‘Beacon Venture Capital’ แขนขาการลงทุนของธนาคารกสิกรไทย ได้ก้าวสู่ปีที่ 8 ในฐานะ Corporate Venture Capital (CVC) ชั้นนำของประเทศไทย ที่ผ่านมามีการลงทุนไปแล้วมากกว่า 20 บริษัท ซึ่งแต่ละบริษัทต่างก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญของธุรกิจในประเทศไทย

และภายในงาน Techsauce Global Summit 2024 ทาง Beacon Venture Capital ได้พา Portfolio Company ชื่อดังหลายบริษัทมาแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จผ่านอีเวนท์ Innovation Glow - Startups Showcase เพื่อตอกย้ำถึงการเป็น CVC ชั้นนำในประเทศไทย

ในงานครั้งนี้ Techsauce มีโอกาสสัมภาษณ์ คุณธนพงษ์ ณ ระนอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีคอน เวนเจอร์ แคปิทัล จำกัด (Beacon VC) เพื่อเจาะลึกถึงกลยุทธ์การลงทุนที่ผ่านมา รวมถึงวิสัยทัศน์ในการผลักดัน Ecosystem ของสตาร์ตอัปไทยให้ก้าวไปไกลกว่าที่เคย

กลยุทธ์การลงทุนที่มุ่งสร้างคุณค่ารอบด้าน

Beacon Venture Capital เริ่มต้นเส้นทางการลงทุนในปี 2017 ด้วย Synergistic Fund มุ่งเน้นการลงทุนในสตาร์ตอัปที่สามารถสร้าง Synergy และต่อยอดธุรกิจของธนาคารกสิกรไทย โดยให้ความสำคัญกับการเชื่อมต่อระบบ Payment บริการทางการเงิน และการขยายฐานลูกค้า

ความสำเร็จของ Synergistic Fund นำมาสู่การเปิดตัว Opportunistic Fund ซึ่งมุ่งเน้นผลตอบแทนทางการเงิน (Financial Return) เป็นหลัก โดยยังคงรักษามาตรฐานการคัดเลือก และการบริหารพอร์ตอย่างรอบคอบ

ล่าสุด Beacon VC ได้เปิดตัว Impact Fund มุ่งเน้นการลงทุนในสตาร์ตอัปที่สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับเทรนด์ ESG ที่กำลังมาแรง

เราภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งใน CVC แรกๆ ของไทยที่ให้ความสำคัญกับการลงทุนเพื่อสร้าง Impact ทางสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างชัดเจน

ภายในงาน Innovation Glow - Startups Showcase ทาง Beacon Venture Capital ได้พาสตาร์ตอัปที่เข้าไปลงทุนมาแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็น BUZZEBEES, Cryptomind, Flowaccount, FWX, Horganice, HumanSoft, ION ENERGY, Jitta, LINE MAN Wongnai, PRIMO และ T2P

หากสังเกตจากรายชื่อบริษัทเหล่านี้จะเห็นว่า แต่ละบริษัทต่างพัฒนาตัวเองกลายเป็น Core สำคัญของธุรกิจไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว บางบริษัทกำลังสร้างงานสร้างอาชีพให้กับคนหลายหมื่นคน บางบริษัทได้กลายมาเป็น Tools สำคัญที่ช่วยลดความซับซ้อนในการทำงานให้กับผู้ประกอบการ บางบริษัทกลายเป็นหนึ่งในตัวกลางเพื่อเชื่อมต่อธุรกิจต่างๆ เข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์ สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นการกลยุทธ์การลงทุนรอบด้านของ Beacon Venture Capital ได้เป็นอย่างดี

สตาร์ตอัปที่เติบโต สะท้อนถึงเทรนด์ Digital ที่สำคัญ

อย่างที่กล่าวไปด้านต้นว่า Beacon Venture Capital ลงทุนในสตาร์ตอัปกว่า 20 บริษัท เมื่อถามว่ามีบริษัทไหนที่โดดเด่นบ้าง คุณธนพงษ์ บอกว่า ‘ภูมิใจในทุกบริษัท’ บางบริษัทก็ถือว่าสร้างเซอร์ไพรส์ในผลงานไม่ใช่น้อย แต่หากให้ยกตัวอย่างพอร์ตโฟลิโอที่โดดเด่น อาจแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลักๆ คือ

1. กลุ่มเตรียมเข้า IPO เช่น LINE MAN Wongnai และ BUZZEBEES สะท้อนถึงความสำเร็จของสตาร์ตอัปไทย และศักยภาพในการเติบโตสู่ระดับ Unicorn
2. กลุ่ม Cash Flow เป็นบวก เช่น Jitta และ Horganice ที่แสดงให้เห็นโมเดลธุรกิจที่แข็งแกร่ง และความสามารถในการสร้างรายได้อย่างยั่งยืน
3. กลุ่มดาวรุ่งพุ่งแรง เช่น HumanSoft และ ION Energy แสดงให้เห็นถึง potential ของสตาร์ตอัปรุ่นใหม่ และโอกาสในการเติบโตแบบก้าวกระโดด

การเติบโตของบริษัทเหล่านี้ไม่ได้สะท้อนให้เห็นภาพอุตสาหกรรมในไทยเพียงอย่างเดียว แต่ยังสะท้อนให้เห็นเทรนด์สำคัญของ ‘Digital’

คุณธนพงษ์ เสริมว่า เทรนด์การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในหลากหลายภาคส่วน เป็นเทรนด์ที่เกิดขึ้นมานานแล้ว แต่ทวีความสำคัญมากขึ้นในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน องค์กรต่างๆ เริ่มเล็งเห็นว่า Digital Tools ไม่ใช่เพียงแค่ช่องทางในการ ‘Go Digital’ แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด

ยิ่งเศรษฐกิจมีความท้าทายมากเท่าใด Digital Tools ยิ่งกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับธุรกิจทุกขนาด

กำลังมองหาอะไรในสตาร์ตอัปยุคใหม่ ปรับการลงทุนอย่างไรในยุค AI ?

คุณธนพงษ์ เล่าว่า กรอบเงินลงทุนกว่า 255 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ Beacon Venture Capital มีอยู่ ตอนนี้ถูกใช้ลงทุนไปแล้วราว 60-70% ดังนั้นการลงทุนในสตาร์ตอัปใหม่ๆ จะมีความละเอียด และรอบคอบมากยิ่งขึ้น เมื่อถามว่ากำลังมองหาอะไรในสตาร์ตอัปยุคนี้ คำตอบคือ ‘Founder และแผนการดำเนินงานที่ชัดเจน’

เนื่องจาก Founder คือหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนสตาร์ตอัป คุณธนพงษ์ เสริมว่า จากประสบการณ์ในการลงทุนที่ผ่านมา ทำให้ Beacon Venture Capital ตระหนักถึงความสำคัญของการวางกรอบ และให้คำแนะนำแก่ Founder อย่างใกล้ชิด เพื่อให้มั่นใจว่าเงินลงทุนถูกใช้อย่างมีประสิทธิภาพในการทำธุรกิจ และสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน

ในยุคที่ AI มาแรงเช่นนี้ Beacon Venture Capital ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับ Use Case ที่ชัดเจนของสตาร์ตอัปโดยเฉพาะอย่างยิ่งสตาร์ตอัปด้าน AI และ Deep Tech โดยจะโฟกัสไปที่สตาร์ตอัปที่มี Use Case ที่ชัดเจน พิสูจน์ตัวเองในตลาดมาแล้วระดับหนึ่ง และมีโอกาสเติบโตสูง ซึ่งจากตัวอย่างที่ผ่านมาได้ลงทุนไปใน Jitta ที่ทำเรื่อง Robo Advisor เป็นต้น

นอกจากนี้ Beacon Venture Capital ยังเล็งเห็นถึงความสำคัญของเทรนด์ ‘ESG’ และกำลังมองหาสตาร์ตอัปที่สร้าง Impact เชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม (Environment) โดยเฉพาะสตาร์ตอัปที่พัฒนาเทคโนโลยีด้าน Climate Tech และ Energy ซึ่งสอดคล้องกับ Impact Fund ที่ได้จัดตั้งขึ้น เพื่อสนับสนุนธุรกิจที่มุ่งแก้ปัญหาด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

LINE MAN Wongnai หนึ่งในสตาร์ตอัปที่ Beacon VC ได้เข้าไปลงทุน และเตรียมเป็นบริษัทด้านเทคฯ ใหญ่ที่สุดในไทยที่เข้า IPO

การลงทุนของ Beacon Venture Capital ไม่ใช่เพียงแค่สนับสนุนสตาร์ตอัปให้เติบโตไปอีกระดับ ในบางครั้งยังส่งผลต่อการสร้างงานสร้างอาชีพ และผลักดันเศรษฐกิจในระดับประเทศ คุณธนพงษ์ ยกตัวอย่าง LINE MAN Wongnai ที่ได้ลงทุนไป เติบโตขึ้นเป็น Unicorn ที่สร้างงาน สร้างอาชีพให้กับคนไทยจำนวนมาก ทั้งในส่วนของพนักงานบริษัท ร้านค้า และไรเดอร์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าสตาร์ตอัปที่แข็งแกร่ง ไม่ได้เติบโตเพียงลำพัง แต่เป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และสร้าง Ecosystem ที่เอื้อต่อการเติบโตร่วมกัน

การเป็นส่วนหนึ่งของงาน Techsauce Global Summit 2024 ครั้งนี้ รวมถึงการนำสตาร์ตอัปในมือมาโชว์ เป็นการตั้งใจเปิดโอกาสให้บริษัทใหญ่ๆ ได้รู้จักกับสตาร์ตอัปเด่นๆ พร้อมพูดคุยถึงโอกาสในการทำงานร่วมกัน ซึ่งเป็นการตอกย้ำบทบาทของ Beacon Venture Capital ในฐานะตัวเชื่อมสำคัญระหว่างสตาร์ตอัปและ Corporate เพื่อสร้าง Ecosystem ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปอีก คุณธนพงษ์ สรุปทิ้งท้าย

บทความนี้เป็น Advertorial