ยุคนี้คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ตลาดจีนเป็นตลาดที่เนื้อหอม มีแต่คนอยากจีบและสนใจเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลของขนาดเศรษฐกิจที่มีประชากรมหาศาลและมีกำลังซื้อสูง เป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนและผู้ประกอบการทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยด้วย หากพูดถึง “ตลาดจีน” อาจจะต้องร่ายยาวเป็นภาคมหากาพย์เลยก็ว่าได้ ดังนั้นเลยจะแบ่งเป็นบทแยกย่อยเพื่อให้ติดตามกันต่อไป
ก่อนที่จะเจาะลึกเรื่อง การเข้าตลาดจีนด้วยวิธีที่เรียกว่า Cross-border eCommerce (CBEC) หรือ การทำธุรกรรมการค้าข้ามพรมแดนแบบช่องทางออนไลน์ ขอปูพื้นฐานให้ผู้อ่านได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับ Internet และ Digital Landscape ของประเทศจีนกันก่อน
จากภาพประกอบ จะเห็นได้ว่าด้วยจำนวนประชากรของประเทศจีนที่มีสูงถึง 1,420 ล้านคน แต่ทราบหรือไม่ โอกาสของตลาดอีคอมเมิร์ซ ณ ตอนนี้ที่ผู้ประกอบการไทยสามารถจับต้องได้ ไม่ใช่ตัวเลข 1,420 ล้านคน เพราะจำนวนผู้ใช้อินเตอร์เน็ตของประเทศจีน มี 830 ล้านคน (ตัวเลขในปี 2561) อัตราการเข้าถึงอินเตอร์เน็ต หรือ Internet Penetration มีเพียงประมาณ 60% เท่านั้น
ภาพรวม Internet Landscape ของประเทศจีน
จีนถือได้ว่าเป็น Mobile-first country เพราะ 99% มีพฤติกรรมการใช้อินเตอร์เน็ตผ่านมือถือ 80% เล่น Social Media และอีก 70% ซื้อของออนไลน์และจ่ายเงินผ่านมือถือ (Mobile payment)
ตัวเลขของนักช็อปออนไลน์มีสูงถึง 610 ล้านคน ซึ่งคิดเป็นประมาณ 42% ของจำนวนประชากรจีนทั้งหมด และกลุ่มนักช็อปออนไลน์จีนเหล่านี้ก็ได้มอบมูลค่าการซื้อขายออนไลน์ให้กับโลกกว่าครึ่งนึงเลยทีเดียว ส่งผลให้จีนกลายเป็นผู้นำด้านอีคอมเมิร์ซโลกอย่างแท้จริง มูลค่าการซื้อขายปีที่แล้ว (ปี 2561) สูงถึง 1.13 ล้านล้านดอลล่าสหรัฐ หรือมากกว่า GDP ไทยประมาณ 2.6 เท่า และมีการคาดการณ์ว่าจำนวนผู้ซื้อของออนไลน์ในจีนในอีก 2-3 ปีข้างหน้าจะมีการเติบโตสูงขึ้นได้อีก 30%-40% ดังนั้นลองจิตนาการดูว่าหากประเทศจีนมี Internet Penetration ที่สูงเทียบเท่าสหรัฐอเมริกา (89%) หรือ เกาหลีใต้ (95.9%) มูลค่าของอีคอมเมิร์ซ จีนจะยิ่งเติบโตขนาดไหน
เมื่อเทียบกับสัดส่วนระหว่าง Online และ Offline ของการซื้อขายปลีกในประเทศจีนจะพบว่า Online คิดเป็นเพียง 18% ของส่วนแบ่งการตลาดเท่านั้น เรื่องนี้ประเทศจีนแก้ปัญหาด้วยวิธี New Retail (Online-to-Offline: O2O) ซึ่งจะนำเสนอในภาคต่อ ๆ ไป
ผู้ประกอบการไทย สามารถได้อะไรจากโอกาสการเติบโตอีคอมเมิร์ซในประเทศจีน
การทำธุรกิจกับประเทศจีน อาจจะแบ่งได้เป็นสองวิธีหลักๆ คือ วิธีนโยบายเชิงรุก และ วิธีนโยบายเชิงรับ สองวิธีนี้จะมีนโยบาย กลยุทธ์ในการคิด เครื่องมือและเกมการเล่นที่แตกต่างกัน นโยบายเชิงรุกในที่นี้ คือการบุกตลาดเข้าไปในประเทศจีน นโยบายเชิงรับคือ การมีฐานธุรกิจที่ไทย แต่จะเป็นการตั้งรับหรือดึงดูดนักลงทุนหรือนักท่องเที่ยวจีนมายังประเทศไทยนั่นเอง
นโยบายเชิงรุก หรือการบุกเข้าไปยังตลาดจีนแบ่งได้เป็น 2 วิธีหลักๆ ได้แก่
วิธีการค้าปกติ หรือ Normal Trade ซึ่งก็แบ่งได้ออกเป็นแบบทั้ง Offline และ Online
วิธีแบบ Cross-border eCommerce (CBEC) หรือ วิธีการค้าข้ามพรมแดนแบบออนไลน์เท่านั้น จากภาพประกอบด้านบน จะเห็นได้ว่า ปัจจุบันตลาด CBEC ในประเทศจีนมีผู้ช็อปออนไลน์แบบ CBEC ประมาณ 150 ล้านคน ซึ่งเป็นกลุ่มชาวจีนที่มองหาแต่สินค้านำเข้าที่มาจากต่างชาติ ภาษาจีนเรียกว่า 海淘 อ่านว่า ไห่เถา
Normal Trade VS. CBEC Trade
ความแตกต่างในสองเรื่องนี้สำคัญมาก เนื่องจาก ไม่ใช่ผู้ประกอบการไทยทุกรายเหมาะกับวิธี CBEC แต่อาจจะเหมาะกับวิธี Normal Trade ก็ได้ ดังนั้นก่อนอื่นต้องดูความแตกต่างและข้อจำกัด รวมถึงกฎระเบียบต่าง ๆ ซึ่งจะสรุปให้ฟังคร่าว ๆ ดังนี้
ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 นี้ ทางรัฐบาลจีนได้ปรับเปลี่ยนกฎเกณฑ์เพื่อเอื้ออำนวยการนำเข้าผ่าน CBEC เป็นอย่างมาก อาทิ
เรื่องภาษี Cross-border 11.2% จากปีที่ผ่านๆมา ลดลงมาอยู่ที่ 9.1%
โควตาการซื้อของบน CBEC จากที่ชาวจีนสามารถซื้อได้เพียง 2,000 หยวนต่อคนต่อครั้ง และ 20,000 หยวนต่อคนต่อปี ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 5,000 หยวนต่อคนต่อครั้ง และ 26,000 หยวนต่อคนต่อปี
การเพิ่มหมวดหมู่สินค้าอีก 63 รายการ จนปัจจุบันมีรายการสินค้าที่ได้รับอนุญาตนำเข้าผ่าน CBEC รวมทั้งสิ้น 1,321 รายการ
การทำเช่นนี้ก็เพื่อที่จะส่งเสริมพัฒนาการค้าแบบ CBEC และยังเป็นการช่วยเพิ่มการนำเข้าสินค้ากลุ่ม consumer goods ที่มีคุณภาพสูงมาจากต่างประเทศ อีกทั้งก็เพื่อตอบสนองความต้องการคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของผู้บริโภคชาวจีน
สำหรับโอกาสของผู้ประกอบการไทย จะสังเกตได้ว่า เมื่อเปรียบเทียบในตารางด้านบน การนำเข้าสินค้าผ่านช่องทาง CBEC จะลดความยุ่งยากและลดต้นทุนทางภาษีไปได้มากเลยทีเดียว เนื่องจากภาษีตามกฎเกณฑ์ของ CBEC ส่วนใหญ่อยู่ที่ประมาณ 9.1% แต่หากเป็นสินค้ากลุ่มฟุ่มเฟือยจะอยู่ที่ระหว่าง 17.9%- 28.9% ซึ่งถ้าเทียบกับ Normal Trade ก็ยังถือว่าเสียภาษีที่น้อยกว่ามาก แต่ในแง่ของการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคจีนนั้น หากชาวจีนมีการซื้อเกินโควตาก็ไม่สามารถซื้อใน CBEC ได้อีก ต้องรอในปีถัดไป
ดังนั้นสินค้าที่จะนำเข้ามาขายใน CBEC ไม่เหมาะกับสินค้าที่มีราคาสูงมากจนเกินไป และต้องตรวจสอบว่าสินค้าของผู้ประกอบการไทยอยู่ในรายการที่อนุญาตให้นำเข้าได้หรือไม่ ส่วนสินค้าที่มาขายผ่านช่องทาง CBEC เป็นสินค้าประเภทอะไรบ้าง ผู้บริโภคชาวจีนมองหาอะไรจากการซื้อของผ่าน CBEC และพฤติกรรมผู้บริโภคจีนนั้นเป็นอย่างไร โปรดติดตามได้ในตอนที่ 2 ค่ะ
ข้อมูลอ้างอิง
English Website: Statista; Forbes, China Internet Watch, China Daily, Worldwide eCommerce Sales Report, Internet World Stat
Chinese Websites: http://www.gov.cn/xinwen/2018-12/01/content_5344980.html ; www.jd.hk/service/taxrate/html
ประวัติผู้เขียน
หมายเหตุ: ความเห็นในบทความนี้เป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ไม่เกี่ยวข้องกับองค์กรที่ผู้เขียนสังกัดอยู่แต่อย่างใด และไม่อนุญาตให้ตีพิมพ์หรือทำซ้ำ หากต้องการ กรุณาติดต่อ Techsauce
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด