การทำธุรกรรมทางการเงิน อีกหนึ่งตัววัดการเปลี่ยนผ่านของยุคสมัยจากอดีตสู่ปัจจุบันและบ่งบอกพฤติกรรมการใช้ชีวิตของมนุษย์ที่เกิดการเปลี่ยนเปลงแต่ละช่วงเวลาจากเทคโนโลยีด้านการเงินได้อย่างชัดเจน
คงปฎิเสธไม่ได้ว่าการชำระเงินในเเบบเดิมของคนไทยเริ่มมีการเปลี่ยนเเปลงมาตลอดหลายปีหลังจากเทคโนโลยี อย่าง Smart Phone, Social Media ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันที่มนุษย์ขาดไม่ได้
Visa หนึ่งในผู้ให้บริการด้านการชำระเงินในระดับโลก ที่ทำการสำรวจพฤติกรรมการทำธุรกรรมทางการเงินมาอย่างต่อเนื่องโดยมีเเนวคิดที่มองเห็นถึงการเปลี่ยนเเปลงของผู้บริโภคตลอดเวลาข้อมูลของผู้บริโภค ตั้งเเต่ข้อมูลพื้นฐาน ความต้องการ ไปจนถึงสถิติตัวเลขของคนที่หันมาชำระเงินเเบบ Cashless society ที่เปลี่ยนเเปลงทุกปี จากผลการสำรวจล่าสุดเกี่ยวกับการศึกษาเรื่องทัศนคติการชำระเงินของผู้บริโภคประจำปีของ Visa ล่าสุดนี้ได้สะท้อนให้เห็นว่ามากกว่าสี่ในห้าของคนไทยร้อยละ 82 ได้ลองใช้ชีวิตเเบบไร้เงินสดได้มากกว่าหนึ่งสัปดาห์ หรือ 8 วัน
สถานการณ์โรคระบาดที่เกิดขึ้นได้กระตุ้นให้ผู้บริโภคที่ไม่เคยใช้วิธีการชำระเงินแบบคอนแทคเลสหันมาทดลองแตะเพื่อจ่ายแทนเงินสดมากขึ้น โดยผู้บริโภคเลือกทดลองแตะเพื่อจ่ายผ่านสมาร์ทโฟนมากที่สุดเป็นอันดับแรกร้อยละ 26 ตามด้วยแตะเพื่อจ่ายผ่านบัตรคอนแทคเลส ร้อยละ 23 และสแกนจ่ายผ่านคิวอาร์โค้ดร้อยละ21
คุณสุริพงษ์ ตันติยานนท์ ผู้จัดการ VISA ประจำประเทศไทย กล่าวว่า “ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีจำนวนผู้บริโภคที่หันมาเลือกใช้วิธีการชำระเงินในรูปแบบดิจิทัลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมายิ่งเป็นเสมือนตัวเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้น ซึ่งปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนพร้อมกันทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยด้วยเช่นกัน เราเชื่อว่าพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคจะเปลี่ยนไปอย่างถาวร”
จากการคาดการณ์ถึงรูปแบบการชำระเงินของประเทศไทยว่าจะเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ สังคมไร้เงินสด หรือ Cashless society ได้อย่างเต็มรูปแบบในปีไหน จากผลสำรวจก่อนการเเพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 ทำให้เราเห็นว่าคนส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ประเทศไทยจะปรับพฤติกรรมการชำระเงินเข้าสู่ Cashless society เเบบเต็มรูปแบบในปี 2030
เเต่ปัจจุบันเมื่อเกิดเหตุการเเพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 จากผลการสำรวจใหม่ในด่านความคิดเห็นของผู้บริโภคพบว่าคนส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ประเทศไทยจะเข้าสู่ Cashless society เเบบเต็มรูปแบบในปี 2026 ซึ่งเร็วขึ้นถึง 4 ปี โดยมีเหตุผลข้อดีของ Cashless society เข้ามาสนับสนุน ดังนี้
โดยผู้บริโภคชาวไทยรับรู้และคุ้นเคยกับการชำระเงินผ่านคิวอาร์โค้ดมากที่สุดร้อยละ 94 ตามด้วยวิธีการชำระเงินแบบแตะเพื่อจ่ายผ่านสมาร์ทโฟนร้อยละ 92 และการแตะเพื่อจ่ายผ่านบัตรคอนแทคเลสร้อยละ 89 ส่วนในด้านของการใช้งานจริงนั้น 45 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ทำแบบสอบถามเลือกชำระเงินแบบแตะเพื่อจ่ายผ่านสมาร์ทโฟนมากที่สุด ตามมาด้วยการสแกนชำระผ่านคิวอาร์โค้ดร้อยละ 42 และแตะเพื่อจ่ายผ่านบัตรคอนแทคเลสร้อยละ 41
ผู้บริโภคชาวไทยเชื่อว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดที่เกิดขึ้นเป็นเสมือนตัวเร่งให้ประเทศก้าวสู่สังคมไร้เงินสดเร็วขึ้นเพราะนวัตกรรมด้านการชำระเงินเข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างมากในการดำเนินชีวิตประจำวันของผู้บริโภค ในสถานการณ์ปัจจุบัน
“ปีนี้จะเป็นปีแห่งการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจภายใต้กระแสของความไม่แน่นอน ในขณะที่ผู้บริโภคต่างปรับตัวเข้าหาเทคโนโลยีการชำระเงินดิจิทัลรูปแบบใหม่ๆ เหล่าร้านค้าและภาคธุรกิจต่างต้องก้าวให้ทันตามความต้องการของและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป สำหรับ VISA เราจะยังมุ่งมั่นพัฒนาและร่วมมือกับทุกภาคส่วนในระบบนิเวศการชำระเงินเพื่อช่วยให้ประเทศไทยสามารถเดินหน้าตามแผนการฟื้นฟู และเติบโตต่อไปในอนาคต” สุริพงษ์ กล่าวสรุป
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด