หลังจากคุณบัณฑูร ล่ำซำ ได้ลงจากตำแหน่งประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โดยมีคุณกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รับช่วงต่อเป็นประธานกรรมการ และคุณขัตติยา อินทรวิชัย เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย มีผลตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2563 ที่ผ่านมา
ล่าสุดผู้นำหญิงทั้ง 2 ท่านของกสิกรไทย ก็ได้แถลงวิสัยทัศน์ครั้งแรกหลังรับตำแหน่ง ซึ่งเป็นการแถลงในช่วงสถานการณ์วิกฤต COVID-19 ด้วยผ่าน LIVE Streaming ในหัวข้อ ‘HER Talk’ โดยมีสรุปประเด็นสำคัญดังนี้
คุณกอบกาญจน์เผยว่า สภาพเศรษฐกิจทั่วโลกมีการชะลอตัวลง มีสัญญาณในการชะลอตัวลงจากปัจจัยหลายอย่าง นอกจากนี้ ‘Technology Disruption’ ได้ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคอย่างมากและอย่างรวดเร็ว ทำให้สะเทือนไปทุกธุรกิจ รวมถึงธนาคารเช่นกัน การปรับตัวจึงจำเป็นมากในตอนนี้
และในขณะนี้ เศรษฐกิจถูกกระทบอย่างมากจาก COVID-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตของคนทุกชนชั้นในวงกว้าง และคาดว่าสภาพเศรษฐกิจของไทยนั้นจะเข้าอยู่สภาวะถดถอย
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมิน GDP ของปีนี้ อยู่ที่ -5% ถ้าสามารถควบคุมปัญหา COVID-19 ได้ภายในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่ยังมีในปีนี้คือการลงทุนจากภาครัฐ ซึ่งคาดว่าจะโตได้ถึง 3.3% แต่ในส่วนของการลงทุนจากภาคเอกชนก็ได้รับผลกระทบอย่างมาก ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ -5%
COVID-19 ส่งผลกระทบโดยตรงต่อหลาย ๆ อุตสาหกรรม เช่น การท่องเที่ยว การส่งออก การบริโภค และการลงทุน
“โอกาสในตอนนี้ของเราก็คือการได้หยุด ได้คิด ตั้งสติ ได้ทบทวนการทำธุรกิจของเรา เพื่อที่จะได้วางแผนที่จะก้าวไปในวันข้างหน้า ทำอย่างไรให้บทเรียนนี้ทำให้เราเติบโตได้อย่างมั่นคงและแข็งแรง”
ด้านคุณขัตติยาเผยถึงการดำเนินงานของธนาคารกสิกรไทยใน เรียกได้ว่ามีความท้าทายมาก ทั้งเรื่องของภัยแล้ง, Disruption และ COVID-19 ทางธนาคารต้องดำเนินธุรกิจให้ดีในขณะที่ต้องตอบโจทย์ลูกค้าให้ได้มากที่สุด ในฐานะที่เป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เราจึงต้องทำให้ระบบการเงินและการธนาคารของประเทศนั้นข้ามผ่านไปได้
คุณขัตติยาได้ย้ำว่า เป้าหมายยังเหมือนเดิมคือ ‘Empower Every Customer’s Life & Business’ และในบริบทของโลกที่เปลี่ยนไป ธนาคารต้องอ่านโจทย์ให้ขาดและนำไปข้างหน้า เพื่อที่จะพาลูกค้าผ่านวิกฤตินี้ไปด้วยกันให้ได้
ภายใต้สถานการณ์ที่ท้าทายธนาคารจะต้องจัดลำดับความสำคัญใหม่ (Reprioritise) ซึ่งในตอนนี้เป้าหมายหลักคือการพาทุกๆคนผ่านวิกฤติไปด้วยกัน ต้องมีการปรับโครงสร้างหนี้ ลดต้นทุนการทำงาน เข้าถึงกลุ่มที่ทางธนาคารยังไม่เคยให้บริการ ผลักดันการทำงานของรัฐ
8 Transformation Journey
ทั้งนี้ ‘Modern Class IT’ จะเป็นสิ่งที่ทำให้ธนาคารนั้นผ่านพ้นไปได้ และ Mindset ของพนักงานและองค์กรนั้นเป็นสิ่งสำคัญ
คุณกอบกาญจน์เผยว่า ความสัมพันธ์ของคณะกรรมการกับฝ่ายจัดการ จะต้องมีอิสระต่อกัน แต่ทำงานร่วมกัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารจะต้องดำเนินงานและวางแผนการทำงาน ในฝั่งคณะกรรมการให้ข้อคิดเห็นบนแผนที่ได้ปฎิบัติมา ให้เป็นไปตามนโยบายที่จัดวางไว้อย่างมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผล ดูแลให้ธุรกิจต่อเนื่องในระยะยาวได้ และสรรหาบุคคลชั้นนำ เข้ามาเป็นคณะกรรมการ ที่มีส่วนผสมที่มีครบทุกมุมมอง หลากหลาย กว้างไกลและมีทุกมิติ ทั้งนี้ยังได้ทิ้งท้ายถึงหลักการและประสบการณ์ทำงานที่ผ่านมา คือ
คุณขัตติยาเผยหลักในการทำงานว่า
“ความโชคดีไม่มีอยู่จริง ‘Luck is what happens when preparation meets opportunity’ โดยเราต้อง ไม่หยุดเรียนรู้ ไม่หยุดการใฝ่หา และเตรียมความพร้อม”
โดย Unlearn สิ่งที่เราได้เรียนมา และ Relearn สิ่งใหม่ๆ ทั้งนี้ต้อง สร้างวัฒนธรรมคนรุ่นใหม่และรุ่นเก่าที่สามารถทำงานร่วมกันและผสมผสานกันได้ และ มองไปข้างหน้า
“การที่เราจะ empower ลูกค้าได้ เราต้อง empower ทีมเราได้เช่นกัน”
เรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกของธนาคารกสิกรไทยที่นำทัพด้วยผู้หญิงเก่ง 2 ท่าน ในช่วงเวลาที่ประเทศไทยกำลังเผชิญวิกฤติครั้งใหญ่ ซึ่งเป็นความท้าทายครั้งสำคัญสำหรับสถาบันการเงินที่เป็นสถาบันสำคัญของประเทศ
บทความนี้เป็น Advertorial
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด