ชายผู้มาเปลี่ยนโลก! แปลง ‘พลาสติก’ เป็น ’น้ำมัน’ สู่เชื้อเพลิงสำหรับรถและเครื่องบิน

แปลง ‘พลาสติก’ เป็น ’น้ำมัน’ สู่เชื้อเพลิงสำหรับรถและเครื่องบิน

“สำหรับผม ขยะพลาสติกไม่มีอยู่จริง มีแค่พลังงานที่ยังไม่ถูกนำมาใช้” นี่คือแนวคิดของ จูเลียน บราวน์ เด็กหนุ่มวัย 22 ที่กำลังเปลี่ยนขยะพลาสติกให้กลายเป็นน้ำมัน

โลกที่ไม่มีขยะพลาสติกอาจฟังดูเป็นเรื่องที่เพ้อฝัน แต่สำหรับ จูเลียน บราวน์ นี่คือเป้าหมายที่เป็นไปได้ เขาจึงได้คิดค้นวิธีเปลี่ยนขยะให้เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงชนิดใหม่ที่ชื่อว่า “พลาสโทลีน” (Plastoline) เชื้อเพลิงรูปแบบใหม่ที่สามารถนำไปกลั่นต่อเป็น น้ำมันเบนซิน, น้ำมันเครื่องบิน, หรือดีเซล ซึ่งทั้งหมดนี้ใช้ “ขยะพลาสติก” เป็นวัตถุดิบ

ไอเดียเบื้องหลังคือการใช้เทคนิค "Microwave Pyrolysis" หรือการใช้คลื่นไมโครเวฟในสภาวะไร้ออกซิเจนเพื่อสลายขยะพลาสติก โดยมีพลังงานแสงอาทิตย์เป็นแหล่งพลังงานหลัก 

จุดเริ่มต้นของนวัตกรรมเปลี่ยนโลก

รื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นเมื่อ จูเลียน บราวน์ ยังเป็นนักเรียนมัธยมปลาย เขาประสบอุบัติเหตุที่มือจนไม่สามารถทำกิจกรรมที่ชอบได้เหมือนเดิม เขาจึงเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสโดยหันมาทุ่มเทให้กับการคิดค้นนวัตกรรม

เขาได้เริ่มศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับกระบวนการที่เรียกว่า ‘ไพโรไลซิส’ (Pyrolysis) ซึ่งคือการใช้ความร้อนสูงเพื่อสลายโมเลกุลของสสารในสภาวะที่ไม่มีออกซิเจน โดยทั่วไปกระบวนการนี้มักใช้ความร้อนจากเปลวไฟ แต่เขาต้องการแนวทางที่มีประสิทธิภาพมากกว่านั้น เขาจึงเกิดความคิดที่จะนำ ‘คลื่นไมโครเวฟ’ มาประยุกต์ใช้เป็นแหล่งพลังงานความร้อนแทน

จากแนวคิดนี้ เขาได้เริ่มต้นเส้นทางการพัฒนาเตาปฏิกรณ์ต้นแบบ ซึ่งผ่านการลองผิดลองถูกมาแล้วหลายรุ่น:

  • Mark I: เป็นเตาปฏิกรณ์เครื่องแรกที่พิสูจน์แนวคิดของเขา แต่ยังคงมีปัญหาเรื่องการรั่วไหลของสาร
  • Mark II: ถูกสร้างขึ้นเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องเรื่องการรั่วไหลที่พบในรุ่นแรก
  • Mark III: แม้จะมีปัญหาด้านการออกแบบที่ทำให้อายุการใช้งานสั้น แต่การออกแบบรูปทรงแนวนอนของมันได้กลายเป็นกุญแจสำคัญสำหรับการพัฒนารุ่นต่อไป
  • Mark IV: เตาปฏิกรณ์รุ่นนี้ประสบความสำเร็จตามความคาดหวังของบราวน์ ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และเป็นต้นแบบที่แข็งแกร่งพอที่จะนำไปขยายขนาดเพื่อการผลิตในระดับที่ใหญ่ขึ้นได้
  • Mark V: ปัจจุบัน บราวน์กำลังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาเตาปฏิกรณ์ไมโครเวฟไพโรไลซิส Mark V ซึ่งคาดว่าจะล้ำหน้าและมีประสิทธิภาพสูงยิ่งขึ้นไปอีก

เทคโนโลยีนี้กำลังอยู่ในระหว่างการยื่นขอสิทธิบัตร และเพื่อพิสูจน์ว่าเชื้อเพลิงของเขาใช้งานได้จริง 'พลาสโตลีน' ได้ผ่านการทดสอบโดยผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม และถูกนำไปทดลองใช้กับรถยนต์แล้วจริง ๆ โดยบราวน์ได้ประกาศว่าเขามีแผนจะนำเชื้อเพลิงนี้ไปทดสอบกับรถยนต์ Dodge Scat Pack ที่ตัวแทนจำหน่ายของนิสสันในเร็ว ๆ นี้

'พลาสโทลีน' สำคัญต่อการแก้ปัญหาพลาสติกอย่างไร

เทคโนโลยีของจูเลียน บราวน์ มีความสำคัญอย่างยิ่งในการแก้ปัญหาพลาสติก เพราะพลาสติกเป็นขยะที่ไม่ย่อยสลายตามธรรมชาติพลาสติกเกือบครึ่งหนึ่งที่ถูกผลิตขึ้นเป็นพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง เช่น ถุงพลาสติก หรือภาชนะใส่อาหาร ซึ่งแม้จะมีอายุการใช้งานสั้น แต่ตัวพลาสติกเองกลับคงอยู่ในสิ่งแวดล้อมเป็นเวลานาน

ปัจจุบัน ปัญหาขยะพลาสติกและไมโครพลาสติกได้แพร่กระจายเป็นวงกว้าง ข้อมูลระบุว่าในแต่ละปีมีขยะพลาสติกกว่า 8 ล้านตันไหลลงสู่ทะเล นอกจากนี้ยังมีการตรวจพบไมโครพลาสติในพื้นที่ห่างไกลทั่วโลก ตั้งแต่ยอดเขาเอเวอเรสต์ไปจนถึงร่องลึกก้นสมุทรมาเรียนา

ผลกระทบที่เกิดขึ้นนั้นรุนแรงต่อสิ่งมีชีวิต สัตว์ทะเลและสัตว์บกจำนวนมากตายจากการกินพลาสติกหรือถูกพลาสติกรัดพัน สำหรับมนุษย์ ไมโครพลาสติกได้ปนเปื้อนเข้ามาในห่วงโซ่อาหาร และมีการตรวจพบในอวัยวะสำคัญหลายส่วนของร่างกาย เช่น สมอง หัวใจ กระเพาะอาหาร และแม้กระทั่งในรก ด้วยเหตุนี้เทคโนโลยีของ จูเลียน บราวน์ จึงเป็นแนวทางแก้ปัญหาที่น่าสนใจ เพราะเป็นการสร้างมูลค่าให้กับขยะพลาสติก แทนที่จะปล่อยให้เป็นมลพิษ

อ้างอิง: bgr

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

จีนเตรียมรับมือผลพวงยุค EV กับ ‘ซากแบตเตอรี่’ ที่กำลังท่วมประเทศ เร่งสร้างระบบ ‘Closed Loop’ สู้วิกฤตขยะพลังงานยุคใหม่

จีนก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดรถ EV โลก แต่ความสำเร็จนี้กำลังทิ้งโจทย์ใหญ่ไว้เบื้องหลัง เมื่อซากแบตเตอรี่รถไฟฟ้านับแสนตันเริ่มทะลักเข้าสู่ระบบที่ยังไม่พร้อม...

Responsive image

AI อ่านสุขภาพข้าว! แค่ถ่ายรูปก็รู้ว่าข้าวแตกหน่อดีไหม ช่วยประเมินผลผลิตได้ทันที แม่นยำ 94–98%

TillerPET ถูกออกแบบมาเพื่อวิเคราะห์กอข้าวหลังการเก็บเกี่ยว จากภาพถ่ายธรรมดา โดยสามารถทำงานกับข้าวจริงในพื้นที่ ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในห้องทดลอง...

Responsive image

ทำไมญี่ปุ่นรับมือภัยพิบัติได้ดีกว่าประเทศไหนในโลก? ถอดบทเรียนการออกแบบชีวิต เมือง และสังคมให้ไม่ล้มเมื่อโลกสั่น

ญี่ปุ่นรับมือภัยพิบัติได้อย่างโดดเด่นเพราะมี ‘วัฒนธรรมความยืดหยุ่น’ ที่ฝังอยู่ในชีวิตประจำวัน งานวิจัยของศาสตราจารย์ Miho Mazereeuw และหนังสือ Design Before Disaster เผยให้เห็นว่าก...