่ทำให้รถ EV มีความนิยมจนทดแทนรถยนต์ที่ใช้น้ำมันได้อย่างสมบูรณ์

อ้างอิงจาก Techtimes

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ไม่ยอมขายแอป ก็โดนแบน สหรัฐฯ จ่อแบน TikTok หวั่นเป็นภัยความมั่นคงชาติ

สหรัฐฯ ผ่านกฎหมายแบน TikTok แล้ว บังคับบริษัทแม่ ByteDance ต้องขายแอปภายใน 1 ปี มิฉะนั้นจะถูกแบนในสหรัฐฯ ด้านซีอีโอ TikTok ประกาศกร้าว พร้อมท้าทายกฎหมาย ไม่ไปไหนทั้งนั้น...

Responsive image

KBank ผนึก J.P. Morgan เปิดโปรเจกต์ Carina ใช้บล็อกเชน ลดเวลาทำธุรกรรมจาก 72 ชั่วโมงเหลือ 5 นาที

Kbank ร่วมกับ J.P. Morgan Chase Bank เปิดตัวโปรเจคต์นวัตกรรมคารินา (Carina) ลดระยะเวลาการทำธุรกรรม จากที่ใช้เวลา 72 ชั่วโมงเหลือเพียงแค่ 5 นาที...

Responsive image

Apple Vision Pro ขายไม่ดีอย่างที่คิด Apple ลดคาดการณ์ยอดขายกว่าครึ่ง ปรับแผนใหม่

Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์สาย Apple เผยว่า Apple ได้ลดตัวเลขยอดขาย Apple Vision Pro ในปีนี้เหลือเพียง 400-450,000 เครื่องเท่านั้น ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ (มากกว่า 700–800,000 เครื่อง)...