หลังจากที่ WeWork ล้มเหลวกับการพยายามยื่น IPO ที่นำมาสู่การจมดิ่งทางมูลค่า จนกระทั่งส่อแววล้มละลาย ล่าสุด WeWork ได้ออกมาคอนเฟิร์มข่าวเรื่องการเลิกจ้างพนักงานกว่า 2,400 ตำแหน่ง ตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยคิดเป็นประมาณ 20% ของจำนวนพนักงานทั้งหมด
ตัวแทนของ WeWork กล่าวในแถลงการว่า "เรามีความจำเป็นที่ต้องเลิกจ้างพนักงานบางส่วนเพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น และสอดรับกับทิศทางใหม่ของธุรกิจเรา"
"เราเริ่มดำเนินการในหลายภูมิภาคทั่วโลกไปแล้วตั้งแต่อาทิตย์ก่อน และกำลังดำเนินการในอเมริกาช่วงอาทิตย์นี้ ซึ่งโดยรวมแล้ว เราเลิกจ้างพนักงานทั้งหมดประมาณ 2,400 คนจากทั่วโลก ซึ่งทุกคนจะได้รับค่าชดเชย สิทธิพิเศษ และความช่วยเหลือระหว่างเปลี่ยนผ่านงานอย่างเต็มที่ พนักงานเหล่านี้มีความเชี่ยวชาญและเป็นมืออาชีพมาก เรารู้สึกขอบคุณสำหรับทุกสิ่งที่ทุกคนได้สร้างสรรค์ให้ WeWork ตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา"
Marcelo Cluare ประธานบริษัท WeWork คนปัจจุบัน กล่าวในจดหมายที่ส่งถึงพนักงานทุกคนว่า คนที่ถูกเลิกจ้างส่วนใหญ่คือผู้ที่ทำงานในส่วนที่ไม่ได้ตอบโจทย์เป้าหมายหลักทางธุรกิจของ WeWork ในอนาคต โดย CNBC รายงานว่า พนักงานได้รับค่าชดเชยเป็นเงินจำนวน 4 เดือนด้วยกัน
ก่อนหน้านี้ WeWork ในฐานะยูนิคอร์นมีมูลค่าสูงถึง 47,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือเป็น startup ที่มูลค่าสูงสุดในอเมริกา แต่การยื่น IPO กลับเผยรายละเอียดรายรับรายจ่าย กำไร ขาดทุนของบริษัท จนทำให้เกิดความไม่เชื่อมั่นในผู้บริหารและ business model ของ WeWork ขึ้นมา
SoftBank หนึ่งในผู้ลงทุนหลักใน WeWork ได้ออกเงิน 9.5 พันล้านดอลลาร์ เพื่อซื้อหุ้นของ WeWork และจ่ายให้กับ Adam Neumann อดีต CEO และผู้ก่อตั้งของ WeWork ไป 1.7 พันล้านดอลลาร์ แลกกับการให้เขาออกจากตำแหน่ง
แม้ดูท่าจะลำบาก แต่ SoftBank ที่ตอนนี้ถือหุ้นกว่า 80% ของบริษัท ก็กำลังพยายามต่อสู้ให้บริษัทกลับมาทำกำไรให้ได้ ซึ่งนั้นก็หมายถึงค่าใช้จ่ายอันมหาศาลเพื่ออุ้มตำแหน่งงานหลายพันตำแหน่งทั่วโลกด้วยเช่นกัน
อ้างอิง Business Insider
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด