(บทความนี้เผยแพร่โดย Techsauce โดยอ้างอิงจากบทวิเคราะห์ของคุณสุภาวดี ตันติยานนท์)
สุภาวดี ตันติยานนท์ เป็นนักการตลาดและนักคิดเชิงอนาคต (Futurist) ที่มีประสบการณ์การทำงานในระดับภูมิภาคและระดับโลก โดยมีฐานอยู่ที่กรุงเทพมหานคร เธอมุ่งเน้นการผสานนวัตกรรมดิจิทัลเข้ากับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ด้วยความหลงใหลในเทคโนโลยี การตลาด และการศึกษาด้านปรัชญาและประวัติศาสตร์ สุภาวดีวิเคราะห์แนวโน้มโลกเพื่อช่วยองค์กรและสังคมปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล โดยเฉพาะการใช้ AI และนวัตกรรมอย่างมีจริยธรรมเพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืน
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา สุภาวดี ตันติยานนท์ ได้วิเคราะห์แนวโน้มของ AI ที่กำลังเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ จากการเปิดตัวของ Deepseek ตามด้วย Qwen จากค่าย Alibaba กำลังส่งผลกระทบอย่างมหาศาลต่อวงการ AI ไม่ใช่แค่ในแง่ของเทคโนโลยี แต่ยังรวมถึง เศรษฐกิจ ธุรกิจ การทำงาน และระบบนิเวศ AI ทั่วโลก เราเลยลองวิเคราะห์ในแง่มุมต่างโดยเฉพาะผลกระทบกับผู้ใช้ โอกาสทางธุรกิจ และที่สำคัญที่สุดประเทศไทยเองควรจะมีมาตรการอะไรมารองรับ
Deepseek กำลังฉีกกฏการออกแบบทางวิศวกรรม AI ที่ต้องใช้ทรัพยากรจำนวนนมากเพื่องานที่ล้ำที่สุด ซึ่งผู้เล่นเกมส์นี้ต้องมีทรัพยากรคน เงินทุน และเครื่องมือระดับสูงจำนวนมาก ทำให้ผู้เล่นรายเล็กรายกลาง ทำได้แค่เป็นผู้ตาม คนต่อยอด หรือเป็นได้แค่ผู้ใช้เท่านั้นเอง
Deepseek กลับคิดจากอีกมุม “คิดงานภายใต้ทรัพยากรที่จำกัดสุดไม่ว่าจะเงินทุน ชิป จำนวนคนทำงาน cloud serverและอีกมากมาย โมเดล AI ที่ถูกลงและทรงพลังขึ้น เมื่อทำได้สำเร็จเป็นที่ประจักษ์กับผู้ใช้ทั่วโลกก็มาแบบไม่ปกติคือเปิดให้ใช้ฟรีแบบหมดเปลือกกับผู้ใช้ทั่วโลก เพราะท่าที่ไม่ conventional แบบนี้ทำให้ Deepseek เปลี่ยนเกมการแข่งขันในระดับโลก และมีผลกระทบกับ Nasdaq ทันที
ประเทศไทยต้องเตรียมตัวอย่างไร? อุตสาหกรรมไหนจะได้เปรียบหรือเสียเปรียบ?
DeepSeek และ Qwen ลดต้นทุนการพัฒนา AI ทำให้ธุรกิจขนาดเล็กและนักพัฒนาทั่วไปสามารถเข้าถึง AI ได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้ การผูกขาด AI โดยบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ลดลง เปิดโอกาสให้ นักพัฒนาในประเทศต่าง ๆ สามารถสร้างโมเดล AI ที่เหมาะสมกับวัฒนธรรมและภาษาของตนเอง
DeepSeek เป็น Open-Source AI ซึ่งช่วยให้นักพัฒนาสามารถนำไปปรับแต่งและสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ได้ Qwen ของ Alibaba อาจเน้น AI-as-a-Service ซึ่งมุ่งใช้ AI ในแพลตฟอร์มของ Alibaba มากกว่าการเปิดให้ชุมชนพัฒนาต่อยอด
AI ถูกใช้ใน ทุกอุตสาหกรรม ตั้งแต่ การตลาด การแพทย์ การเงิน ไปจนถึงการศึกษา ธุรกิจที่ ไม่สามารถปรับตัวใช้ AI ได้จะเสียเปรียบอย่างมาก
งานที่เสี่ยงต่อการถูกแทนที่จะเป็นงานที่ทำเป็น routine และใช้รูปแบบที่ทำเป็นประจำในการทำงาน เช่น Call Center, Data Entry, Content Moderatio และ Administration
ปัจจุบันบทบาทของ AI ได้เข้ามามีส่วนสำคัญในการทำงานหลายด้าน บุคลากรทุกภาคส่วนจำเป็นต้องพัฒนาทักษะเพื่อทำงานร่วมกับ AI อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ใช้ AI เพื่อพัฒนาศักยภาพของมนุษย์ในองค์กร นักวิเคราะห์ที่ใช้ AI ประมวลผลข้อมูลเพื่อการตัดสินใจทางธุรกิจ นักการตลาดที่ประยุกต์ AI มาช่วยวางกลยุทธ์และแคมเปญ รวมถึงนักพัฒนาซอฟต์แวร์ที่นำ AI มาเพิ่มประสิทธิภาพของระบบงานต่างๆ
ในยุคที่ AI มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว หลายตำแหน่งงานจะเริ่มถูกทดแทนด้วยเทคโนโลยี เช่น พนักงาน Call Center ที่ปัจจุบันระบบ AI สามารถรับสายและตอบคำถามพื้นฐานของลูกค้าได้ นักแปลภาษาที่เครื่องมือแปลภาษาอัตโนมัติสามารถทำงานได้อย่างแม่นยำมากขึ้น รวมถึงผู้ช่วยธุรการที่งานประจำหลายอย่างถูกแทนที่ด้วยระบบอัตโนมัติและ AI มากขึ้น
โครงสร้างการดำเนินธุรกิจในอนาคตกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ โดยบริษัทที่นำ AI มาใช้ตั้งแต่เริ่มต้น (AI First) จะได้เปรียบในการแข่งขัน เนื่องจากสามารถสร้างระบบและกระบวนการทำงานที่มีประสิทธิภาพสูงตั้งแต่แรก นอกจากนี้ เศรษฐกิจแบบกิ๊กและการทำงานอิสระ (GIG Economy) จะเติบโตขึ้น เพราะ AI ช่วยให้ฟรีแลนซ์สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในขณะเดียวกัน รูปแบบการทำงานแบบไฮบริดที่ผสมผสานระหว่างการทำงานที่ออฟฟิศและทำงานจากระยะไกลจะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ เนื่องจาก AI ช่วยให้การประสานงานและการทำงานร่วมกันเป็นไปอย่างราบรื่น
ขณะนี้ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ยุคแห่งโอกาสใหม่ที่เทคโนโลยี AI มีราคาที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น ทำให้ธุรกิจ SMEs และ Startup ไทยสามารถนำไปประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันบนเวทีระดับโลก ขณะเดียวกัน ภาคเกษตรกรรม อุตสาหกรรมการผลิต และการขนส่งโลจิสติกส์ของไทยก็สามารถใช้ประโยชน์จาก AI เพื่อลดต้นทุนและยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงาน อย่างไรก็ตาม ระบบการศึกษาไทยจำเป็นต้องเร่งปรับตัวครั้งใหญ่ เพื่อปูพื้นฐานความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ AI ให้กับเยาวชนตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษา ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศในอนาคต
แต่ในขณะเดียวกันเรากำลังเผชิญกับความท้าทายสำคัญในยุค AI โดยเฉพาะในด้านแรงงาน ที่คนไทยจำนวนมากยังขาดทักษะในการทำงานร่วมกับ AI และมีความเสี่ยงที่จะถูกเทคโนโลยีทดแทน นอกจากนี้ เรายังมีข้อจำกัดด้านโครงสร้างพื้นฐานสำหรับ AI และยังขาดกรอบกฎหมายที่ชัดเจนในการกำกับดูแลการใช้งาน AI ที่สำคัญ หากประเทศไทยไม่เร่งลงทุนและพัฒนาด้าน AI อย่างจริงจัง อาจส่งผลให้เสียเปรียบในการแข่งขันด้านอุตสาหกรรมดิจิทัลในระยะยาว ซึ่งจะกระทบต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศโดยรวม
การปรากฏตัวของ DeepSeek และ Qwen กำลังสร้างปรากฏการณ์ที่เปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์เทคโนโลยี AI อย่างมีนัยสำคัญ โดยการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นรวดเร็วและรุนแรงกว่ายุค Digital Transformation ด้วยปัจจัยสำคัญหลายประการ
นอกจากนี้ การแข่งขันในตลาด AI ที่เพิ่มสูงขึ้นจากการมี Open Source Models ยังกระตุ้นให้บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ต้องเร่งพัฒนาและปรับปรุงผลิตภัณฑ์ของตนเองอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลดีต่อผู้ใช้งานและระบบนิเวศ AI โดยรวม อย่างไรก็ตาม การเติบโตอย่างก้าวกระโดดนี้ยังมาพร้อมกับความท้าทาย ทั้งในแง่ของการรักษาความปลอดภัย การควบคุมคุณภาพ และการกำกับดูแลการใช้งานที่เหมาะสม ซึ่งทุกภาคส่วนจำเป็นต้องร่วมมือกันเพื่อสร้างมาตรฐานและแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสมต่อไป
AI กำลังสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่ส่งผลกระทบในวงกว้าง โดยเฉพาะในด้านโอกาสและความสามารถในการแข่งขัน ผู้ที่เรียนรู้และปรับตัวใช้ AI จะได้เปรียบอย่างมีนัยสำคัญ ปรากฏการณ์นี้สะท้อนรูปแบบเดียวกับการเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยีในอดีต ไม่ว่าจะเป็นยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมหรือยุคดิจิทัล ที่ผู้นำการเปลี่ยนแปลง (Early Adopters) มักจะได้รับประโยชน์และโอกาสมากกว่าผู้ที่ปฏิเสธการเปลี่ยนแปลง
ในระดับธุรกิจ องค์กรที่เร่งปรับตัวและนำ AI มาประยุกต์ใช้จะสามารถสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ทั้งด้านประสิทธิภาพการดำเนินงาน การลดต้นทุน และการสร้างนวัตกรรมใหม่ ในขณะที่ธุรกิจที่ช้าในการปรับตัวอาจเสี่ยงต่อการสูญเสียความสามารถในการแข่งขันและถูกทิ้งห่างในที่สุด
หลักการนี้ยังส่งผลในระดับประเทศ โดยเฉพาะประเทศไทยที่กำลังเผชิญความท้าทายสำคัญ การเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ควบคู่ไปกับการพัฒนาทักษะแรงงานผ่านการ Reskill และ Upskill จึงเป็นเรื่องเร่งด่วน นอกจากนี้ การปฏิรูประบบการศึกษาเพื่อเตรียมความพร้อมให้คนรุ่นใหม่มีความสามารถในการใช้และพัฒนา AI ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะกำหนดขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในอนาคต หากไม่เร่งดำเนินการ ประเทศไทยอาจเสียเปรียบในเวทีการแข่งขันระดับโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
AI จะไม่แทนที่มนุษย์ แต่มนุษย์ที่ใช้ AI จะมาแทนที่มนุษย์ที่ไม่ใช้ AI
ประเทศใดที่สามารถ ใช้ AI อย่างชาญฉลาด จะเป็น ผู้นำของอนาคต ประเทศไทยจะเลือกเส้นทางไหน ?
บทความนี้เผยแพร่โดย Techsauce โดยอ้างอิงจากบทวิเคราะห์ของคุณสุภาวดี ตันติยานนท์
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด