อุตสาหกรรมอาหารเครื่องดื่ม จะใช้ประโยชน์สูงสุดจาก Blockchain อย่างไรได้บ้าง ? | Techsauce

อุตสาหกรรมอาหารเครื่องดื่ม จะใช้ประโยชน์สูงสุดจาก Blockchain อย่างไรได้บ้าง ?

เมื่อบริษัทอาหารและเครื่องดื่มต้องการสร้างรากฐานให้ดีขึ้นเพื่อรับมือกับความท้าทายที่กำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน เราพบว่ามีเทคโนโลยีและโซลูชันมากมายให้เลือกพิจารณา โดย Blockchain เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในอุตสาหกรรมนี้  

ทุกวันนี้ บริษัทต่าง ๆ กำลังใช้ประโยชน์จาก Blockchain ในการตรวจสอบและติดตามสินค้า เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพทั่วทั้งระบบซัพพลายเชน สำหรับผู้บริโภค Blockchain เป็นวิธีใหม่ที่ทำให้ผู้คนสามารถติดตาม “เส้นทาง” ของอาหารจากแหล่งกำเนิดไปจนถึงมือผู้บริโภค

ทุกวันนี้ บริษัทต่าง ๆ กำลังใช้ประโยชน์จาก Blockchain ในการตรวจสอบและติดตามสินค้า เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้นทั่วทั้งระบบซัพพลายเชน  สำหรับผู้บริโภค Blockchain เป็นวิธีใหม่ที่ทำให้ผู้คนสามารถติดตาม “เส้นทาง” ของอาหารจากแหล่งกำเนิดไปจนถึงมือผู้บริโภค

แม้ว่า Blockchain จะมีศักยภาพพร้อมในการส่งมอบประโยชน์ และนวัตกรรม และสร้างสรรค์ให้กับทั้งธุรกิจและผู้บริโภคก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่าบล็อกเชนไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาแบบครอบจักรวาล  

แต่หากนำฟังก์ชันการทำงานไปใช้ร่วมกับโซลูชันการวางแผนทรัพยากรองค์กร (Enterprise Resource Planning: ERP) ที่ทันสมัย และเครือข่ายการทำงานแบบ Multi-enterprise ที่เชื่อมธุรกิจภายในซัพพลายเชนเดียวกันทั้งหมดเข้าด้วยกันบนระบบคลาวด์ 

ก็จะก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมีนัยสำคัญต่อผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่ม ที่กำลังพยายามรับรองคุณภาพ ความปลอดภัย และอายุการเก็บรักษาของส่วนผสมและผลิตภัณฑ์ที่จัดส่งให้กับผู้บริโภค

ศูนย์วิจัยธนาคารกรุงไทยระบุว่า เทคโนโลยี Blockchain กำลังก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญในประเทศไทยมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ผู้บริโภคต่างทวีความต้องการด้านการตรวจสอบย้อนกลับถึงแหล่งที่มาของอาหารและเครื่องดื่ม (Food Traceability) เพิ่มขึ้น และกลายเป็นโจทย์ใหญ่ของธุรกิจอาหารไทยในอนาคตอันใกล้ 

โดยมีการประเมินว่า ความท้าทายดังกล่าวจะมาในรูปแบบของมาตรฐานและกฎระเบียบทางการค้าใหม่ๆ ที่ให้ความสำคัญกับการตรวจสอบย้อนกลับได้ตลอดกระบวนการผลิต ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคทางการค้าสำหรับผู้ส่งออกไทยในระยะข้างหน้า เช่น นโยบาย Farm to Fork ของสหภาพยุโรปที่ครอบคลุมตั้งแต่การผลิตจากฟาร์มไปจนถึงมือผู้บริโภค 

ที่จะต้องมีการพัฒนาระบบการผลิตและขนส่งอาหารที่มีความโปร่งใส ดีต่อสุขภาพ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมซึ่งจะมีการตรวจสอบย้อนกลับสินค้าอาหาร โดยการบังคับติดฉลากเพื่อแสดงข้อมูลสินค้า เช่น โภชนาการ แหล่งที่มา ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และการส่งเสริมสวัสดิภาพสัตว์ หรือมาตรฐานเพิ่มเติมของสานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐอเมริกาที่จะทำให้การตรวจสอบย้อนกลับของแหล่งที่มาอาหารจากเดิมที่ส่วนใหญ่เป็นรูปแบบเอกสารมาเป็นรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น 

ก้าวไปอีกขั้นกับบล็อกเชน

จากมุมของผู้ผลิต ที่ผ่านมาการแบ่งปันและติดตามข้อมูลจากซัพพลายเออร์และเกษตรกร รวมถึงการให้ข้อมูลด้านความยั่งยืนและแหล่งกำเนิดของอาหารที่สำคัญ ไม่เคยมีความสำคัญกับผู้ค้าปลีกและผู้บริโภคขนาดนี้มาก่อน

ทุกวันนี้ เทคโนโลยีบล็อกเชนกำลังช่วยตอบสนองความต้องการที่สำคัญนี้  โดยบล็อกเชนจะช่วยให้มั่นใจได้ว่า เมื่อมีการบันทึกข้อมูลแบบรวมศูนย์หรือกระจายศูนย์แล้ว ก็จะไม่สามารถดัดแปลงแก้ไขได้อีก  สำหรับบริษัทอาหารและเครื่องดื่มคุณลักษณะเช่นนี้สำคัญต่อผู้ค้าปลีกและผู้บริโภค 

เพราะเป็นการให้ข้อมูลแหล่งที่มาของอาหารที่น่าเชื่อถือที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เช่น ข้อมูลที่บันทึกลงในบัญชีแยกประเภทของบล็อกเชน จะสามารถขจัดโอกาสที่จะนำส่วนผสมที่ไม่ใช่ออร์แกนิกมาแสดงไว้ในผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกในภายหลัง หรือเมื่อมีการอัปโหลดข้อมูลในระบบซัพพลายเชน อาจเกิดสถานการณ์ที่ข้อมูลอาจถูกเปลี่ยนแปลงแก้ไขโดยเจตนาได้ ซึ่งเหตุการณ์เช่นนี้เคยเกิดขึ้นแล้ว เช่น การขายเนื้อม้าแต่กลับระบุว่าเป็นเนื้อวัว เป็นต้น

สำหรับประเทศไทย รายงานจากศูนย์วิจัยธนาคารกรุงไทยได้ระบุว่า กลุ่มสินค้าเกษตรและอาหารของไทยที่ต้องเร่งดำเนินการเรื่องการตรวจสอบย้อนกลับอย่างจริงจังมี 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ สินค้าปศุสัตว์ ประมง อาหารสัตว์ ตลอดจนสินค้าผักและผลไม้ โดยสินค้าเหล่านี้มักถูกจับตาในเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในสินค้า และยังเป็นกลุ่มสินค้าที่ต้องพึ่งพาตลาดสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกา 

ซึ่งเป็นตลาดที่ให้ความสำคัญกับระบบการตรวจสอบย้อนกลับอาหารค่อนข้างมาก นอกจากนี้ ในระยะหลังคู่ค้าสำคัญอย่างจีนก็เข้มงวดในมาตรการด้านสุขอนามัยในสินค้ากลุ่มนี้มากขึ้น  ทั้งนี้สินค้า 4 กลุ่มหลักมีมูลค่าการส่งออกรวมกันถึง 159,000 ล้านบาทต่อปี หรือ 16% ของมูลค่าส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารของไทยซึ่งอยู่ที่กว่า 1 ล้านล้านบาทต่อปี

และนี่คือจุดที่เรานำเทคโนโลยี Blockchain ก้าวขึ้นไปอีกขั้น  เครือข่ายการทำงานแบบ Multi-enterprise และโซลูชัน ERP ที่ทันสมัย ให้ความสามารถกับบริษัทอาหารและเครื่องดื่ม ในการปฏิสัมพันธ์แบบไดนามิกที่จำเป็นกับหลากหลายบริษัท  เพื่อนำประโยชน์จากข้อมูลและการดำเนินธุรกิจในแต่ละวันมาใช้งาน  ซึ่งความสามารถเหล่านี้รวมถึงการวางแผนข้ามองค์กร การดำเนินการจากหลายบริษัท ตลอดจนการแก้ปัญหาที่คาดการณ์ไว้ร่วมกันโดยอัตโนมัติในระบบซัพพลายเชนที่ขยายตัวออกไป

โซลูชัน ERP สมัยใหม่และเครือข่ายการทำงานแบบ Multi-enterprise น้้นสำคัญอย่างยิ่ง ในการรับประกันว่าข้อมูลที่ถูกต้องจะบันทึกไว้ในบล็อกเชนตั้งแต่แรกเริ่ม  นอกจากนี้ โซลูชัน ERP และเครือข่ายการทำงานแบบ Multi-enterprise ยังช่วยให้มั่นใจว่า ข้อมูลที่จัดเก็บในบล็อกเชนสามารถนำไปใช้สร้างมูลค่าข้ามสายงานได้ทั่วทั้งระบบซัพพลายเชนขององค์กร  

อนึ่ง สิ่งสำคัญที่ควรทราบคือ บล็อกเชน โซลูชัน ERP และเครือข่ายการทำงานแบบ Multi-enterprise ไม่ใช่คู่แข่งกัน  ในทางกลับกันเทคโนโลยีและโซลูชันทั้งหมดต่างส่งเสริมซึ่งกันและกันมากกว่า ช่วยให้บริษัทอาหารและเครื่องดื่มปรับเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และส่งมอบผลิตภัณฑ์สุดพิเศษให้กับลูกค้าและผู้บริโภคปลายทาง

ก้าวการเติบโตของบล็อกเชนในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม

การที่ธุรกิจใช้ประโยชน์จากบล็อกเชนเพื่อเพิ่มความโปร่งใสในระบบซัพพลายเชน ทำให้การปรับใช้เทคโนโลยีนี้ยังคงเติบโต และได้รับความสนใจจากองค์กรต่าง ๆ ที่กำลังมองหาวิธีที่ปลอดภัยในการตรวจสอบและติดตามข้อมูลซัพพลายเชน  สำหรับอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม บล็อกเชนยังคงเติบโตและทวีความสำคัญยิ่งขึ้นในเรื่องอาหารที่ความปลอดภัยเป็นเรื่องจำเป็น เช่น เนื้อสัตว์และปลา เป็นต้น

ปัจจุบันนี้ ประเทศต่าง ๆ จำนวนมากขึ้นกำลังเปลี่ยนวัตถุประสงค์ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้กลายเป็นกฎเกณฑ์ข้อบังคับ ส่วนกรณีการใช้งานสำคัญอื่น ๆ ก็เริ่มเห็นได้ชัดสำหรับบล็อกเชน  ขณะนี้องค์กรและหน่วยงานทั่วโลกกำลังมีส่วนร่วมในการผลักดันให้เทคโนโลยีก้าวต่อไป โดยองค์กรขนาดใหญ่ที่ใช้บล็อกเชนเป็นหลักก็กำลังช่วยกันกำหนดมาตรฐานเกี่ยวกับองค์ประกอบของข้อมูลที่ควรรวมไว้ในบล็อกเชน

หนทางสู่อนาคต

เป็นที่ชัดเจนว่า เทคโนโลยีบล็อกเชนเป็นวิธีสำคัญสำหรับองค์กรในการปกป้องความถูกต้องของข้อมูลอย่างไรก็ตาม สำหรับองค์กรที่ตระหนักถึงคุณประโยชน์สูงสุดที่จะได้จากเทคโนโลยีในระบบซัพพลายเชน โดยโซลูชัน ERP ที่ทันสมัยบนแพลตฟอร์มคลาวด์แบบเครือข่ายร่วมด้วย จะสามารถใช้วิธีแบบองค์รวมสำหรับองค์กรเพื่อใช้งานข้อมูลที่เก็บไว้ในบล็อกเชน  

แนวทางแบบองค์รวมนี้เป็นแนวทางสำคัญในการปรับปรุงความปลอดภัยของอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับบริษัทอาหารและเครื่องดื่ม จะสามารถสร้างซัพพลายเชนด้านอาหารที่โปร่งใสมากขึ้น ปกป้องแบรนด์ และเหนือสิ่งอื่นใด คือ ช่วยลดปริมาณของเสียให้เหลือน้อยที่สุด เพื่อส่งเสริมแนวคิดริเริ่มด้านความยั่งยืนของวันนี้และในอนาคตต่อไป


บทความโดย ฟาบิโอ ทิวิติ รองประธานและผู้จัดการทั่วไป บริษัท อินฟอร์ อาเชียน-อินเดีย 

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

‘Yindee’ แชตบอตในแอป ttb Touch ใช้ Gen AI จับความรู้สึก ตอบเร็วและฉลาดกว่าที่เคย

Yindee แชตบอตที่อยู่บน Mobile Banking ของ ttb ทำงานผ่านแอป ttb Touch สามารถจับ Mood & Tone ของลูกค้าหรือผู้ใช้บริการ ว่าขณะแชตนั้น ลูกค้าอยู่ในอารมณ์ไหน ด้วย Generative AI โดย Azur...

Responsive image

คนอยากใช้พลังงานเยอะ แต่โลกอยากได้ปล่อยคาร์บอนน้อย บริษัทพลังงานแก้ไขความย้อนแย้งนี้อย่างไรดีในยุค AI

The Energy/Prosperity Paradox หรือภาวะย้อนแย้งแห่งพลังงาน และความเจริญ ถือเป็นความท้าทายระดับโลกที่บริษัทด้านพลังงานกำลังพบเจอ เพราะในตอนนี้โลกกำลังต้องการพลังงานเพิ่มขึ้นอย่างไม่เ...

Responsive image

เศรษฐกิจไทย ‘ฟื้นตัว’ แล้วหรือยัง ? ฟังความเห็นจาก 3 ผู้นำธุรกิจยักษ์ใหญ่ไทย

ค้นพบศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงไทย จีน สิงคโปร์ อินโดนีเซีย เวียดนาม และกัมพูชา พร้อมโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจในภาคอุตสาหกรรม การเงิน และเทคโนโลยี...