Uber ประเทศไทย จับมือกับ บริษัท โฮวา อินเตอร์เนชั่ลแนล จำกัด ผู้ดำเนินกิจการสหกรณ์แท็กซี่สุวรรณภูมิ เปิดตัวบริการใหม่ในชื่อ uberTAXI เป็นประเทศที่ 7 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เริ่มให้บริการจริง 19 ธันวาคม นี้ เผยดึงทรัพยากรที่มีอยู่มาให้บริการเพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้บริโภคยุคปัจจุบัน
หลังจากก่อนหน้านี้ Uber มีบริการ uberTAXI ในประเทศแถบภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ได้แก่ มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, พม่า, ไต้หวัน, กัมพูชา และ สิงคโปร์ ล่าสุดวันนี้ทาง Uber ประเทศไทยเปิดตัวบริการดังกล่าวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย โดยร่วมมือกับบริษัท โฮวา อินเตอร์เนชั่ลแนล จำกัด ผู้ดำเนินกิจการสหกรณ์แท็กซี่สุวรรณภูมิ
โดยเราบริการนี้ จะสามารถใช้ผ่านแอพพลิเคชั่น Uber ได้ตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม 2560 เป็นต้นไป โดยเริ่มนำร่องให้บริการในกรุงเทพฯ ก่อนเป็นที่แรก
ซึ่งค่าโดยสารจะคำนวณอิงจากระยะทางและเวลาที่ใช้เดินทางจริง รวมกับการปรับราคาตามปริมาณความต้องการของผู้ใช้ในเวลานั้น ๆ โดยผู้โดยสารจะสามารถเห็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางโดยประมาณได้ตั้งแต่ก่อนเรียกรถ และสามารถตรวจสอบค่าโดยสารจริงหลังการเดินทางได้จากเมนู 'การเดินทาง' ในแอพ ทั้งนี้ ซึ่งแท็กซี่จะไม่สามารถคิดค่าบริการเกินจากที่แอปกำหนดได้ ผู้โดยสารสามารถเลือกการชำระเงินได้ทั้งเงินสดหรือบัตรเครดิตก็ได้
คุณหัสดินทร์ เอี่ยมชีรางกูร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮวา อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยว่าทาง Howa มีเพื่อนสมาชิกแท็กซี่ที่ขึ้นทะเบียนอยู่ประมาณ 4,000 คันในกรุงเทพ ต่างให้ตอบรับเป็นอย่างดีกับการเข้าร่วมกับ Uber ในครั้งนี้
เชื่อว่าการให้ร่วมมือกับ Uber เพื่อให้บริการแท็กซี่ในครั้งนี้จะช่วยให้เกิดผลดีต่อผู้บริโภคที่จะมีทางเลือกและความสะดวกมากขึ้น ส่วนด้านผู้ขับแท็กซี่ก็จะได้ลูกค้ามาขึ้นแท็กซี่มากขึ้น ส่งผลให้ดีให้ผู้ขับแท็กซี่มีรายได้มากขึ้นอีกด้วย ซึ่งเป็นผลดีต่อทุกฝ่าย
“การตัดสินใจร่วมเป็นพันธมิตรกับ Uber บริษัทเทคโนโลยีร่วมเดินทางระดับโลกจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการให้บริการของเราและสมาชิก Howa ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นกว่าเดิม พร้อมไปกับภาพลักษณ์ที่ดีให้กับสมาชิกแท็กซี่ในการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการทำงานอย่างชาญฉลาดอีกด้วย” คุณหัสดินกล่าว
ส่วนคุณศิริภา จึงสวัสดิ์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย Uber ระบุว่าการร่วมมือกับ Howa ในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากทุกภาคส่วน รวมไปถึงหน่วยงานรัฐที่สนับสนุนให้แท็กซี่มีการใช้เทคโนโลยีเพื่อช่วยให้คุณภาพชีวิตประชาชนดีขึ้น และมีการบริการที่ดีขึ้น โดย Uber มี Checklist คัดผู้ขับรถอย่างชัดเจน มีการตรวจสอบประวัติอาชญกรรมผู้ขับขี่ก่อนให้มาดำเนินการ รวมไปถึงมีการอบรมผู้ขับขี่เป็นระยะ ๆ
นอกจากนี้ Uber ยังยึดในข้อมูลที่เคยเผยว่าคนกรุงเทพเสียเวลาไปกับรถติดเฉลี่ย 24 วันต่อปี จึงมีเป้าหมายที่จะให้บริการร่วมเดินทางจากทรัพยากรที่มีอยู่แล้ว เพืื่อเป็นตัวเลือกให้ผู้บริโภคได้เลือกใช้ตามความเหมาะสม และเพื่อลดจำนวนรถบนท้องถนนให้ลดลงไป 60% จากจำนวนเดิม เพื่อปลดล็อคให้เมืองกรุงเทพเป็นเมืองที่รถติดน้อยลง จึงไม่ได้มองว่าการเปิดบริการอีกตัวขึ้นมาจะไปแข่งกับบริการเดิมที่ Uber มีอยู่ แต่เป็นทางเลือกให้ผู้บริโภค
“ตลอดระยะเวลา 3 ปี ที่ Uber เปิดให้บริการในเมืองไทย เรามีความเข้าใจตลาดและพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะขยายเครือข่าย Ride sharing ให้สามารถเข้าถึง และเอื้อประโยชน์ต่อทุกคนในระบบนิเวศด้านบริการการเดินทาง รวมถึงพยายามร่วมมือกับภาครัฐและทุกภาคส่วน ทำให้เราตัดสินใจเปิดบริการนี้ขึ้นในประเทศไทย เพราะเชื่อว่าบริการใหม่นี้จะส่งผลดีต่อเมือง พาร์ทเนอร์ร่วมขับ และผู้ร่วมนั่ง ในเรื่องความปลอดภัย สะดวกสบาย และเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ” คุณศิริภา กล่าว
“เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเทคโนโลยีของ Uber จะช่วยให้คนขับแท็กซี่สร้างรายได้มากยิ่งขึ้น โดยเราพร้อมจับมือกับแท็กซี่ทุกคัน ไม่ว่าจะเป็นแท็กซี่ส่วนบุคคลหรือแท็กซี่ภายใต้สหกรณ์ที่มีความสนใจและมีความตั้งใจในการให้บริการที่ดี เรายินดีที่จะสนับสนุนการยกระดับมาตรฐานการเดินทางในประเทศไทยต่อไป” คุณศิริภา กล่าวปิดท้าย
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด