ถึงเวลาทิ้งออฟฟิศแล้วหรือยัง ? | Techsauce

ถึงเวลาทิ้งออฟฟิศแล้วหรือยัง ?

“การทำงาน” ในปัจจุบัน ไม่ได้หมายถึงการเข้าออฟฟิศอีกต่อไป ในยุคที่หลายบริษัทเริ่มปรับวิธีการทำงานมาอยู่บนโลกดิจิทัล เทรนด์การทำงานนอกออฟฟิศก็กลายเป็นที่นิยมมากขึ้น ลองมาดูเหตุผลกันว่าทำไม

ดึงดูด talent ที่ใช่ 

ความท้าทายอย่างหนึ่งของบริษัทในยุคดิจิทัลคือการหา talent ที่ใช่มาร่วมงานด้วย โดยเฉพาะคนเก่งๆ ที่มีทักษะเฉพาะด้านที่มีจำนวนน้อย ซึ่งเป้าหมายของชีวิตและสิ่งที่คนรุ่นใหม่เหล่านี้มองหาในตัวงานก็ไม่ใช่แค่เรื่องความมั่นคงที่บริษัทใหญ่ๆ ให้ได้ แต่คือตำแหน่งที่มีความยืดหยุ่น ท้าทาย และ ให้คุณค่าบางอย่างในเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ การทำงาน 8 ชั่วโมงในห้องสี่เหลี่ยมตลอดวัน ก็ไม่ใช่สิ่งที่น่าดึงดูด การได้มีชีวิตที่บาลานซ์นอกเหนือเวลาทำงานกลายเป็นสิ่งสำคัญพอๆ กับผลประโยชน์ด้านอื่นๆ 

จากผลสำรวจของ International Workplace Group หรือ IWG ที่ได้สอบถามพนักงานบริษัทกว่า 15,000 คนจากหลากหลายอุตสาหกรรมใน 80 ประเทศ ช่วงปี 2019 พบว่ากว่า 74% มองเรื่องความยืดหยุ่นในการเข้าทำงานเป็นความปกติในรูปแบบใหม่ หรือ new normal 

ขณะที่ 80% ของคนทำงานในสหรัฐอเมริกา เลือกปฎิเสธงานที่ไม่ให้ความยืดหยุ่นในการทำงาน 

บริษัทต่างๆ เริ่มมีการปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงนี้ โดยบริษัทในอเมริกากว่า 83% เริ่มนำนโยบายที่ให้ความยืดหยุ่นในการเข้าทำงานมาใช้มากขึ้น เพราะนอกจากพนักงานที่จะได้รับผลประโยชน์จากการทำงานที่บ้าน ตัวบริษัทและสังคมเองก็ได้รับประโยชน์หลายๆ ด้านเช่นกัน 

การแข่งขันในยุค Digital Transformation

องค์กรทั่วโลกต่างตื่นตัวกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากการเข้ามาของเทคโนโลยี ทำให้ทุกที่ต้องปรับปรุงโครงสร้างบริษัทครั้งใหญ่ ทั้งการพัฒนานวัตกรรมและวิธีการทำงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดผ่านการใช้เครื่องมือ แพลตฟอร์มต่างๆ หรือ แม้แต่การสร้างสถานที่ทำงานให้เป็น space ที่มีบรรยากาศผ่อนคลาย สะดวกสบาย เพื่อกระตุ้นให้เกิดการทำงานร่วมกันอย่างแท้จริง

การทำงานจากข้างนอกหรือทำงานจากบ้านก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมใหม่ โดยบางแห่งยังเพิ่มทางเลือกให้พนักงาน สำหรับการ work from home ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง หรือ ให้ทำงานจากสถานที่ใดที่หนึ่ง หรือแม้กระทั่ง การอนุญาตให้พนักงานผ่านออนไลน์อย่างเดียว ระหว่างเดินทางท่องเที่ยวไปด้วยก็ได้ 

เพิ่มประสิทธิผลในการทำงาน

การทำงานนอกออฟฟิศ มีส่วนช่วยให้พนักงานเกิดความรู้สึกสบาย มีสุขภาพที่ดีขึ้น ไม่เป็นโรค office syndrome เกิด work-life balance ทีดี ส่งผลให้สามารถสร้างสรรค์งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในระยะเวลาที่รวดเร็วขึ้นด้วย 

โดย 85% ของธุรกิจในผลสำรวจของ IWG กล่าวว่า การทำงานนอกออฟฟิศช่วยเพิ่ม productivity ได้จริง ขณะที่ 63% ของพนักงานกล่าวว่ามีผลงานดีขึ้นถึง 21% 

อีกหนึ่งงานวิจัยจากมหาวิทยาลัย Standford ร่วมกับมหาวิทยาลัยปักกิ่งที่ได้ศึกษาพนักงาน 242 คนของบริษัทท่องเที่ยวขนาดใหญ่ของประเทศจีน พบว่า ผลงานของกลุ่มที่ได้รับมอบหมายให้ทำงานแบบรีโมท สามารถเพิ่มประสิทธิผลได้กว่า 13.5%  

ประหยัดเวลาและงบประมาณ

ทั้งนายจ้างและพนักงานสามารถประหยัดเวลาและเงินได้จากการที่ไม่ต้องเดินทางผ่านขนส่งสาธารณะที่เต็มไปด้วยผู้คนในช่วงเวลาเร่งด่วน ทุกคนมีเวลาเพิ่มขึ้นในการหาสถานที่นั่งทำงานที่เหมาะสมและเริ่มงานได้ทันที ไม่ว่าจะทำงานในร้านกาแฟ co-working space หรือที่บ้าน พนักงานสามารถโฟกัสกับงานได้มากขึ้นและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเมื่อได้ทำงานในสถานที่ที่มีความเงียบสงบ 

ขณะที่ผู้ประกอบการก็ประหยัดค่าใช้จ่ายภายในออฟฟิศและค่าอุปกรณ์ต่างๆ นอกจากนี้บริษัทยังสามารถขยายออกต่างประเทศได้รวดเร็วขึ้น งานวิจัยของ IWG ชี้ว่าพนักงานเลือกทำงานนอกออฟฟิศเพื่อเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายและบริหารจัดการความเสี่ยงด้วย

ช่วยรักษ์โลก

การเดินทางจากนอกเมืองเข้ามาทำงานที่ออฟฟิศทุกวัน ทำให้เกิดมลพิษทางอากาศมากมาย เห็นได้ชัดโดยเฉพาะในเมืองใหญ่ๆ ซึ่งการลดการเดินทางลงไม่เพียงแต่จะช่วยให้พนักงานประหยัดค่าเดินทาง แต่ยังเป็นการช่วยรักษ์โลกอีกทางหนึ่งด้วย 

ในปี 1996 สหรัฐอเมริกาได้ออกกฎหมายอากาศสะอาด ตั้งเป้าลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากปล่อยมลพิษของรถยนต์ด้วยการกระตุ้นให้คนใช้รถคันเดียวกันในการไปสถานที่เดียวกัน (Carpooling) การเพิ่มขนส่งสาธารณะ การลดวันทำงาน และ การทำงานที่บ้าน 

ในประเทศอังกฤษมีการประมาณการจากบริษัทที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อม The Carbon Trust ว่าประเทศจะสามารถลดมลพิษที่เกิดจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 3 ล้านตันต่อปี และประหยัดค่าใช้จ่ายได้ 3 ล้านปอนด์จากการที่บริษัทต่างๆ ให้พนักงานทำงานที่บ้าน 

ความท้าทายที่มากับการทำงานนอกออฟฟิศ

แม้การทำงานแบบรีโมทจะมีข้อดีหลายประการ แต่มันก็มาพร้อมกับความท้าทายบางอย่างเช่นกัน เช่น การขาดปฎิสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมงานที่อาจส่งผลต่อทัศนคติและพฤติกรรมบางอย่างได้ 

การทำงานโดยปราศจากการพบเจอผู้คน ทำให้พนักงานต้องมีวินัยสูงมาก และต้องควบคุมตนเองเพื่อให้ทำงานให้สำเร็จลุล่วงให้ได้ โดยแต่ละคนอาจมีวิธีที่แตกต่างกันออกไป ในการกระตุ้นให้เกิดแรงบันดาลใจในการทำงาน ดังนั้น เจ้านายหรือนายจ้างจึงควรหาเวลาติดต่อสื่อสารกับพนักงานอยู่เสมอ รวมถึงการคุยแบบเห็นหน้ากันอย่างน้อย 1 ครั้งต่ออาทิตย์ เพื่อไม่ให้พนักงานรู้สึกโดดเดี่ยว 

ความล้มเหลวของการทำงานนอกออฟฟิศมักเกิดจากการที่พนักงานไม่ได้คิดริเริ่มอะไรใหม่ๆ และไม่คิดพัฒนาตัวเอง ได้แต่ทำงานแบบเป็น routine เหมือนเดิมทุกวัน ซึ่งนำไปสู่ความเบื่อหน่ายในตัวงาน จนกระทั่งต้องลาออกไปเพื่อตามหางานที่มีความท้าทายมากกว่าแทน 

นอกจากนี้ ความรู้สึกของการเป็นเจ้าของโปรเจกต์ก็เป็นสิ่งสำคัญ พนักงานควรได้ทำงานตั้งแต่ริเริ่มโปรเจกต์ไปจนจบ เพื่อให้รู้สึกถึงความเป็นเจ้าของงานและความสำเร็จ

เลือกคนที่ถูกต้อง

อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่า การทำงานจากบ้านไม่ได้เหมาะกับทุกคน บางคนอาจต้องการพลังงานจากการทำงานร่วมกับคนอื่นที่ออฟฟิศ ดังนั้น ก่อนที่จะเลือกให้ใครทำงานนอกออฟฟิศ จึงควรพิจารณาถึงคาแรกเตอร์คนๆ นั้นอย่างดีเสียก่อน ไม่อย่างนั้นอาจต้องเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ 

คนที่เหมาะกับการทำงานนอกสถานที่ ควรเป็นคนที่มีพละกำลังเหลือเฟือสำหรับการทำงานเวลานานๆ ด้วยตัวเอง และเป็นคนที่มีความรับผิดชอบมากพอ แม้ปราศจากการควบคุมโดยหัวหน้างาน รวมถึงมีทักษะในการสื่อสารผ่านช่องทางดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นอีเมล์ การส่งข้อความ หรือผ่าน video call 

เทคโนโลยีที่เปลี่ยนโฉมรูปแบบการทำงาน

การทำงานนอกออฟฟิศนั้นเติบโตขึ้นควบคู่กับการพัฒนาของเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งช่วยให้ทีมต่างๆ สามารถสื่อสารกันได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และยังสามารถทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดี แม้จะอยู่ห่างไกลกัน 

หนึ่งในแพลตฟอร์มที่มีบทบาทสำคัญในช่วงที่ทุกคนต้อง work from home ก็คือ “Lark” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสัญชาติสิงคโปร์ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ในการทำงานอย่างหลากหลาย เช่น Messenger, Online Docs and Sheets, Cloud Storage, Calendar และ Video Conferencing รวมอยู่ในที่เดียว 

ที่สำคัญเวอร์ชั่นที่ออกมาให้ใช้ฟรี ยังรวมฟีเจอร์ Video Calls แบบ unlimited ที่สามารถแชร์หน้าจอขั้นสูง ด้วยความจุ 200 GB บนคลาวด์  

นอกจากจะอำนวยความสะดวกในการทำงานแบบรีโมทหรือออนไลน์แล้ว Lark ยังได้รับการยอมรับจากองค์การ UNESCO ว่าเป็นแพลตฟอร์มที่เอื้อประโยชน์ในด้านการเรียนการสอนให้แก่นักเรียน นักศึกษา ผู้ปกครอง และอาจารย์ด้วย

ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราจะทิ้งออฟฟิศและ “ไปทำงาน” ที่บ้านหรือร้านกาแฟอย่างสบายใจ 

เริ่มต้นใช้งาน Lark ได้ฟรี ง่ายๆ เพียงสมัครและดาวน์โหลดได้ที่ https://www.larksuite.com/en_sg/pricing?tracking_code=7010o000002Gq2QAAS 

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ยิบอินซอย ทำอย่างไรถึงเป็นบริษัทไอทีที่อยู่มาเกือบ 100 ปี กับเป้าหมายใหม่โตต่อเนื่องไปอีกศตวรรษ

‘ยิบอินซอย’ (Yip In Tsoi) ชื่อของบริษัทเก่าแก่ที่อยู่คู่คนไทยมากว่า 100 ปี ทำมาหลายอย่างหลายอุตสาหกรรมจนทำให้คนอาจรู้จักกันไปในคนละมุม แต่แท้จริงแล้ว ยิบอินซอย ถือเป็น ‘บริษัทไอที...

Responsive image

KBTG Kampus ผนึก ลาดกระบัง ธรรมศาสตร์ มหิดล ดีไซน์ 3 หลักสูตร ป.โท สร้าง Tech Talent เก่งเชิงลึก

สำรวจหลักสูตร ป.โท Co-Master's Degree ที่ KBTG Kampus ร่วมกับ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง, มหาวิทยาลัยมหิดล และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดสอน มีสาขาวิชาอะไรให้เรี...

Responsive image

Ingram Micro ร่วมกับ Microsoft นำเสนอ ‘CAN Innovation’ ผู้ช่วย SMEs และองค์กร เก็บ Data ครบทุกการขาย ควบคุมได้ตลอดการกระจายสินค้า

Ingram Micro ร่วมกับ Microsoft นำเสนอ CAN Innovation ผู้ช่วยให้ธุรกิจของคุณทำงานได้ง่ายขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยเครื่องมือจัดการงานขายที่ครบครัน ช่วยให้คุณลดต้นทุน เพิ่มยอดข...