นี่จึงเป็นที่มาของการร่วมมือจาก 3 พาร์ทเนอร์ใหญ่คือ รพ.จุฬาลงกรณ์ ธนาคารกสิกรไทย และเมืองไทยประกันชีวิต ที่ร่วมเดินหน้าโครงการ CHULA CARE มีเป้าหมายพัฒนาเทคโนโลยีสนับสนุนงานบริการทางการแพทย์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยกสิกรไทยนำจุดแข็งคือประสบการณ์และความเชียวชาญในเรื่องของการให้บริการด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ขณะที่ เมืองไทยประกันชีวิตเน้นสนับสนุนด้านการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ
เทคโนโลยีที่ช่วยเชื่อมโยงผู้ป่วยกับโรงพยาบาลได้เร็วและง่ายที่สุดคือแอปพลิเคชัน โดยแอปฯ จะช่วยให้โรงพยาบาลบริการผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เช่น การแจ้งเตือนวันและคิวพบแพทย์ การแจ้งผลการตรวจสอบสิทธิ์ในการรักษา (เช่น ประกันสังคม, ประกันสุขภาพถ้วนหน้า) การแจ้งสถานะใบนำทาง การชำระเงิน แผนที่และการนำทางแบบ Indoor Navigate นอกจากนี้ ยังสนับสนุนตู้ Self-service Kiosk เพื่อความสะดวกในการชำระเงินแก่ผู้ที่ไม่มีโทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟนอีกด้วย โดยโรงพยาบาลจะเริ่มเปิดให้ดาวน์โหลดแอปฯ ในเดือนตุลาคมนี้
พัฒนาระบบศูนย์รวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ให้โรงพยาบาลนำข้อมูลมาใช้ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว โดยธนาคารฯ จะจัดเตรียมระบบคลังข้อมูลพร้อมใช้ รวมทั้งเครื่องมือในการวิเคราะห์ข้อมูลให้กับทางโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เพื่อนำไปใช้ได้ตามความต้องการของโรงพยาบาล ทั้งนี้ ข้อมูลทุกอย่างยังเป็นสิทธิของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
หนึ่งในไฮไลท์ของโครงการคือนวัตกรรมอย่าง Telemedicine ที่จะนำมาเริ่มใช้ในการรักษากลุ่มผู้ป่วยติดเตียง ผู้ป่วยสูงอายุที่ต้องดูแลอยู่ที่บ้าน เดินทางมารักษาที่โรงพยาบาลด้วยความลำบาก ด้วยระบบนี้ผู้ป่วยสามารถคุยกับคุณหมอด้วยภาพและเสียงผ่านอุปกรณ์ขณะอยู่ที่บ้าน โดยการรักษาทางไกลนี้จะเริ่มให้บริการผู้ป่วยคลินิกระบบประสาท (Tele Neurology Clinic) ก่อน
เพื่อรองรับการดูแลบุคลากรของโรงพยาบาลให้ได้รับประสบการณ์ที่ดี เชื่อมโยงการจ่ายค่าตอบแทน และการพัฒนาบุคลากร
ด้วยการติดตาม (Monitor) ข้อมูลด้านสุขภาพของผู้ป่วยร่วมกับโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ทั้งจากโรงพยาบาลและที่บ้าน เพื่อให้ทีมแพทย์พยาบาลนำมาวิเคราะห์และจัดโปรแกรมการดูแลสุขภาพ เพื่อป้องกันอาการเจ็บป่วยให้เหมาะสมกับผู้สูงอายุแต่ละคน
เพื่ออำนวยความสะดวกให้ญาติ หรือที่ผู้ประกอบอาชีพเกี่ยวกับการดูแลผู้สูงอายุ (Care Giver) สามารถเข้าถึงสื่อการสอน และการสอบในหลักสูตรต่าง ๆ ได้อย่างสะดวก โดยจะอยู่ในระบบ Digital Platform ทั้งหมด เพื่อให้ข้อมูลความรู้ถูกนำมาใช้ได้ง่ายและเกิดประโยชน์สูงสุด
ศ.นพ. สุทธิพงศ์ วัชรสินธุ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และคณบดี คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า ปัจจุบัน ประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงด้านประชากรอย่างรวดเร็ว สัดส่วนของผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น ความต้องการแพทย์ พยาบาล และบุคลากรด้านสาธารณสุข รวมไปถึงสถานพยาบาล ก็มีความต้องการมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาโรงพยาบาลมีการพัฒนากระบวนการให้บริการต่าง ๆ มาโดยตลอด แต่ผู้ป่วยยังไม่ได้รับความสะดวกสบายเท่าที่ควร จึงคิดว่าควรนำเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาช่วยให้มากขึ้น
โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ให้ความสำคัญ 3 ด้านกับผู้ป่วยที่มาเข้ารับบริการ
คำถามคือ ทำอย่างไรเพื่อจะตอบโจทย์ด้านความสะดวกกับผู้ป่วยได้มากที่สุด? การริเริ่มโครงการนี้จะสามารถลดกระบวนการที่ทำให้คนไข้มาโรงพยาบาล และมีความสะดวกในการได้รับบริการจากโรงพยาบาลมากขึ้น
คุณขัตติยา อินทรวิชัย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า
ความร่วมมือกันในครั้งนี้ ธนาคารฯ เข้ามาช่วยสนับสนุนการพัฒนาทั้งในส่วนของ Hardware และหาผู้เชี่ยวชาญเข้ามาร่วมพัฒนาระบบเพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมภายในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ให้สามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากข้อมูลสารสนเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพในรูปแบบทุกที่ ทุกเวลา และทุกอุปกรณ์
“แอปตัวนี้เกิดจาก pain point ของผู้ป่วย และเขียนขึ้นมาเพื่อแก้ pain point ดังกล่าว และจะทำให้การมาโรงพยาบาลครั้งหน้าของคุณจะเปลี่ยนไป”
คุณสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า
เมืองไทยประกันชีวิต เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในโครงการ CHULA CARE เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการเตรียมความพร้อมและสนับสนุนด้านการดูแลสุขภาพแก่ผู้สูงอายุให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ในยุคที่ประเทศไทยกำลังจะเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย โดยให้การสนับสนุนเทคโนโลยีด้านการดูแลผู้สูงอายุ
นี่เป็นก้าวแรกของการริเริ่มการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาใช้พลิกโฉมในโรงพยาบาล ที่น่าจะเป็นต้นแบบให้โรงพยาบาลอื่น ๆ ต่อไป
บทความนี้เป็น advertorial
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด