เมื่อภาวะโลกร้อนเป็นหนึ่งในประเด็นที่ถูกหยิบยกมาพูดถึงมากขึ้นเรื่อยๆ หลายๆ ประเทศทั่วโลกต่างต้องหาหนทางแก้ไขเพื่อรักษาไว้ซึ่งสมดุลของโลกให้กับคนในรุ่นถัดไป พลังงานทางเลือกและพลังงานหมุนเวียนจึงเข้ามามีบทบาทสำคัญในการร่วมแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อน โดยคาดว่าจะมีการนำมาใช้งานทั้งในครัวเรือนและยานยนต์ไฟฟ้าซึ่งกำลังเป็นอุตสาหกรรมที่น่าจับตามองอย่างมาก และการจะไปถึงการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพนั้นก็ต้องมีแหล่งกักเก็บพลังงาน นั่นก็คือแบตเตอรี่ที่ทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมสำคัญในการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมพลังงานในอนาคต โดยล่าสุดบางจากฯ ได้จัดงานสัมมนา ในหัวข้อ “Everlasting Battery แบตเตอรี่: ปฏิวัติพลังงานอนาคต” เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ด้านพลังงานอนาคตและแบตเตอรี่ที่กำลังจะก้าวเข้ามาเป็นกุญแจสำคัญของการปฏิวัตินี้
คุณกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน ได้ให้ข้อมูลที่น่าสนใจว่า ในปัจจุบันทิศทางพลังงานโลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคเปลี่ยนผ่านของการใช้พลังงานจากพลังงานฟอสซิลสู่พลังงานสะอาดอย่างไฟฟ้าหรือพลังงานหมุนเวียน (Green Energy) เพื่อตอบรับกับการแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อน หลายประเทศทั่วโลกเตรียมปรับรถโดยสารสาธารณะให้เป็นยานยนต์ไฟฟ้า รวมไปถึงนโยบายใหม่ล่าสุดของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ โจ ไบเดน ที่เน้นการผลักดันยานยนต์ไฟฟ้าในอเมริกา ตามมาด้วยจีน อังกฤษและฝรั่งเศสที่จะหยุดการขายรถยนต์ที่เป็นเครื่องยนต์สันดาปภายในปี 2040
นอกจากนี้ยังมีรายงานจาก Bloomberg ว่าในปัจจุบันแม้รถยนต์ไฟฟ้าจะมีสัดส่วนเพียงแค่ 0.4 เปอร์เซ็นต์ของรถยนต์ทั้งหมดทั่วโลก แต่สามารถลดการใช้น้ำมันดิบทั้งหมดได้ถึงหนึ่งล้านบาร์เรล และยังมีการคาดการณ์ต่อว่าในปี 2050 รถยนต์ไฟฟ้าจะมีสัดส่วนสูงถึง 54 เปอร์เซ็นต์ โดยในไทยเองก็ได้มีเป้าหมายที่จะเปลี่ยนยานยนต์ต่างๆ ที่ใช้งานในไทยให้เป็นยานยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นถึง 30 เปอร์เซ็นต์ของการผลิตรถยนต์ในไทย หรือประมาณ 750,000 คันภายในปี 2030 อีกทั้งยังมุ่งมั่นที่จะพัฒนาและสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าให้มีมากขึ้นด้วย
แน่นอนว่าการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้านั้นก็จำเป็นต้องมีแบตเตอรี่เข้ามาเกี่ยวข้อง โดยในปัจจุบันนี้ราคาแบตเตอรี่ถือว่าลดลงมาอย่างมาก เนื่องด้วยมีหลากหลายอุตสาหกรรมก็ต้องใช้งานแบตเตอรี่เช่นเดียวกัน ปัจจัยนี้ทำให้การพัฒนาแบตเตอรี่ในรถยนต์ก็ได้รับผลประโยชน์ไปด้วย และคาดว่าจะพัฒนายิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ ในอนาคต
ความก้าวหน้าของแบตเตอรี่และยานยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นนำไปสู่พลังงานสมัยใหม่ อีกทั้งแบตเตอรี่เก่าๆ ยังสามารถรีไซเคิลให้นำกลับมาใช้ใหม่ได้อีกด้วย
คุณกุลิศ เสริมว่าในส่วนของกระทรวงพลังงานมีการอนุมัติแผนพัฒนาระบบไฟฟ้า (PDP) ให้มีการนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้มากขึ้น พร้อมปรับแผนร่างใหม่ให้ตรงกับการใช้งานของผู้คนในประเทศอย่างครบถ้วนรอบด้าน และเตรียมพัฒนาสถานีชาร์จพลังงานให้รองรับยานยนต์ไฟฟ้าที่จะเกิดขึ้นในอนาคต รวมถึงนำแบตเตอรี่มาใช้ในการกักเก็บพลังงานหมุนเวียนให้กับชุมชนต่างๆ ภายในประเทศ
คุณชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท บางจาก คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) พูดถึงเส้นทางของการใช้พลังงานของมนุษย์ว่าเราเพิ่งเริ่มรู้จักการใช้น้ำมันเพียงแค่ในร้อยปีที่ผ่านมานี้เอง และหลังจากที่เราค้นพบน้ำมันเศรษฐกิจและการพัฒนานั้นเติบโตอย่างก้าวกระโดด แต่ด้วยการเพิ่มขึ้นของประชากรโลก การใช้แหล่งพลังงานเดิมๆ คงเป็นไปไม่ได้เพราะจะส่งผลเสียอีกมากให้กับโลกใบนี้ โดยทีมนักวิทยาศาสตร์คาดหวังว่าเราต้องการจะไปให้ถึง Green Hydrogen หรือพลังงานสะอาด ซึ่งการไปให้ถึงตรงนั้น สิ่งสำคัญที่เป็นสะพานเชื่อมต่อก็คือ แหล่งกักเก็บพลังงาน เพื่อไปใช้ในเวลาอื่นๆ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อยามกลางคืนที่ไม่มีแสงอาทิตย์เราจะเก็บพลังงานแสงอาทิตย์ในตอนกลางวันไว้ที่ไหน โดยคุณชัยวัฒน์ได้ยกตัวอย่างของวิธีการกักเก็บพลังงานอย่างหลากหลายรูปแบบ แต่วิธีการกักเก็บที่ดีที่สุดในปัจจุบันก็คือการใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน นอกจากนี้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนยังเป็นโลหะที่สามารถรีไซเคิลได้ทุกส่วน ซึ่งแบตเตอรี่ที่ดีควรประกอบด้วยการชาร์จที่เร็ว สามารถรองรับการใช้งานได้ยาวนาน มีความปลอดภัย น้ำหนักเบา และอายุการใช้งานนาน โดยทั้งหมดที่กล่าวไปข้างต้นนี้ ผู้เชี่ยวชาญกำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้มีประสิทธิภาพที่สุด และคาดว่าเทคโนโลยี Fast Charging น่าจะเป็นเทคโนโลยีที่มาเร็วที่สุด
ชวนพูดคุยถึงเทรนด์การใช้แบตเตอรี่ทั่วโลกกันต่อกับ Dr. Ali Izadi-Najafabadi หัวหน้าฝ่ายวิจัยเอเชียแปซิฟิกของ Bloomberg New Energy Finance ซึ่งชี้ให้เห็นว่าในช่วงที่ผ่านมาจากอดีตถึงปัจจุบันนั้นการสร้างแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนมีการพัฒนามากขึ้นเรื่อยๆ และมีราคาลดลงอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งการเติบโตของรถบัสไฟฟ้าภายใน 5 ปีก็เติบโตสูงขึ้นถึง 10 เท่า ในส่วนของยุโรปและอเมริกาถือเป็นประเทศที่พาตัวเองเข้าสู่ยานยนต์ไฟฟ้าเป็นประเทศแรกๆ ในขณะที่จีนก็เติบโตอย่างมากในด้านยานยนต์ไฟฟ้าและคาดว่าจะกลายมาเป็นผู้เล่นหลักในอุตสาหกรรมนี้ ซึ่งออสเตรเลียและอินเดียก็เป็นตลาดที่กำลังเติบโตที่น่าสนใจเช่นกัน ในส่วนของความต้องการแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนของตลาดคาดว่าอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าน่าจะมีความต้องการสูงสุดในอนาคต และแต่ละประเทศก็สามารถเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับความต้องการของตลาดได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมพร้อมด้านวัตถุดิบ เซลล์ไฟฟ้าและส่วนประกอบ พื้นที่ การสร้างความต้องการของลูกค้า รวมไปถึงการจัดสร้างระบบและนโยบายที่สนับสนุนการใช้งานพลังงานไฟฟ้า
ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน เผยว่านี่เป็นช่วงที่น่าจับตามองอย่างมาก เนื่องจากไทยถือเป็นประเทศแห่งการผลิตยานยนต์อันดับต้นๆ ของอาเซียน ดังนั้นความเป็นยักษ์ใหญ่ของอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยนั้นทำให้เราต้องรีบปรับตัวให้ทันเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่กำลังเกิดขึ้น เนื่องจากผู้ผลิตระดับสูงอย่างเจ้าของแบรนด์รถยนต์และผู้ผลิตระบบรวมถึงชิ้นส่วนใหญ่ๆ ล้วนเป็นบริษัทข้ามชาติซึ่งสามารถย้ายฐานการผลิตได้ ในขณะที่ไทยนั้นเป็นเพียงผู้ผลิตชิ้นส่วนรายย่อยและส่วนใหญ่ล้วนเป็น SME
นอกจากนี้จากการเปลี่ยนผ่านมาใช้พลังงานไฟฟ้าทำให้ยานยนต์ปรับกระบวนการผลิตโดยมุ่งเน้นไปที่แบตเตอรี่และระบบควบคุมมากกว่าที่ผ่านมา อะไหล่ต่างๆ ในยานยนต์ก็จะลดจำนวนลงด้วยเช่นกัน ปัจจัยนี้ส่งผลกระทบต่อกลุ่มธุรกิจผู้ผลิตอะไหล่ เพราะในอนาคตแบตเตอรี่จะกลายเป็นหัวใจสำคัญของรถยนต์ ดังนั้นหากใครสามารถผลิตและพัฒนาแบตเตอรี่ได้ก่อนผู้นั้นก็จะเป็นผู้ชนะในอุตสาหกรรมนี้ การเตรียมพร้อมของผู้ประกอบการในไทยจึงมีความสำคัญอย่างมาก โดยขณะที่ฝั่งรัฐเองก็กำลังผลักดันการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้า และอยู่ในช่วงพูดคุยเพื่อพัฒนาโครงการจักรยานยนต์ไฟฟ้านำร่อง (อย่างวินมอเตอร์ไซด์) เช่น โครงการ Winnonie ของบริษัท บางจากฯ และระบบขนส่งอื่นๆ อีกทั้งในอนาคตเมื่อมีพลังงานหมุนเวียนเกิดขึ้น คาดว่าผู้คนส่วนใหญ่ก็อาจหันไปใช้ไฟฟ้าจากระบบพลังงานของตัวเอง นำไปสู่การแทรกแซงธุรกิจไฟฟ้าปัจจุบัน ซึ่งเป็นเรื่องที่กระทรวงพลังงานต้องหาทางกันต่อไปในการที่จะแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอัตราราคาหรือการกำกับดูแลเรื่องพลังงาน
รศ. ดร. นงลักษณ์ มีทอง จากคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เผยว่าทุกวันนี้ทุกคนครอบครองแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนกันเป็นของตัวเอง เช่น ในโทรศัพท์มือถือ ในคอมพิวเตอร์ หรือแม้กระทั่งรถยนต์ แต่ลิเธียมไอออนถือว่ายังไม่ตอบโจทย์ความต้องการได้ในอนาคต ทำให้ทุกวันนี้การผลิตจึงต้องเร่งพัฒนาเพื่อให้เทียบทัน โดยเป้าหมายของทุกประเทศทั่วโลกคือสร้างแบตเตอรี่ที่ใช้งานในนานกว่าเดิมและยังมีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่นานด้วย ซึ่งในอนาคตอาจจะเกิด Anode Free ขึ้นคือการผลิตแบตเตอรี่โดยไม่จำเป็นต้องมี Anode หมายถึงการมีกำลังไฟที่เพิ่มขึ้นแต่มีขนาดที่เล็กลง และแบตเตอรี่ Solid ก็สามารถตอบโจทย์ความต้องการในอนาคตได้
ในด้าน Mr. Dean Frankel ผู้เชี่ยวชาญจากทีมพัฒนาธุรกิจเชิงกลยุทธ์ บริษัท Solid Power Inc. ได้เล่าถึงการผลิตแบตเตอรี่ Solid State ว่าปัจจุบันนี้ในการผลิตแบตเตอรี่ Deep Technology ได้เข้ามามีบทบาทอย่างมากในการช่วยให้การผลิตเป็นไปได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้แบตเตอรี่ของ Solid Power ยังให้พลังงานได้มากกว่าแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน สามารถปรับใช้กับการผลิตลิเธียมไอออนที่มีอยู่ อีกทั้งมีความปลอดภัยสูงกว่าและราคาถูกกว่าเพราะการออกแบบที่เรียบง่าย ที่สำคัญที่สุดคือปล่อยคาร์บอนน้อยกว่า Mr.Dean ยังได้อธิบายถึงกระบวนการผลิตของ Solid Power ในระดับโรงงานให้ผู้ร่วมงานได้ฟังอีกด้วย พร้อมคาดว่าจะสามารถพัฒนาให้เข้าใช้ในรถยนต์ได้อย่างเต็มตัวในปี 2025 Mr. Robert A. Rango ผู้ดำรงตำแหน่ง President และ CEO บริษัท Enevate Corporation เสริมว่าข้อมูลจาก Tesla รายงานว่าในปี 2030 ความต้องการในแบตเตอรี่ EV อาจสูงถึง 10 TWh ต่อปี และสำหรับการชาร์จนั้นผู้คนมีความคาดหวังว่าพวกเขาจะสามารถชาร์จยานยนต์ของตัวเองได้ทั้งที่บ้าน ที่ทำงาน และตามสถานีต่างๆ บนท้องถนน อีกทั้งผู้ใช้งานยังคาดหวังว่าการชาร์จจะใช้เวลาเพียง 5-10 นาทีเท่านั้นซึ่งเขาเองคาดหวังว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต
ปิดท้ายจบงานด้วยเสวนาหัวข้อ “แบตเตอรี่กับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานในประเทศไทย – บทบาทของภาครัฐและเอกชน” โดย คุณกวิน ทังสุพานิช เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่าการเข้ามาของแบตเตอรี่จะพลิกวงการพลังงานครั้งใหญ่เนื่องจากที่ผ่านมาเราทำการผลิตไฟฟ้าแบบใช้เลยไม่สามารถกักเก็บได้ แต่แบตเตอรี่จะเข้ามาทำให้อุตสาหกรรมเปลี่ยนไป ในไทยของเราควรมีการปรับเปลี่ยนกฏกติกาให้ชัดเจนต้องให้เอกชนเข้ามาร่วมด้วย และต้องมีเป้าหมายแห่งชาติอย่างที่ประเทศอื่นๆ ได้ออกมาประกาศ ฝั่งของคุณบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จํากัด (มหาชน) มีความเห็นว่า มนุษย์นั้นรู้จักกับการกักเก็บมาแสนนาน เพียงแต่เรายังไม่เคยนำมาใช้กับพลังงานไฟฟ้า การเข้ามาของแบตเตอรี่จะเข้ามาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้ใช้งานระดับครัวเรือนอย่างแน่นอน เพราะเมื่อการพัฒนามาถึงทุกคนสามารถมีไฟฟ้าเป็นของตัวเอง และปัจจุบันบริษัทตนเองก็กำลังจะพยายามผลักดันการใช้งานไปสู่ระดับครัวเรือนด้วยเช่นกัน ด้านของ คุณชาญยุทธ ฉายาวัฒนะ Director & Deputy Chief Executive บริษัท อมิตา เทคโนโลยี (ประเทศไทย) กลุ่มบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จํากัด (มหาชน) (EA) มองว่าพลังงานสะอาดจะเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาโลกร้อนแน่นอน และแบตเตอรี่จะมาเป็นโซ่กลางในการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมพลังงาน คาดว่าคุณภาพของโซลาร์ที่มากขึ้นจะช่วยผลักดันให้คนอยากใช้งานมากขึ้น นอกจากนี้เราอาจมีโอกาสในการนำระบบกักเก็บพลังงานไปใช้ในระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ และนำมาทดแทนโรงงานไฟฟ้าถ่านหิน ลดการลงทุนไปได้และยังลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ พร้อมทั้งได้พลังงานที่มีคุณภาพและมีระบบที่มีประสิทธิภาพกว่าเดิม
รศ.ดร.ยศพงษ์ ลออนวล นายกสมาคมกิตติมศักดิ์ สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (EVAT) เสริมว่า จริงๆ แบตเตอรี่เกิดขึ้นนานแล้วแต่ยังไม่สามารถใช้งานได้เนื่องด้วยความพร้อมของการผลิตและปัจจัยอื่นๆ แต่ด้วยการพัฒนาอย่างต่อเนื่องทำให้ปัจจุบันเกิดการนำแบตเตอรี่เข้ามาใช้งานในรถยนต์แล้ว ไทยเริ่มมีการนำเข้ายานยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น ซึ่งนี่อาจทำให้เราได้รับผลกระทบในด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ไปด้วย นี่คือช่วงแห่งการเปลี่ยนแปลง ภาครัฐควรผลักดันให้ผู้ประกอบการเดิมมองเห็นภาพชัดเจนของการเปลี่ยนแปลงพลังงานใหม่และร่วมกันผลักดันให้ให้ไทยเป็นอันดับต้นๆ ในการผลิต โดยในช่วง 5 ปีนี้จะเป็นช่วงการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ถ้ามีนโยบายที่ออกมาชัดเจน คิดว่าเราอาจจะไม่ช้ามากนักหากเทียบกับประเทศในยุโรป และถ้ากติกาและนโยบายชัดเจนมากพอ เราอาจจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วเหมือนกับที่เรานึกไม่ถึงในวงการโทรศัพท์นั่นเอง พร้อมทั้งอาจยังไม่สายไปที่เหล่าธุรกิจยานยนต์ในไทยจะลงแข่งขันในเกมนี้
จากการสัมมนาครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าแบตเตอรี่คือกุญแจสำคัญที่เข้ามาไขอุตสาหกรรมพลังงานเพราะไม่ว่าเราจะพัฒนาพลังงานไปถึงไหนก็ตาม การกักเก็บพลังงานนั้นก็มีความสำคัญอย่างมาก และนี่ถือเป็นโอกาสทางธุรกิจที่น่าจับตามองว่าใครจะสามารถพัฒนาแบตเตอรี่ให้เป็นอันดับต้นๆ ได้
ทั้งนี้เป็นโจทย์ที่ท้าทายของภาครัฐและเอกชนในการร่วมขับเคลื่อนประเทศในทุกด้านไม่ว่าจะเป็นระบบโครงสร้างพื้นฐาน กติกานโยบาย รวมไปถึงการผลักดันผู้ประกอบการและผู้ใช้งานให้มีความพร้อมตอบรับกับกระแสพลังงานใหม่ที่กำลังเกิดขึ้น โดยบางจากฯ ในฐานะภาคเอกชนผู้ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมพลังงาน ได้เข้ามามีบทบาทและให้ความสำคัญกับกุญแจที่จะไขทิศทางพลังงานแห่งอนาคตที่เรียกว่า แบตเตอรี่ นี้แล้ว
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด