การสร้าง Digital Business และ Tech Trends ในวิถีแบบ New Normal | Techsauce

การสร้าง Digital Business และ Tech Trends ในวิถีแบบ New Normal

สรุป Key Takeaways จากงาน MEGA TECH FORUM 2022 by Techsauce ในหัวข้อ Digital Business Building and Tech Trends in the New Normal โดยคุณ Pipavin Sodprasert Partner จาก McKinsey & Company 

1.Digital and tech trends

A . การเร่งความเร็วของอุตสาหกรรม 4.0 และการใช้แพลตฟอร์มดิจิทัล

-ในการยกระดับอุตสาหกรรม 4.0 ความท้าทายหลังที่บริษัทต้องเผชิญ 3 อันดับแรก ได้แก่ อย่างแรก คือ Demand ที่ลดลงอย่างมาก อย่างที่สอง การขาดแคลนวัสดุ และการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน อย่างที่สาม การขาดแคลนแรงงานและ Productivity ที่ลดลง 

-จากแนวโน้มดังกล่าวจะส่งผลให้การยอมรับในอุตสาหกรรม 4.0 สามารถดำเนินไปได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยเบื้องต้นจะเห็นได้มีว่า เครื่องมือต้นทุนต่ำสำหรับการใช้ชีวิตแบบ New Normal เช่น อุปกรณ์ติดตามสุขภาพของพนักงาน เครื่องมือสำหรับ Remote Working ได้รับการยอมรับสูงสุด แต่เหล่านี้ก็จะตามมาด้วยการใช้งานที่น้อยลง เพราะถือว่าเป็น  Quick win solutions สำหรับองค์กรมากกว่า

-ขณะที่ Solutions ที่เกี่ยวข้องกับการวางโครงสร้างพื้นฐาน เช่น Data Lake และ IoT Platform ได้รับการยอมรับในระดับกลางเท่านั้น

-ส่วน Solutions  ที่ได้รับการยอมรับในระดับต่ำ จะเป็นสิ่งที่องค์กรต้องมีการลงทุนสูง และจะส่งผลกระทบในระยะยาว เช่น  Physical Automation และ นาโนเทคโนโลยี ซึ่งบริษัทต่างๆก็จะมีการมองหาแนวทางในการใช้อุตสาหกรรม 4.0 ในการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน   

-การจัดการประสิทธิภาพดิจิทัล การสร้างความสามารถทางดิจิทัล การทดสอบคุณภาพระยะไกล ฟังก์การติดตาม และการทำงานร่วมกันแบบอัตโนมัติระหว่างคนและเครื่องจักร  การวางแผนสำหรับความต้องการเปลี่ยนแปลงเฉพาะ ทั้งหมดนี้ คือ แนวโน้มของอุตสาหกรรม 4.0 ที่กำลังเพิ่มขึ้น

B . การเกิดขึ้นของนวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะมาเปลี่ยนโลกธุรกิจ

10 เทรนด์เทคโนโลยีที่จะมาสร้างเปลี่ยนโลกธุรกิจ และทำให้ภาพการทำงานในอนาคตเปลี่ยนไป มีดังนี้ 

-Next-level process automation and virtualization เทคโนโลยีในกลุ่มนี้จะครอบคลุม Industrial Internet of Things หุ่นยนต์ การประยุกต์ใช้ Digital twins และ 3D/4D Printing

-The future of connectivity เทคโนโลยีกลุ่มนี้จะเกี่ยวข้องกับการเชื่อมต่อที่เร็วขึ้นอย่าง 5G และระบบ IoT ซึ่งจะมีการนำมาใช้ในอุตสาหกรรมค่อนข้างมาก 

-Distributed infrastructure เทคโนโลยีกลุ่มนี้จะเป็นการรวมกันระหว่าง  Cloud และ Edge computing ที่จะเข้ามาช่วยเพิ่มมประสิทธิภาพการทำงานให้กับองค์กรมากขึ้น 

-Next-generation computing เทคโนโลยีกลุ่มนี้จะเกี่ยวข้องกับ Quantum computing ที่จะมีการทำงานร่วมกับ ASICs  

-Applied AI การนำ AI มาประยุกต์ใช้ในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Computer Vision NLP&Speed Technology

-The future of programming การเขียนโปรแกรมในรูปแบบเดิมจะถูกแทนที่ด้วย Software 2.0

-Trust architecture โครงสร้างสถาปัตยกรรมไอทีจะต้องถูกออกแบบเพื่อสามารถตรวจสอบความน่าเชื่อถือของอุปกรณ์ต่างๆได้

นอกจาก 7 เทรนด์เทคโนโลยีข้างต้นแล้วนั้น ยังมีอีก 3 เทรนด์เทคโนโลยี ที่เป็นแนวโน้มเฉพาะของอุตสาหกรรม ได้แก่ The Bio Revolution Next-generation materials และ Future of clean technologies

C . การเติบโตของ e-commerce และ e-service

-การรุก e-commerce  เพิ่มขึ้นเกือบสองเท่า ในเดือนเมษายน 2020 ท่ามกลางการแพร่ระบาดของ COVID-19 มาอยู่ที่ 33% จากเดิมในปี 2019 ที่อยู่ที่ 17% และคาดว่าในปี 2024 มีแนวโน้มเติบโตไปได้ถึง 35%  

-จากแนวโน้มต่างๆ เหล่านี้จะมีความหมายเป็นอย่างมากสำหรับธุรกิจ SME ในการเข้ามาเริ่มใช้งาน e-commerce และต้องมีการสร้างระบบนิเวศให้กับผู้ขายเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการมีเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มที่เหมาะสม การสนับสนุนจากภาครัฐบาลและการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน 

-ตลาด e-commerce ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นหนึ่งในภูมิภาคที่มีแนวโน้มการเติบโตสูงสุด คาดว่าในปี 2020-2025 อัตราการเติบโต (CARG) จะอยู่ที่ 21% ต่อปี  ซึ่งจะทำให้เกิดโอกาสทางธุรกิจมากมาย

-หากเจาะในประเทศไทยโดยเฉพาะ จะพบมีโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญต่อตลาด E-Commerce มากมายที่ค่อนข้างพร้อม ไม่ว่าจะเป็น จำนวนผู้ใช้งาน Digital Banking  FinTech E-Wallet โดยจำนวนผู้ใช้งาน Digital Banking จากเดิมที่มีอยู่ 36% ในปี 2017 เติบโตขึ้นเป็น 90% ในปี 2021 ขณะที่การใช้งาน  FinTech และ E-Wallet จากเดิมอยู่ที่ 11% ในปี 2017 เติบโตขึ้นเป็น 51% ในปี 2021 เช่นกัน

 

2. The business-building imperative

-ความจำเป็นด้านดิจิทัลที่สำคัญ 2 ประการสำหรับองค์กรในแง่ของการรักษาความปลอดภัยให้ตำแหน่งเดิมและขับเคลื่อนการเติบโตไปสู่อนาคต มีดังนี้ 

  • การเติบโตผ่านโอกาสในการสร้างธุรกิจ  : เปิดการใช้งานผลิตภัณฑ์และบริการด้านเทคโนโลยีที่มีอยู่ กระจายผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ ไปสู่ตลาดปลายน้ำ และสร้างความหลากหลายให้กับ Ecosystem

  • การรักษาความปลอดภัยและการ Boost ธุรกิจหลัก : มีการใช้ Salesforce หรือหาวิธีใหม่ๆในการขายและแนวทางการตลาดสำหรับอนาคต การมีห่วงโซ่อุปทานแบบ Agile และ Smart Factory 

-ทุก Sector กว่า 10% ขององค์กรมีการเริ่มลงทุนใน Venture Building โดยองค์กรต่างมองว่าการสร้างธุรกิจใหม่เป็นความสำคัญเชิงกลยุทธ์ โดยส่วนแบ่งสูงสุด 3 อันดับแรกจะเป็น ภาคส่วนที่เกี่ยวกับ Consumer,  Professional Service และ TMT (High Tech-Media-Telecom) 

-แนวโน้มที่ชัดเจนขึ้น คือ ไม่ว่าอุตสาหกรรมใดก็ตาม คู่แข่งของคุณมีส่วนร่วมใน Venture Building มากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นจึงจำเป็นมากที่องค์กรที่เป็นผู้บุกเบิกจะต้องรู้สึกว่า การสร้างธุรกิจใหม่ในโลกหลังโควิดเป็นหนทางที่จะสามารถเติบโตได้ในอนาคต โดยวิธีที่จะช่วยให้องค์กรสามารถที่จะยึดครองตลาดได้ตั้งแต่ในช่วงแรก คือ การลงทุนในบริการธุรกิจที่มีอยู่เป็นหลัก 

-Venture Building ส่งผลให้เกิดผลตอบแทนที่สูงขึ้น เมื่อเทียบกับกลยุทธ์การเติบโตแบบ Organic อื่น ๆ โดยการเติบโตของรายได้จะสอดคล้องกับระดับการมีส่วนร่วมในนวัตกรรมของบริษัทต่าง ๆ 

-องค์กรใหญ่ผู้ครอบครองตลาดสามารถที่จะเป็นผู้ชนะได้ ถ้าหากมีความเร็วมากพอ ยกตัวอย่างเช่น Marcus by Goldman Sachs เปิดตัวธุรกิจสินเชื่อผู้บริโภค ที่ประสบความสำเร็จค่อนข้างมาก เพราะเป็นการเปิดตัวภายใต้ Goldman Sachs บริษัทใหญ่ ซึ่งเป็นผู้ครอบครองตลาดแบบดั้งเดิมอย่าง Wholesale Banking และ Investment Banking ถึงแม้ว่ารูปแบบสินเชื่อเพื่อผู้บริโภค เป็นสิ่งที่ค่อนข้างใหม่ แต่พวกเขาสามารถสร้างแพลตฟอร์มใหม่อย่างสมบูรณ์ เติบโตอย่างรวดเร็วภายในสองปีแรกทันทีที่มีการเปิดตัวในปี 2016 ถือเป็นผลิตภัณฑ์สินเชื่อเพื่อผู้บริโภคที่เติบโตเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ 

-อย่างไรก็ตามจะเห็นได้ว่า Venture building ถือเป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จมากมาย ดังนั้นวิธีการที่จะทำให้องค์กรสามารถสร้างธุรกิจใหม่ได้มีดังนี้ 

  • New DNA : หากคนยังคงเดิม มันจะยากมากต่อการสร้างวัฒนธรรมองค์กรแบบใหม่ ดังนั้นการมีคนใหม่ กระบวนการดำเนินงานใหม่ และเทคโนโลยีใหม่ จึงเป็นเรื่องง่ายกว่าปกติ เมื่อต้องการทำธุรกิจใหม่

  • New Business Model : ธุรกิจที่กำลังเปิดตัวธุรกิจจะต้องเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ กลุ่มลูกค้าใหม่ หรือวิธีการแบบใหม่ 

  • New Revenue : การมีแหล่งรายได้ใหม่

-ยกตัวอย่าง Amazon ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาได้มีการเปลี่ยนแปลงจากร้านขายหนังสือออนไลน์ สู่การเป็นผู้นำบริการ Cloud ระดับโลก หรือจะเป็น Netflix ที่เริ่มต้นจากบริษัทให้เช่า DVD และตอนนี้ก็กลายเป็นผู้นำด้าน Content ที่มียอด Subscribes กว่า 130 ล้านรายทั่วโลก  เหล่านี้คือตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่า ถ้าหากองค์กรใหญ่ต้องการย้ายอย่างรวดเร็ว การสร้างธุรกิจใหม่อาจเป็นวิธีหนึ่งในการจับการเติบโตใหม่ในอนาคต

3. Traits of successful business builder

-5 ระยะในการสร้างธุรกิจใหม่

  • Ideate : สร้างและจัดลำดับความสำคัญของแนวคิดทางธุรกิจใหม่ ๆ โดยเริ่มต้นจากแนวคิดที่ถูกต้อง เพื่อจะเห็นแนวทางในการแก้ Pain Point  ได้จริง ๆ รวมถึงการกำหนดกลยุทธ์เพื่อลดความเสี่ยง 

  • Plan : การตรวจสอบแนวคิดใหม่และทดสอบแผนธุรกิจ เพื่อแสดงให้เห็นว่าแนวคิดดังกล่าวไม่ได้เพียงแค่แก้  Pain Point ได้อย่างตรงจุดเท่านั้น แต่ยังมองเห็นการดำเนินการได้ด้วย 

  • Build : การสร้างผลิตภัณฑ์และเปิดธุรกิจใหม่กับลูกค้าจริง หลังจากนั้นปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง และทำให้แน่ใจว่าเป็นรูปแบบที่เหมาะสมกับผู้บริโภคและตลาด

  • Grow : เริ่มขยายธุรกิจใหม่และเร่งทำให้เห็นว่าองค์กรจะได้รับผลตอบแทนที่เหมาะสมจากการลงทุน

  • Exit : สร้างแผนการต่อยอดธุรกิจ เพื่อก้าวไปสู่ขั้นตอนต่อไป และการบูรณาการให้เป็นส่วนหนึ่งขององค์กรที่มีอยู่เดิม 

-ปัจจัยความสำเร็จของการสร้างธุรกิจใหม่

  • อย่างแรก เมื่อต้องการที่จะเปิดธุรกิจใหม่ จะต้องมั่นใจก่อนว่ามี Sponsor เป็นผู้บริหารระดับวูงหรือเจ้าขององค์กร เพราะนั่นหมายความว่าพวกเขาพร้อมที่จะผลักดันให้ธุรกิจใหม่นี้เติบโตจริง ๆ 

  • อย่างที่สอง จะต้องหา Product-market fit ให้เจอ สิ่งนี้จะมีความสำคัญไม่แพ้กัน ในการดำเนินงานจะต้องมีความคล่องตัวสูง โดยจะต้องสามารถเปิดตัวธุรกิจและทดสอบกับตลาดได้อย่างรวดเร็ว เพื่อให้แน่ใจว่าเราจะสามารถเรียนรู้และดำเนินการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ และปรับปรุงผลิตภัณฑ์ต่อไปได้

  • อย่างที่สาม ต้องแน่ใจว่ามีทีมที่มีความสามารถสูงในระดับ Top Talent เพราะทีมคือ สิ่งที่จะสร้างความแตกต่าง และเป็นคนที่จะต้องไม่ยอมแพ้ให้กับความล้มเหลวตั้งแต่วันแรก

  • อย่างที่สี่ ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าในการปฏิบัติงานนั้นจะต้องทำตามกระบวนการและโครงสร้างที่ชัดเจน 

-สุดท้ายหลุมพรางที่ควรระวังในการสร้างธุรกิจใหม่สำหรับองค์กร คือ อย่างแรก ต้องแน่ใจว่า สมมติฐานหลัก ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณเชื่อเมื่อต้องการเปิดตัวธุรกิจใหม่นั้นจำเป็นต้องได้รับการทดสอบกับตลาดอย่างถูกต้อง และต้องตรวจสอบให้แน่ชัดว่าสิ่งนี้จะไม่กลายเป็นบ่อนทำลายความสำเร็จในระยะยาว  อย่างที่สอง คือ จำเป็นที่จะต้องมีแผนและวิธีการสร้างรายได้จากธุรกิจใหม่นี้ตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อให้แน่ใจว่านี่เป็นธุรกิจที่มีคุณค่า ที่ท้ายที่สุดแล้วผู้บริโภคจะต้องจ่ายเงินเพื่อสิ่งนี้อย่างแน่นอน


ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

‘Yindee’ แชตบอตในแอป ttb Touch ใช้ Gen AI จับความรู้สึก ตอบเร็วและฉลาดกว่าที่เคย

Yindee แชตบอตที่อยู่บน Mobile Banking ของ ttb ทำงานผ่านแอป ttb Touch สามารถจับ Mood & Tone ของลูกค้าหรือผู้ใช้บริการ ว่าขณะแชตนั้น ลูกค้าอยู่ในอารมณ์ไหน ด้วย Generative AI โดย Azur...

Responsive image

คนอยากใช้พลังงานเยอะ แต่โลกอยากได้ปล่อยคาร์บอนน้อย บริษัทพลังงานแก้ไขความย้อนแย้งนี้อย่างไรดีในยุค AI

The Energy/Prosperity Paradox หรือภาวะย้อนแย้งแห่งพลังงาน และความเจริญ ถือเป็นความท้าทายระดับโลกที่บริษัทด้านพลังงานกำลังพบเจอ เพราะในตอนนี้โลกกำลังต้องการพลังงานเพิ่มขึ้นอย่างไม่เ...

Responsive image

เศรษฐกิจไทย ‘ฟื้นตัว’ แล้วหรือยัง ? ฟังความเห็นจาก 3 ผู้นำธุรกิจยักษ์ใหญ่ไทย

ค้นพบศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงไทย จีน สิงคโปร์ อินโดนีเซีย เวียดนาม และกัมพูชา พร้อมโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจในภาคอุตสาหกรรม การเงิน และเทคโนโลยี...